อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 773 ชราแล้ว
ตอนที่ 773 ชราแล้ว
ตอนที่ 773 ชราแล้ว
คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนมองนางด้วยสายตาประหลาดใจ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยิ่งปวดใจเข้าไปอีก รีบก้มลงไปพยุงนาง “เสี่ยวอวี้ เจ้าทำอะไรน่ะ เจ้าตัวเล็กขาก็เล็ก ใช้แรงเช่นนั้น หากเข่าเจ็บไปจะทำอย่างไร”
“ท่านปู่ เสี่ยวอวี้อยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ” เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า ไม่มีทีท่าจะยืนขึ้น
“ท่านปู่ยอมรับปากก็ได้ รีบลุกขึ้นเถิด ไอ้หยา เจ้าคุยกับปู่ยังต้องมีการขอร้องอันใดอีก เร็วเข้า ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไปพยุงนาง แต่เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า ยืนกรานที่จะไม่ลุก เขาเองก็ไม่กล้าออกแรงมากนักด้วยกลัวว่าจะทำร้ายเด็กน้อยเช่นนี้
หลังหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็ทำได้เพียงส่งสายตาไปหาอวี้ชิงลั่วเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงแม้เสี่ยวอวี้จะเป็นหลานสาวของตน แต่นางก็ใช้เวลากับแม่นางถังนานกว่า และเชื่อใจนางมากกว่าเขา
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกันหนอ นางจึงมักจะเห็นคนคุกเข่าต่อหน้าอยู่เสมอ เมื่อวานก็แม่นมเซียวที่ทำให้นางได้ยินเสียงคุกเข่าทีไรก็ขนลุก มาตอนนี้เสี่ยวอวี้ก็เอาอีกแล้วหรือ?
อวี้ชิงลั่วไม่ได้กล่าวอันใด ดูท่าทางของเหมิงหลัวอวี้ก็รู้ว่านางตัดสินใจแล้ว
“ท่านปู่เจ้าคะ เสี่ยวอวี้อยากเรียนการต่อสู้เจ้าค่ะ” เหมิงหลัวอวี้รู้ดี จริงๆ แล้วในดินแดนเหมิงไม่มีการสนับสนุนให้หญิงสาวเรียนการต่อสู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหมิงเคอ ต่อให้เป็นเหมิงกุ้ยเฟยที่มีปานรูปดอกไม้บนตัวเช่นเดียวกับนาง ทั้งยังเป็นบุตรสาวคนแรกผู้ทรงเกียรติของผู้อาวุโสสกุลหมิง ก็เป็นเพียงหญิงสาวที่มีความคิดละเอียดอ่อนแต่ไม่มีกำลัง
“ท่านปู่ เสี่ยวอวี้อยากแข็งแกร่งเจ้าค่ะ เสี่ยวอวี้รู้ดี เรื่องซื่อเอ๋อร์นี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปอาจจะต้องพบกับอุปสรรคและการลอบสังหารอีกมากมาย ต่อให้บนร่างของข้ามีปานรูปดอกไม้ก็ไม่อาจเลี่ยงได้ เสี่ยวอวี้อาจไม่ได้โชคดีพบกับท่านน้าชิงและหนานหนานทุกครั้ง บางทีครั้งต่อไปอาจจะหนีไม่พ้นจริงๆ เสี่ยวอวี้อยากจะเป็นดังเช่นท่านน้าชิง มีวรยุทธ์ช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ยิ้มออกมาเล็กน้อย
หนานหนานกระโดดไปข้างหน้าสองสามก้าว กล่าวพร้อมรอยยิ้มทันที “ได้สิๆ น้องอวี้ ฝีมือวรยุทธ์ของข้าสูงมากนะ ข้าสอนเจ้าได้ จริงๆ นะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กลับมีสีหน้าลำบากใจ เสี่ยวอวี้อยากเรียนการต่อสู้ นี่ถือเป็นเรื่องดี แต่มันจะละเมิดกฎของชาวดินแดนเหมิง เรื่องนี้นางตัดสินใจเองไม่ได้
“ท่านพ่อ ให้เสี่ยวอวี้เรียนเถิดขอรับ” ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนแรงดังมาจากทางประตู
เหมิงหรงได้ยินข่าวการมาถึงของอวี้ชิงลั่วนานแล้ว แต่รอแล้วรอเล่าอยู่ที่ห้องก็ไม่เห็นนางกับเสี่ยวอวี้มาเสียที จึงรู้สึกไม่สบายใจและให้คนพยุงมา
ไม่คิดเลยว่าจะมาทันได้ยินสิ่งที่เหมิงหลัวอวี้กล่าวพอดี
อูเหมี่ยนเซิงรีบรุดไปข้างหน้า พยุงเขามานั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง
เหมิงหรงสูดหายใจแล้วกล่าวอย่างช้าๆ “ท่านพ่อ เสี่ยวอวี้คนนี้เป็นเด็กฉลาดเรียนรู้ไว ไม่เหมือนกับข้า หลายปีมานี้นางได้รับความไม่เป็นธรรมมาไม่น้อย ไม่รู้จักไว้วางใจใคร ขอเพียงนางมีกำลังปกป้องตนเองได้ นางก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระขอรับ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กัดฟัน “ได้ อีกเดี๋ยวข้าจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับท่านประมุข เสี่ยวอวี้วางใจเถิด ปู่จะต้องให้เจ้าเรียนให้ได้ ปู่จะสอนเจ้าเอง”
เหมิงหลัวอวี้ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ลุกขึ้นตามมือของเขา
พ่อบ้านเดินมาหาพร้อมของว่างพอดี หนานหนานโห่ร้องยินดี จากนั้นก็รีบปรี่เข้าไปจนเกือบจะชนเข้ากับอูเหมี่ยนเซิงที่กำลังก้าวมาข้างหน้า อูเหมี่ยนเซิงรีบยื่นมือออกไปพยุงเขา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่นางถัง อาการของชิวเอ๋อร์ไม่ดีนัก ท่านไปดูเสียหน่อยเถิด”
เดิมทีอูเหมี่ยนเซิงคอยอยู่ข้างเถี่ยชิวเอ๋อร์เพื่อดูแลนาง เมื่อครู่ที่รีบมา เดิมทีก็เพราะจะมาหาอวี้ชิงลั่ว เพียงแต่ว่าระหว่างทางไปพบกับเสี่ยวเหลียง จึงได้ช่วยนางออกมา เมื่อมาถึงก็ได้พบว่าเหมิงหลัวอวี้ถูกคนลอบสังหาร ตอนนี้เรื่องราวถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรีบบอกกล่าวถึงสถานการณ์
“ตั้งแต่เมื่อตอนเช้า ชิวเอ๋อร์ก็ตัวร้อนขึ้นมา จากนั้นก็ไข้ลดลงเล็กน้อย ตอนนี้กลับมีไข้สูงอีกครั้ง”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ไม่ได้กล่าวอันใด รีบให้อูเหมี่ยนเซิงนำทางไป
เหมิงหลัวอวี้งุนงง ชิวเอ๋อร์หรือ ชิวเอ๋อร์นั้นไม่ใช่… สหายของนางหรอกหรือ
นางรีบตามไป หนานหนานที่มีขนมอยู่เต็มปากเห็นว่าคนสนิทที่สุดทั้งสองคนต่างผละจากไปกันแล้วก็กะพริบตาอย่างสับสน จนกระทั่งร่างทั้งสองคนหายไปอย่างสมบูรณ์ เขาก็เริ่มกระโดดตามไป
“ข้า ข้ายังอยู่นี่นะ พวกท่านทิ้งข้าไว้เช่นนี้แล้วทนกันอยู่ได้อย่างไร รอข้าด้วยสิ” เขารีบร้อนไปหยิบกรงบนโต๊ะ สูดหายใจแล้วรีบตามไป
เหมิงหรงเห็นทักษะของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะมีดวงตาเป็นประกาย “ท่านพ่อ เด็กคนนั้นมีศักยภาพดีเหลือเกินขอรับ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยักหน้า “ใช่น่ะสิ หากไม่ใช่เพราะเขาไม่เต็มใจ ท่านประมุขและเหล่าผู้อาวุโสต่างก็เห็นด้วย ว่าจะให้เขาเป็นผู้สืบทอดของท่านประมุข”
“ไม่เต็มใจหรือ เหตุใดจึงไม่เต็มใจเล่า?” เหมิงหรงสงสัย สองวันมานี้เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเด็กคนนี้จากปากของเสี่ยวอวี้มาไม่น้อย จากคำบอกกล่าวของเสี่ยวอวี้แล้ว เด็กคนนี้น่าจะได้มีตำแหน่งสูงส่งจึงจะถูก
ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยุงเขาออกมาด้านนอก “เด็กคนนี้ดูท่า… จะมีนิสัยเหมือนแม่ของเขา มีนิสัยสบายๆ น่ะ ทนต่อการควบคุมไม่ได้ เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักก่อนเถิด ร่างกายเพิ่งหายดี อย่าออกมาโดนลมเลย ข้าเองก็จะไปดูทางด้านชิวเอ๋อร์เสียหน่อย เด็กคนนั้นเองก็น่าสงสารนัก”
“ขอรับ” เหมิงหรงพบว่านิสัยของผู้อาวุโสสกุลเยว่ในตอนนี้เปลี่ยนไปมาก ดูเหมือนว่าจะใจดีมาก โดยเฉพาะกับเด็กๆ ทั้งอดทนและรักใคร่อย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ให้คนมาพยุงเขาไปพัก จากนั้นก็รีบไปยังเรือนที่เถี่ยชิวเอ๋อร์พักอยู่
สถานที่นี้ตั้งอยู่ที่ด้านหลังของจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ ค่อนข้างห่างไกล แทบจะไม่มีใครผ่านไปผ่านมา และด้วยเหตุนี้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับพักฟื้น
ตอนที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่มาถึง อวี้ชิงลั่วกำลังให้ยาเถี่ยชิวเอ๋อร์กิน พันแผลให้นางใหม่ ช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้า
ส่วนเหมิงหลัวอวี้นั้นก็จับมือของเถี่ยชิวเอ๋อร์พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า แววตารู้สึกผิด
หนานหนานกอดกรง มองไปยังเถี่ยชิวเอ๋อร์ที่หน้าซีด เม้มปากไม่ได้กล่าวอันใด คิ้วเล็กๆ ขมวดเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วก็ล้างมือ หันมาแล้วเดินไปทางผู้อาวุโสสกุลเยว่
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“อาการไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ การบาดเจ็บครั้งนี้ค่อนข้างสาหัส เดิมทีสุขภาพของนางก็ไม่ดีอยู่แล้ว ต่อไปต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ” สีหน้าของอวี้ชิงลั่วดูจริงจังเล็กน้อย ที่นางกังวลไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียว “ข้าได้ยินว่าพ่อแม่และพี่ชายของนางล้วนถูกฆ่า เรื่องนี้… หากรู้มาถึงหูชิวเอ๋อร์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เกรงว่าจะทำให้อาการของนางหนักขึ้น ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร พวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวของนาง ตอนนี้ครอบครัวเดียวที่มีอยู่ได้ตายจากไปแล้ว ชิวเอ๋อร์อายุยังน้อยนัก อาจจะรับไม่ไหวเจ้าค่ะ”
“สำหรับเรื่องนี้” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ลังเล กล่าวเบาๆ “ข้าอยากให้หรงเอ๋อร์รับชิวเอ๋อร์เป็นบุตรบุญธรรม อย่างไรเด็กคนนี้ก็ได้เป็นหลานสาวของข้ามาสองสามวัน ก็ถือว่าเป็นโชคชะตา อีกทั้งนางได้รับบาดเจ็บหนักเพียงนี้ กล่าวกันตามตรงก็คือนางบาดเจ็บแทนเสี่ยวอวี้”
“…” อวี้ชิงลั่วไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่จะมีความคิดเช่นนี้
“เฮ้อ ข้าน่ะชราแล้ว สองเดือนมานี้ได้พบกับเรื่องมากมาย ไม่มีใครหนีความเป็นความตายพ้น ตอนนี้ข้าก็อยากจะมีความสุขกับครอบครัว มีลูกหลานมาคอยออดอ้อน สำหรับข้าแล้วก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง อย่างไรเสีย… หรงเอ๋อร์ก็ไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว”
อวี้ชิงลั่วสำลักไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้นั้น…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอดูพัฒนาการของน้องเสี่ยวอวี้นะคะ น้องทัศนคติดีมากเลย และขอให้น้องชิวเอ๋อร์ฟื้นตัวเร็วๆ ด้วยค่ะ
ไหหม่า(海馬)