อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 761 ส่งเจ้ากลับบ้าน
ตอนที่ 761 ส่งเจ้ากลับบ้าน
ตอนที่ 761 ส่งเจ้ากลับบ้าน
อวี้ชิงลั่วมองไปรอบ ๆ ก่อนดึงเขาไปยังที่ลับตา แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “มีคนปองร้ายผู้อาวุโสสกุลหมิง”
จากนั้นนางจึงเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับหงเย่
สีหน้าของเย่ซิวตู๋มืดมนลงทันใด แม้บางครั้งผู้อาวุโสสกุลหมิงจะไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็เป็นคนที่ปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจ
เรื่องนี้ร้ายแรงมากอย่างแน่นอน เย่ซิวตู๋รู้ดี “ข้าจะไปบอกท่านตา”
“แล้วเจ้าสนิทกับเหมิงผูเซิ่งหรือไม่?”
“ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งหรือ?” เย่ซิวตู๋รู้สึกประหลาดใจ เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ตอนที่ข้ายังเด็กก็มีความสนิทสนมกัน แต่เราไม่ได้เจอกันหลายปี จึงไม่ได้สนิทกันเหมือนก่อน”
เหตุผลหลักคือเขาโตแล้ว ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งจึงไม่อาจพูดคุยกับเขา…ด้วยสารพัดวิธีเกลี้ยกล่อมเหมือนตอนเด็กได้อีกต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นก็ถือโอกาสทดสอบเพื่อค้นหาว่าใครคือคนที่ทำร้ายเขา ข้าคิดว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเล่นงานผู้อาวุโสสกุลเซิ่งที่เป็นผู้อาวุโสของเผ่า และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส”
เย่ซิวตู๋เงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้ากำลังสงสัยว่า ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือ?”
“ใช่”
“เข้าใจแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรเสียก็มีเย่ซิวตู๋อยู่คนเดียวที่คอยช่วยแก้เรื่องยุ่งยากเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้มากนัก
นางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ บริเวณ และพบว่าเกือบทุกคนออกไปแล้ว ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยังคงรอนางอยู่ข้างนอก และนางไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป
“เช่นนั้นข้าจะไปคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก่อน แล้วเจอกัน”
ขณะที่อวี้ชิงลั่วพูด นางก็ยกกระโปรงขึ้นและก้าวข้ามขั้นบันไดข้างหน้านาง แล้วเดินไปที่ประตู
เมื่อนางก้าวต่อไป จู่ ๆ แขนของนางก็ถูกคนที่อยู่ข้างหลังจับไว้ นางชะงักก่อนถูกดึงกลับไปอีกครั้ง
“ท่าน…”
เย่ซิวตู๋ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากนางก่อนจะปล่อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้เรื่องของเหมิงหลัวอวี้ก็เรียบร้อยแล้ว คืนนี้ก็คงจะได้”
อวี้ชิงลั่วรีบหันหน้ามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหม่า และพบว่าไม่มีใครมองพวกเขาอยู่ นางจึงรู้สึกโล่งใจก่อนจะตีเขาด้วยความโกรธ “นี่มันข้างนอก ถ้ามีคนเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”
“ไม่ต้องห่วง ข้าดูแล้ว ไม่มีใครสนใจตรงนี้หรอก”
อวี้ชิงลั่วจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดันอีกครั้ง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ คิ้วของนางก็ขมวดมุ่น “เอาล่ะ ข้าคงจะออกมาจากคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ดึก ดังนั้นข้าจะไม่รบกวนท่าน”
“… ก็ได้ ในเมื่อเจ้ากลับมาดึก เจ้าก็คงจะเหนื่อยมาก ข้าจะให้แม่นมเซียวไปรับใช้เจ้า”
อวี้ชิงลั่วกัดฟัน แล้วหยิกแขนเขาอย่างแรง “เย่ซิวตู๋ คืนนี้อย่าพยายามเข้ามานอนบนเตียงของข้านะ ฮึ่ม” เมื่อรู้ว่าแม่นมเซียวเป็นจุดอ่อนของนาง เขาก็ใช้เรื่องนี้เพื่อจะมาคุกคามนาง
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้นคนเดียว มองแผ่นหลังของนางที่จากไปด้วยความโกรธ และหัวเราะเบา ๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่งสีหน้าของเขาก็สงบลง และกลับมาดูเย็นชาไร้ความรู้สึกดังเดิม จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปหาผู้อาวุโสสกุลหมิง
เมื่ออวี้ชิงลั่วออกมาจากบริเวณจัดงาน นางก็เห็นรถม้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่ยังคงรออยู่ที่เดิม เหมิงหลัวอวี้นั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่างรถม้า ขณะยื่นคอมองออกมา
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว นางก็กระโดดออกจากรถม้าด้วยความดีใจ การเคลื่อนไหวเช่นนั้นทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่เกือบส่งเสียงร้องออกมา
“ท่านน้าชิง…” เหมิงหลัวอวี้เข้ามาจับมือนาง เม้มปากแล้วยิ้ม “ข้าคิดว่า คิดว่าท่านจะไม่มาแล้วเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้อย่างไร? เสี่ยวอวี้ยังคงรอข้าอยู่ที่นี่ ไปกันเถิด ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน”
ส่งเจ้ากลับบ้าน!!
เหมิงหลัวอวี้สะดุ้งเล็กน้อย แล้วจ้องมองอวี้ชิงลั่วที่กำลังยิ้มหวานด้วยสายตาว่างเปล่า ปลายจมูกของนางพลันรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อย
เพื่อส่งนางกลับบ้าน ท่านน้าชิงใช้ความคิดอย่างมากตลอดทาง ทนทุกข์ทรมานกับความคับข้องใจ เสียเวลาไปมาก และทำให้หนานหนานเกือบต้องเผชิญหน้ากับเหมิงเคอเพียงลำพัง ท่านน้าชิงคือผู้มีพระคุณที่นางไม่มีวันตอบแทนได้หมดในชีวิตนี้
เหมิงหลัวอวี้จับมือนางแน่นเล็กน้อยขณะก้มศีรษะลง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ท่านน้าชิง ขอบคุณนะเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วหูดีมาก นางได้ยินอย่างชัดเจน แต่ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน เมื่อเห็นเด็กหญิงยังคงก้มศีรษะอยู่ นางก็ยักไหล่เล็กน้อยขณะยกยิ้ม แล้วอุ้มเหมิงหลัวอวี้เข้าไปในรถม้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รถม้าแล่นเข้าไปในคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ดูเหมือนว่าเหมิงหรงจะได้รับข่าวมานานแล้ว เขาจึงสั่งให้สาวรับใช้ช่วยพยุงเขาให้ลุกจากเตียง และไปยืนคอยอยู่ที่หน้าประตูเรือนเย่เซ่อ
เหมิงหลัวอวี้มองเขาอย่างประหม่า แล้วจับมือของอวี้ชิงลั่วไว้แน่นอีกครั้ง
นี่คือพ่อของนาง หนานหนานบอกว่าพ่อของนางป่วยและสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ฮูหยินใหญ่บอกว่าพ่อให้ความสนใจนางเสมอ แต่สถานการณ์บีบบังคับให้เขาต้องแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่มีนางเป็นลูกสาว
ในความเป็นจริงนางเป็นคนมีเหตุผลและสามารถเข้าใจเขาได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวนั้นดูเหมือนคนแปลกหน้าเกินไป นางจึงระวังตัวโดยไม่รู้ตัว
เหมิงหรงจ้องมองไปยังใบหน้าของเหมิงหลัวอวี้ที่คล้ายอาชิ่นแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ เขาอ้าปาก แต่ก็ยังไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แล้วคุกเข่าลงกระซิบข้างหูของเหมิงหลัวอวี้ว่า “เสี่ยวอวี้ พ่อของเจ้าสุขภาพไม่ดีและยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน ถ้าเขายังคงยืนเช่นนี้ต่อไป อาการของเขาจะแย่ลง”
เหมิงหลัวอวี้งุนงง ราวกับว่าเส้นในสมองของนางกำลังตึงมาก และเมื่ออวี้ชิงลั่วดึงมันเบา ๆ มันก็ขาด
นางใจหายเล็กน้อย “ท่านน้าชิง แล้ว แล้วจะทำอย่างไรดี?” นางไม่ต้องการทำให้อาการของบิดาแย่ลง
“ไปช่วยประคองพาเขากลับห้องไปพักผ่อนเถิด”
เหมิงหลัวอวี้พยักหน้า นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ปล่อยมือของอวี้ชิงลั่ว แล้วรีบเดินไปอยู่ข้างเหมิงหรง จากนั้นเงยหน้าขึ้นพูดเบา ๆ ด้วยแววตาใสซื่อว่า “ข้า ข้าจะช่วยพาท่านไปพักผ่อนที่เตียง ดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“ดี ดีเลย” เหมิงหรงตื่นเต้นมากจนแทบจะยืนไม่ได้ และเกือบจะคุกเข่าลงบนพื้น แต่อูเหมี่ยนเซิงที่อยู่ข้าง ๆ มีสายตาฉับไวและช่วยประคองเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เขากับเหมิงหลัวอวี้ก็ช่วยกันพาเขากลับไปที่ห้อง
อวี้ชิงลั่วไม่ได้ตามเข้าไป เสี่ยวอวี้เริ่มก้าวแรกแล้ว ที่เหลือก็จะง่ายขึ้นมาก นางเชื่อว่าด้วยความรักที่เหมิงหรงมีต่อเหมิงหลัวอวี้ จะทำให้เหมิงหลัวอวี้ลดเกราะป้องกันตัวเองลงอย่างรวดเร็ว
นางหันไปเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วหัวเราะ “ผู้อาวุโสสกุลเยว่เจ้าคะ ตอนนี้ทุกคนมีความสุข ทั้งครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
“เรื่องนี้เป็นเพราะแม่นางถัง ปล่อยให้พ่อลูกคุยกันไปเถิด แม่นางถัง โปรดมาทางนี้ ข้าได้สั่งให้คนเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว โปรดให้เกียรติด้วย” เมื่อนึกได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ชื่อว่าเป็นหมอปีศาจด้วย ดวงตาของผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็เปล่งประกายมากขึ้น
อาการป่วยของลูกชายเขาไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ผู้อาวุโสสกุลเยว่ เรื่องงานเลี้ยงยังไม่ต้องเร่งรีบหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะพาหนานหนานมาหาเสี่ยวอวี้สักวันหนึ่ง เด็กคนนั้นชอบกินมาก ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่โปรดอย่าได้รังเกียจเลยเจ้าค่ะ วันนี้ข้ามาส่งเสี่ยวอวี้กลับบ้าน เดิมทีข้าคิดว่ามีอีกเรื่องที่จะคุยกับคุณชายเหมิง แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องของเสี่ยวอวี้คงเปี่ยมล้นอยู่ในใจของคุณชายเหมิง จึงเกรงว่าเขาคงไม่พร้อมฟังเรื่องอื่น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากผู้อาวุโสสกุลเยว่เมื่อก่อนหรอกเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึง “เรื่องอะไร?”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอให้น้องอวี้มีความสุขกับชีวิตใหม่นะคะ ได้อยู่กับท่านพ่อแล้ว
ไหหม่า(海馬)