อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 765 คืนนั้นจันทร์มืดลมแรง
ตอนที่ 765 คืนนั้นจันทร์มืดลมแรง
ตอนที่ 765 คืนนั้นจันทร์มืดลมแรง
หนานหนานหันหน้ากลับมาด้วยท่าทางน่าสงสาร มองท่านแม่ของตนแวบหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วหรี่ตายิ้ม ท่าทางดูราวสุนัขป่าที่ปลอมเป็นคุณยายใจดี น่ากลัวเป็นอย่างมาก “เด็กดี เจ้ามาคุยกับแม่เสียหน่อย เหตุใดวันนั้นเดิมทีก็ตกลงกันแล้วว่าจะพักอยู่ที่บ้านท่านตาทวดของเจ้าคืนหนึ่ง แล้วจู่ๆ จึงกลับมาที่โรงเตี๊ยมและถูกผู้อาวุโสสกุลลี่ลักพาตัวไปได้เล่า ข้าที่เป็นแม่ของเจ้าน่ะนะ เพียงรู้ว่าเจ้าถูกจับตัวไปก็เป็นกังวลอย่างมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยจริงๆ คนทั้งคนผอมซูบไปมาก เจ้าคิดว่าการปวดใจของข้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือ?”
เย่ซิวตู๋กระแอมเบาๆ อย่างเงียบๆ ชิงเอ๋อร์ ไม่เห็นหรือว่าหนานหนานขาสั่นแล้ว อย่าไปทำเขากลัวเลย เขายังเล็กนัก
อวี้ชิงลั่วกลอกตามองเขา จากนั้นก็หันหน้ามาอีกครั้ง กวักมือเรียกหนานหนาน
หนานหนานนึกขึ้นได้ในทันที จริงด้วย เหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องนี้ไป เรื่องนี้นั้น… ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่หนักหนาประมาณหนึ่ง
แต่ท่านแม่กล่าวเกินไปแล้ว นางผอมลงตรงไหนกัน ดูอย่างไรก็เหมือนจะน้ำหนักขึ้นเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
“ท่านแม่” หนานหนานขยับไปอย่างระมัดระวัง วางกรงกลับไปไว้บนโต๊ะ หัวเราะฮิๆ แล้วนั่งลงบนตักของนางอีกครั้งอย่างประจบประแจง
อวี้ชิงลั่วพลันรู้สึกร้อนที่หน้าขา เจ้าเด็กนี่อุณหภูมิร่างกายสูงอยู่แล้ว ต้องทรมานเช่นนี้ ช่างลำบากมากจริงๆ
นางโยนตัวคนบนตักออกไปอย่างอดทน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถาม “ว่ามาสิ เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านแม่ เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้นะขอรับ คืนนั้นจริงๆ แล้วเรื่องเป็นเช่นนี้” หนานหนานทำสีหน้าจริงจัง ทันใดนั้นก็เลียนแบบท่าทางของท่านพ่อโดยถอนหายใจอย่างรุนแรง กล่าวอย่างจริงจัง “คืนนั้นจันทร์มืดลมแรง ทุกอย่างเงียบสงบ ด้านนอกฝนตกอากาศชื้น หยาดฝนโปรยปรายใบไม้ร่วงสู่ดิน…”
“…” เย่ซิวตู๋หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ อืม ลูกของเขาไม่น่าสงสารเลยสักนิด ไม่น่าสงสารเลย หากถูกลงโทษ เขาจะไม่เห็นใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“อ๋า… ท่านแม่ อย่าหยิกแก้มข้า ตอนนี้หน้าข้าอ้วนมากแล้ว หากบวมอีกเพียงนิด วันพรุ่งนี้ข้าจะไม่มีหน้าไปพบน้องอวี้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วกัดฟัน “เจ้าเข้าประเด็นเลยไม่ได้หรือ หากยังพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจะนำลูกหมาป่าของเจ้าไปให้คนอื่น”
“ท่านแม่” หนานหนานกุมใบหน้าครึ่งหนึ่งของตนอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม “ข้าจะพูดอยู่แล้ว ท่านจะเปลี่ยนนิสัยของท่านได้เมื่อไร หากต่อไปท่านพ่อไม่ชอบใจจะทำอย่างไรเล่า”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว หันหน้าไปมองทางด้านเย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋ทำสีหน้าไร้เดียงสา บุตรชายคนนี้อยู่เพื่อเอาชนะเขาจริงๆ ตอนนี้ยังไม่ลืมลากเขาเข้าไปเจอปัญหาด้วย
เขารีบทำสีหน้าจริงจัง “ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่มีทางไม่ชอบใจเจ้า นิสัยของเจ้าดีมากแล้ว ข้าชอบมาก” เขากล่าวพลางจ้องมองหนานหนานอย่างดุดัน “ยังไม่รีบอธิบายอีก เรื่องวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“…” ท่านพ่อช่างไร้ความเป็นธรรมนัก
หนานหนานคิดอย่างโกรธเคือง จากนั้นก็กล่าวเสียงเบา “วันนั้นข้ากินมากเกินไป กลางดึกจึงตื่นขึ้นมาและต้องการไปฉี่ จากนั้นก็นอนไม่หลับ วิ่งไปที่ลานบ้านเพื่อนับมด อ๋า ไม่สิ ไปชมจันทร์ขอรับ ข้ายังมีสุนทรียะทางวรรณศิลป์มาก… จากนั้นข้าก็เห็นท่านตาใส่ชุดดำ กลับมาจากข้างนอกด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ”
ท่านตาหรือ?
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋สบตากัน เหมิงจื้อเฉิงหรือ
“จากนั้นข้าก็ตามท่านตาออกจากเรือนไป ตามไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงตรงหน้าเรือนแห่งหนึ่ง ข้าเห็นว่าเหมือนจะมีกลไกอยู่ในสวน ท่านตาขยับแบบนั้นแบบนี้อยู่สองสามครั้ง ประตูนั้นก็เปิดออก จริงๆ ข้าอยากจะเข้าไปดูยิ่งนัก แต่ก็กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ถูกคนพบเข้า ดังนั้นจึงรอแล้วรอเล่าอยู่ด้านนอก รอจนผมข้าแทบหงอกแล้วเขาก็ไม่ออกมา ข้ารู้สึกว่าง่วงมาก ก็คิดว่าจะกลับไป เดินไปสองสามก้าวก็พบว่าบ้านหลังนั้นที่แท้ก็อยู่ห่างจากโรงเตี๊ยมไม่ไกล ข้าจึงกลับไปนอนที่โรงเตี๊ยม คิดไม่ถึงว่าตอนที่ข้ากลับสนิท กลับมีคนนำกระสอบมาห่อข้าแล้วหิ้วจากไป”
“ท่านแม่ ข้าจะบอกให้นะขอรับ คนพวกนั้นไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ไม่ดูแลผิวอ่อนนุ่มของข้าอย่างดีเลยสักนิด ส่ายถุงไปมาตลอดทาง โชคดีที่ข้าโชคดี ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่ได้พบข้าอีกเป็นแน่”
“แต่ท่านแม่วางใจเถิด ข้าได้แก้แค้นไปแล้วขอรับ”
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขา ใครกันที่ไม่วางใจ เห็นท่าทางเช่นนั้นของเขาก็รู้แล้วว่าไม่ได้รู้สึกไม่เป็นธรรมใดๆ
“เจ้าบอกว่าบ้านหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเตี๊ยมนี้ อยู่ที่ใดหรือ”
“ท่านแม่ นั่นไม่ใช่ประเด็นขอรับ” หนานหนานโมโห ประเด็นคือเขาถูกรังแกต่างหาก อย่างไรท่านแม่ก็ควรแสดงความโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกันสิ
แต่ถึงแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังกล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก “เป็นเรือนหลังโรงเตี๊ยมนี้ขอรับ”
“พาพวกเราไปเสีย” เย่ซิวตู๋ยืนขึ้นแล้ว จากนั้นก็อุ้มหนานหนานขึ้น
ช่วงนี้เหมิงจื้อเฉิงดูมีพิรุธ จากข้อมูลของชิงเอ๋อร์ ครั้งก่อนที่เขาติดต่อกับคนรอบตัวของหมู่เฟย ไม่แน่ว่าที่บ้านหลังนั้นจะเป็นแหล่งกบดานของคนที่รับใช้หมู่เฟยก็เป็นได้
หนานหนานกะพริบตา เห็นท่าทางของท่านพ่อมีสีหน้าจริงจังอย่างมาก ก็ทำได้เพียงลอบถอนหายใจ ก้มหน้าแล้วนำทั้งสองคนออกไปข้างนอก
ออกจากห้องก็เห็นหงเย่รออยู่ด้านนอก เขารีบกล่าวสั่ง “ท่านพี่หงเย่ ช่วยดูหลางหลางของข้าทีนะขอรับ”
หงเย่มองครอบครัวทั้งสามคนอย่างสงสัย อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้นาง นางตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินเข้าห้องไป
เรือนที่หนานหนานบอกอยู่ห่างไปทางด้านหลังโรงเตี๊ยมไม่ไกลจริงๆ ด้านนอกดูธรรมดามาก ไม่ต่างจากบ้านอื่นรอบๆ นัก ถึงขั้นดูเก่าคร่ำคร่ามีรอยกระดำกระด่างอย่างไม่ได้รับการดูแล
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เย่ซิวตู๋วางหนานหนานลงบนพื้น เดินไปรอบๆ กำแพง ด้านนอกมีประตูเล็กๆ แต่มันถูกลงกลอนไว้ ดูราวกับว่าไม่มีคนอยู่
เขาเดินกลับมาที่หน้าประตูใหญ่อีกครั้ง อวี้ชิงลั่วมองเขา
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ทำได้เพียงเข้าทางประตูหน้า ข้าจะไปดูหน่อย” เขาคิดว่าจะขึ้นไปบนกำแพง แต่บนกำแพงนั้นมีหนามแหลมคม ทั้งยังมีเส้นสีขาวบางๆ เขาคิด ถ้าหากว่าไปโดนเส้นสีขาวโดยไม่ระวัง จะต้องทำให้คนข้างในรู้ตัวเป็นแน่
แม้แต่ตอนที่เหมิงจื้อเฉิงเข้าไปก็ไม่ได้เข้าไปทางกำแพง จะขึ้นไปบนนั้นไม่สะดวกนัก
“เจ้าระวังตัวด้วย” ตามที่หนานหนานบอก ที่เรือนนี้น่าจะมีกลไกอยู่
เย่ซิวตู๋มองดูประตูใหญ่ สุดท้ายแล้วดวงตาเขาก็จับจ้องไปยังหินแหลมคมที่ข้างประตู กดลงเบาๆ ทันใดนั้นช่องด้านข้างก็เปิดออก
เขาครุ่นคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่ง พบว่าที่ทางเข้ามีไม้คานสองอันขวางอยู่
เย่ซิวตู๋ศึกษากลไกและค่ายกลมาโดยตลอด กลไกนี้ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ดึงไม้คานด้านขวาขึ้นอย่างระมัดระวัง
ในตอนนั้นเอง ประตูใหญ่ก็มีเสียงเบาๆ ดังขึ้น เปิดช่องว่างเล็กๆ
แววตาของอวี้ชิงลั่วและหนานหนานเป็นประกายพร้อมกัน กลั้นหายใจมองเย่ซิวตู๋ผลักประตูใหญ่ให้เปิดออกอย่างใจจดใจจ่อ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอแหล่งกบดานลับแล้ว จะมีใครอยู่ในนั้นบ้างนะ ปริศนาเรื่องมีคนลอบสังหารผู้อาวุโสหมิงจะกระจ่างหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)