อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 763 หนานหนาน เจ้าถูกหลอกแล้ว
ตอนที่ 763 หนานหนาน เจ้าถูกหลอกแล้ว
ตอนที่ 763 หนานหนาน เจ้าถูกหลอกแล้ว
อวี้ชิงลั่วแทบจะถูกเขาชนล้มลงกับพื้น นางถึงกับก่ายหน้าผาก เมื่อคิดว่าห้องส่วนตัวชั้นล่างยังมีผู้อาวุโสสองสามคนกำลังจ้องมองราวเสือจ้องเหยื่อก็รีบจับคอเสื้อหนานหนานกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง และปิดประตูในทันใด
หนานหนานมองการกระทำที่ฉับไวของท่านแม่ตนด้วยสายตางุนงง กะพริบตา “ท่านแม่เป็นอะไรไปหรือ?”
ท่าทางนางดูเหมือนว่าด้านหลังมีผีร้ายไล่ตามอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร” อวี้ชิงลั่วนั่งลงตรงโต๊ะ รินน้ำให้ตนจอกหนึ่ง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นหนานหนานมีท่าทางตื่นเต้นจนหน้าแดง ในมือยังกอดกรงใบใหญ่เอาไว้ กรงใบนั้นมีผ้าสีดำคลุมอยู่ ดูแล้วน่าสงสัยเป็นอย่างมาก
“นั่นอะไร” อวี้ชิงลั่วเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างสงสัย หนานหนานกอดกรงแล้วก้าวถอยหลังไปในทันที
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา “จิ๊ๆ ข้าดูไม่ได้หรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ขอรับ” หนานหนานหัวเราะ “ท่านแม่ลองเดาดูสิ หากท่านเดาถูก ข้าจะให้ดู”
อวี้ชิงลั่วอยากจะคว้าตัวเขาแล้วตีเสียจริงๆ กล้ามาเล่นอุบายนี้กับนางหรือ? เจ้าเด็กนี้ไม่ได้ถูกสั่งสอนมานานเกินไปแล้ว
นางนั่งกลับลงไปอีกครั้ง หยิบเอาจอกชาแล้วค่อยๆ หมุนไปมา สายตามองไปยังผ้าสีดำผืนนั้น ไม่กล่าวอะไรอยู่นาน
หนานหนานรออยู่นานก็ไม่เห็นว่านางกล่าวอะไรทั้งนั้น ครู่หนึ่งก็รู้สึกกระวนกระวาย “ท่านแม่รีบเดาสิขอรับ ข้าถือจนเจ็บมือแล้ว”
“มือไม่หักก็ดีแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะทายาขี้ผึ้งให้เจ้า เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” ไม่ใช่ว่าให้นางทายหรอกหรือ? นางยังคิดไม่ตกเลย ก็ให้เขากอดมันอยู่อย่างนั้นเถิด
หนานหนานรู้สึกไม่เป็นธรรม เบ้ปากลง ในที่สุดก็เลิกยืนกราน นำกรงวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ลากเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งข้างๆ อวี้ชิงลั่ว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่รีบเดาสิขอรับ”
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจ “ขอร้องข้าสิ”
“ท่านแม่ ข้าขอร้องล่ะ ท่านรีบทายทีเถิด”
อวี้ชิงลั่วอยากจะอาเจียนเป็นเลือดจริงๆ นางดึงหูหนานหนาน “เจ้าช่วยมีศักดิ์ศรีหน่อยได้หรือไม่ ข้าให้เจ้าขอร้องเจ้าก็ขอหรือ?”
หนานหนานยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมกว่าเดิม “ขอร้องท่านแม่ไม่ขายหน้าหรอกขอรับ อยู่ต่อหน้าท่านแม่อย่าว่าแต่ศักดิ์ศรีเลย แม้แต่คุณธรรมข้าก็ไม่มี”
“อุบ…” น้ำชาในปากอวี้ชิงลั่วพุ่งออกมา มองแววตาของเขาที่เปล่งประกายราวกับลูกกวาง พ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก
เพื่อไม่ให้เขาพูดสิ่งที่น่าตกใจภายหลัง อวี้ชิงลั่วจึงยกเขาไปนั่งบนเก้าอี้ กล่าวเสียงเยือกเย็นคำหนึ่ง “ใช้กรงใส่ไว้ เช่นนั้นข้างในก็น่าจะเป็นสัตว์”
แววตาหนานหนานเป็นประกาย พยักหน้าพลางกล่าว “อืมๆ”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา แววตามองไปยังผ้าสีดำ หยุดชะงัก จากนั้นก็กล่าวเสียงต่ำ “เจ้าไม่สนใจกระต่ายหรือนก ในเมื่อพ่อของเจ้าบอกว่าเป็นสิ่งที่เจ้าสนใจอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นของที่ไม่เสียหายอันใด เช่นนั้นน่าจะเป็นของที่หายากสำหรับพวกเรา ทั้งยังเห็นท่าทางของเจ้าแล้ว… สัตว์ตัวนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่น่าเกรงขาม เช่นนั้นก็คงหนีไม่พ้นเสือดาว หมาป่า หรือสัตว์จำพวกเสือ”
หนานหนานจ้องมองเขม็ง ทั้งร่างแข็งทื่อไป ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติกลับคืน
อวี้ชิงลั่วดื่มชาอีกอึกหนึ่ง กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าเดาถูกหรือไม่?”
“ท่านแม่ หงเย่บอกท่านหรือ” หนานหนานจ้องมองนางอย่างสงสัย
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะเขา “มารดาอย่างข้าน่ะฉลาดจะตายไป ต้องให้คนอื่นมาบอกข้าด้วยหรือ?”
“นั่นก็ถูก ข้าฉลาดเพียงนี้ ท่านแม่ข้าก็ไม่มีทางต่างจากข้าเป็นแน่” หนานหนานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างรุนแรง อยากจะชมก็ชมนางสิ เหตุใดต้องชมตัวเองด้วย ไร้ยางอายจริงๆ
หนานหนานวิ่งไปที่ด้านหน้ากรงอย่างตื่นเต้น เปิดผ้าสีดำออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในกรง…ว่าเป็นลูกสุนัขป่า
เป็นลูกสุนัขป่าตัวเล็กๆ ดูท่าทางแล้วยังมีอายุเพียงไม่กี่สัปดาห์ ขนหนาอุย หูสองข้างตั้งตรง ขนปุยราวกับลูกสุนัข ท่าทางของมันดูเชื่องมาก อยู่ในกรงโดยไม่ส่งเสียง แต่ดวงตานั้นกลับดูดุร้ายอย่างมาก ราวกับว่ากำลังเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวรอบกายอย่างเงียบๆ เหมือนว่าเตรียมตัวจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
หนานหนานพิงขอบกรง หรี่ตายิ้ม “ท่านแม่ ท่านลุงเวิงให้หมาป่านี้กับข้า เขาบอกว่าเจ้าหมาป่านี่เพิ่งเกิดได้เพียงเดือนกว่าๆ ยังกินนมอยู่ อีกเดี๋ยวท่านต้องเตรียมไว้ให้มันรู้หรือไม่ ท่านจะต้องดูแลมันเหมือนที่เลี้ยงข้า”
ฝ่ามือของอวี้ชิงลั่วตบลงบนศีรษะของเขา ลูกสุนัขป่าในกรงค่อยๆ ลุกขึ้นมาพร้อมกับพองขน จ้องมองอวี้ชิงลั่วอย่างแน่วแน่
อวี้ชิงลั่วสงสัย ลูกสุนัขป่าตัวนี้กำลังปกป้องหนานหนานหรือ?
หนานหนานทำหน้ามุ่ย “ท่านแม่ หากท่านตีข้าอีก ข้าคงโง่เพราะโดนท่านตีแล้ว”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว กลอกตา ทันใดนั้นก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ ส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เดิมทีเจ้าก็โง่มากอยู่แล้ว ยังต้องให้ข้าตีอีกหรือ ครั้งก่อนที่เจ้าบอกว่าอยากจะเลี้ยงหมาป่า ข้าก็บอกไปแล้วว่าเจ้าเหมาะจะเลี้ยงหมาในเท่านั้น ตอนนี้เจ้าก็เป็นอย่างที่ข้าบอกแล้ว เจ้าพาหมาในกลับมาจริงๆ”
หนานหนานตะลึง กะพริบตา ทันใดนั้นก็หันไปมองหมาป่าที่อยู่ในกรง “ท่านแม่ว่าอย่างไรนะ หมาในหรือ? นี่มันหมาป่า หากไม่รู้จักท่านก็อย่าพูดมั่วซั่วสิ”
“เจ้าน่ะสิที่ไม่รู้ ข้าเห็นมามากแล้ว จะแยกไม่ออกได้อย่างไร” อวี้ชิงลั่วคำรามเบาๆ ท่าทางราวกับมีแผนในใจอยู่แล้ว
หนานหนานตกใจกับท่าทางของแม่ เกาหัวตนเอง หันหน้าไปมองสุนัขน้อยในกรงนั้น คิ้วเล็กๆ ขมวดแน่น
“หนานหนาน เจ้าถูกหลอกแล้ว” อวี้ชิงลั่วกล่าวอย่างมั่นใจมาก
หนานหนานหงุดหงิดมาก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเดินมาในห้อง ในใจรู้สึกซับซ้อนมาก
“ท่านแม่ ข้าจะไปคิดบัญชีกับท่านลุงเวิง” หลังจากเดินไปกว่าสิบห้านาที หนานหนานก็หยุดยืน พองแก้มแล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
อวี้ชิงลั่วจิบชาอีกครั้ง “อ้อ แล้วเจ้าหมา…ในตัวนี้ล่ะ”
ในใจหนานหนานยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ ผ่านไปครู่หนึ่งก็นำกรงมากอดไว้ในอ้อมแขน กล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าตัวนี้ข้าก็ยังต้องการอยู่ ข้าชอบมัน ต่อไปมันถือเป็นสหายของข้า แต่ว่าการไปคิดบัญชีกับท่านลุงเวิงเป็นเรื่องสมควร ข้าจะไปตอนนี้แหละ”
ขณะกล่าวก็กอดกรงแล้วจากไป
อวี้ชิงลั่วนั่งลงแล้วดื่มชาอย่างสงบนิ่ง นึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของหนานหนานก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาได้สุนัขป่าตัวนั้นมา คงต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกระมัง สุนัขป่าตัวนั้นดูเป็นมิตรกับหนานหนานมาก หนานหนานดูเหมือนจะมีชะตาต้องกับสัตว์มาก ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าได้ดีกับทุกคน
เด็กคนนี้… ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ
หงเย่ที่อยู่นอกประตูมองหนานหนานที่วิ่งออกไปราวสายลม เดินเข้ามาในห้องด้วยความสงสัย “คุณหนู นี่มัน…”
“ผู้อาวุโสเหล่านั้นไปหรือยัง?” อวี้ชิงลั่วถาม
หงเย่พยักหน้า “ไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู ที่พวกเขามา… เพราะหนานหนานหรือเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วไม่ได้กล่าวอันใด เพียงแต่เดินออกไปนอกห้อง ยืนอยู่ตรงทางเดิน มองลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง
หนานหนานหอบกรงรีบเดินออกนอกประตูไป จากนั้นไม่นาน ด้านนอกกลับมีคนคนหนึ่งมาขวางทาง
แววตาของเขาถูกกรงบังไว้ เขาจึงมองไม่เห็นอย่างชัดเจน ทำได้เพียงก้าวไปด้านข้างเท่านั้น
แต่คนที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขา ราวกับว่าจะขยับไปอีกก้าวเล็กๆ ขวางทางเขาไว้อีกครั้ง
หนานหนานโมโห ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สรุปว่าหนานหนานโง่หรือฉลาด โดนแม่หลอกว่าเป็นหมาในก็เชื่อแล้วเหรอ
ไหหม่า(海馬)