อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 769 เย่ซิวตู๋ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ตอนที่ 769 เย่ซิวตู๋ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ตอนที่ 769 เย่ซิวตู๋ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
เสียงคมชัดของหนานหนานดังขึ้นทันที “ท่านแม่ๆ”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้หรือว่าตอนนี้เขากำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับชิงเอ๋อร์ กำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่
เขาลุกขึ้นยืนทันทีและเปิดประตู
หนานหนานพุ่งผ่านตัวเขาไป ไปหยุดอยู่ตรงหน้าอวี้ชิงลั่วในทันที “ท่านแม่ หลางหลางหิวแล้ว ท่านลุงเวิงบอกว่าตอนนี้มันต้องกินนม แต่ข้าไม่มีนม ท่านแม่มีนมหรือไม่ขอรับ?”
เย่ซิวตู๋แทบจะควบคุมตัวเองไม่ให้มองไปยังหน้าอกของอวี้ชิงลั่วไม่ได้ อีกฝ่ายหน้าแดง มองเขาอย่างดุดันแวบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่มีหรอก”
ต่อให้มี ก็เอาให้ลูกสุนัขป่ากินไม่ได้ เจ้าลูกคนนี้ของนางสมองกลับไปแล้วหรือ
หนานหนานเศร้าใจเป็นอย่างมาก “เช่นนั้นทำอย่างไรดี หลางหลางไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว จะหิวตายเอาขอรับ”
“เจ้าไปหานมวัวหรือนมแพะให้มันดื่มสิ” อวี้ชิงลั่วรู้สึกปวดหัว รู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าตนจะต้องเลี้ยงลูกสุนัขป่าตัวนั้นราวกับว่าต้องเลี้ยงเด็กอีกครั้ง
แววตาหนานหนานเป็นประกาย “จริงสิ เหตุใดข้าจึงนึกไม่ถึงกัน? เช่นนั้นข้าจะไปหาหงเย่ นางจะต้องมีวิธีแน่ ท่านแม่ข้าไปก่อนนะขอรับ”
เขากล่าวจบก็พุ่งออกไปด้านนอกราวกับสายลม
ประตูปิดลงอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเย่ซิวตู๋หรี่ตา มองตนเองด้วยแววตาแผดเผา
“ท่าน ท่านจะทำอะไร?” หัวใจอวี้ชิงลั่วเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ พลางถอยหลังไปสองก้าว
เย่ซิวตู๋มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย เพียงเขาโบกมือ หน้าต่างที่เปิดอยู่ก็ปิดลงเช่นกัน
“ชิงเอ๋อร์ นี่ก็ดึกแล้วนะ”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกเล็กน้อย หนานหนานเจ้าเด็กนั่น จุดไฟเสร็จก็หนีไปทันที ตอนนี้กลับทำให้เย่ซิวตู๋เปลี่ยนเป็นสุนัขป่าเสียแล้ว
นางถอยหลังไปอีกสองก้าว “ฮ่าๆ ข้าว่ายังไม่ดึกนะ ข้ายังคิดจะไปหาแม่นมเซียวอยู่เลย ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนก่อนเถิด”
อวี้ชิงลั่วกล่าวจบก็วิ่งออกไปทางนอกประตู
เพิ่งเดินไปได้ไม่เท่าไร ก็มีมือคู่หนึ่งมาโอบรอบเอวแล้วดึงนางกลับไป
อวี้ชิงลั่วไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง คนทั้งคนถูกกดทับอย่างหนักบนเตียง เงยหน้าขึ้นมามองดวงตาของเย่ซิวตู๋ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางสูดหายใจอย่างแรง “ท่านใจเย็นก่อน”
“ชิงเอ๋อร์ มีประโยคที่ว่าได้ลองชิมแล้วไม่เคยพอ เมื่อก่อนข้าเองก็ไม่เห็นด้วย ตอนนี้ข้าเข้าใจอย่าลึกซึ้งแล้ว” มือของเย่ซิวตู๋วางบนเอวของนางแล้วบีบเบาๆ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเพียงความเย็นบนร่าง พร้อมกับจูบหนักๆ ที่กดลงมาบนริมฝีปาก
หลังจากนั้นสมองของนางก็ว่างเปล่า ตอนที่มึนงงอยู่นั้นก็นึกขึ้นมาได้ เหมือนนางจะพูดเอาไว้ว่าคืนนี้ห้ามไม่ให้เขาขึ้นเตียงของตน
เหตุใด…จึงดูเหมือนกับว่าประโยคนี้ไม่มีประโยชน์สักนิด
ด้วยการโจมตีของเย่ซิวตู๋ นางแทบจะไม่มีช่องว่างให้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
ม่านข้างเตียงคลี่ปิดลง มุมปากของเย่ซิวตู๋โค้งชัดขึ้น มือของเขาร้อนราวกับเปลวเพลิง จับไปตรงไหนก็เต็มไปด้วยความร้อนแรง
กลางดึกนั้น อวี้ชิงลั่วก็ได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงรสชาติของเย่ซิวตู๋ว่าหนักหนาเพียงใด
นางหลับตาครุ่นคิด พรุ่งนี้ พรุ่งนี้จะต้องแยกห้องนอน ต้องแยกห้องให้ได้…
ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็กอดนางอย่างพึงพอใจแล้วหลับไป
เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าได้ส่องสว่าง
ทันทีที่อวี้ชิงลั่วลืมตาขึ้นก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั่วทั้งตัว ที่เอวมีมือสองข้างโอบไว้ ทั้งยังกอดนางไว้แน่น
“ตื่นแล้วหรือ?” เย่ซิวตู๋เอนศีรษะเข้ามาเล็กน้อย เห็นสีหน้าว่างเปล่าของนางก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวมาจูบ “ข้าออกคำสั่งไปแล้ว วันนี้จะไม่เข้าร่วมเทศกาลชิมสุรา เจ้านอนต่อได้อีกหน่อย”
อวี้ชิงลั่วพลิกตัว หันหลังให้เขาแล้วกล่าว ‘อ้อ’ เบาๆ
จูบของเย่ซิวตู๋ประทับที่หลังของนางทีละนิด อวี้ชิงลั่วหลับตาแล้วคร่ำครวญออกมา “ท่านตื่นเถิด ข้าหิวแล้ว ต้องกินอะไรสักหน่อย”
“ได้…” เย่ซิวตู๋ลังเล ระงับความร้อนที่กำลังแผดเผา หลับตาแล้วหันหลังลุกจากเตียง
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเจ็บเอวและหลังไปหมด ชายผู้นี้ช่างไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเอาเสียเลย
เมื่อได้ยินเสียงเขาออกจากประตูไป อวี้ชิงลั่วก็ลุกขึ้นแล้วสวมเสื้อผ้าอย่างช้าๆ นางสงสัยว่าคนผู้นี้ได้ระบายความหิวกระหายของตนที่เก็บมายี่สิบกว่าปีกับนางอย่างนั้นหรือ จะทุ่มเทเกินไปแล้ว
ขณะค่อยๆ จัดผมที่ยุ่งเหยิงของตน ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก
“ท่านแม่ๆ” น้ำเสียงกระตือรือร้นของหนานหนานดังขึ้นอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก เจ้าเด็กนี่ ในที่สุดวันนี้ก็รู้จักเคาะประตูก่อนแล้วหรือ
“เข้ามา”
หนานหนานค่อยๆ แง้มประตูออกเล็กน้อย โผล่ศีรษะเล็กๆ เข้ามาข้างใน เมื่อไม่เห็นเย่ซิวตู๋ก็ค่อยเดินเข้ามาอย่างวางใจ
“ท่านแม่ เมื่อเช้าตอนข้ามาหาท่าน ท่านพ่อเอาแต่จ้องมองข้าเขม็ง ไม่ใช่แค่เหลือบมองนะ แต่จ้องมองเลย” หนานหนานวิ่งไปตรงหน้านางอย่างมีเลศนัย “ข้าคิดว่าท่านพ่อดูแปลกไป ไม่ให้ข้าเข้ามาหาท่านแม่แต่เช้า ข้าก็เลยไปรออยู่ตรงช่องว่างของประตู รอให้ท่านพ่อจากไปเสียก่อน ถึงได้รีบมาบอกท่านทันที”
อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผาก แปลกตรงไหนกัน เห็นชัดๆ อยู่ว่าไม่อยากให้หนานหนานมารบกวนเขา
นางดึงหนานหนานมานั่งลงข้างๆ “เจ้ากินข้าวเช้าหรือยัง?”
“กินแล้วขอรับๆ ข้าตื่นเต้นมาก ดังนั้นเมื่อเช้าข้าเลยตื่นแต่เช้า ทั้งยังให้นมหลางหลางด้วย”
อวี้ชิงลั่วมองเขาแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจ “เจ้าตื่นเต้นสิ่งใดกัน?”
“ข้าจะพาหมาป่าน้อยไปหาน้องอวี้น่ะ ท่านแม่ ท่านรับปากกับข้าว่าวันนี้จะพาข้าไป ท่านคงยังไม่ลืมใช่หรือไม่” หนานหนานรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้มีสูง ความจำของท่านแม่ไม่ดีเท่าเขา ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้จำตั้งแต่แรก
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้งๆ “จะเป็นไปได้อย่างไร อีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเอง” นางกล่าวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะลืมไปแล้วจริงๆ เมื่อครู่ยังคิดว่าจะกลับไปนอนต่ออยู่เลย
หนานหนานหรี่ตาแล้วพยักหน้า จากนั้นก็มองซ้ายมองขวา “เช่นนั้นท่านแม่ ข้าขอกลับห้องก่อน อีกเดี๋ยวท่านพ่อก็จะกลับมาแล้ว ข้าต้องถือโอกาสกลับไปก่อนที่ท่านพ่อจะกลับมา”
“…” เย่ซิวตู๋เป็นพ่อของเขา จะทำตัวลับๆ ล่อๆ ไปทำไม
หนานหนานลุกขึ้นยืน เสียงก้าวเท้าเล็กๆ ดังเอี๊ยดอ๊าดไปจนถึงประตู
อวี้ชิงลั่วดูการกระทำนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอยากหัวเราะ เขาจะแสดงออกมากกว่านี้ได้อีกหรือ
นางทำความสะอาดเล็กน้อย และหลังกินอาหารเช้าก็ถือถุงยาออกจากโรงเตี๊ยมไป
สองวันมานี้นางยังไม่ทันได้ไปเยี่ยมเถี่ยชิวเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าการบาดเจ็บของนางเป็นอย่างไรบ้าง
เหวินเทียนและหงเย่รออยู่ด้านนอกประตู เย่ซิวตู๋ให้พวกเขาอยู่เพื่อปกป้องนาง ตัวเขาเองต้องไปที่จวนของผู้อาวุโสสกุลเซิ่ง เพราะยังกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บภายในของเขาอยู่
หนานหนานวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วแล้ว เพียงแต่นอกจากจะมีห่อสัมภาระเล็กๆ ในมือแล้วก็ยังมี…กรงอีกหนึ่งกรงด้วย
เจ้าเด็กนี่จะเอาลูกสุนัขป่าไปทำอะไรกัน?
“ท่านแม่ ไปกันเถิด ได้เวลาแล้ว น้องอวี้จะต้องรออยู่อย่างใจจดใจจ่อเป็นแน่” หนานหนานบิดตัวในรถม้า ยืดตัวตรง จากนั้นก็เอนตัวไปด้านหน้าอย่างพึงพอใจ กอดกรงแล้วพูดคุยกับลูกสุนัขป่า
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานทิ้งระเบิดให้แม่ซะแล้ว ดูสิท่านพ่อกลายร่างเป็นหมาป่ากินท่านแม่ทั้งคืนเลย
ไหหม่า(海馬)