อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 775 คนสารเลว
ตอนที่ 775 คนสารเลว
ตอนที่ 775 คนสารเลว
“แม่นาง เราได้พบกันอีกแล้วนะ” เหมิงผูเซิ่งท่าทางยิ้มแย้ม
อวี้ชิงลั่วชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อวานคนผู้นี้หมดสติลงกับพื้นเพราะบาดเจ็บภายในแท้ๆ วันนี้กลับดูสดชื่นเช่นนี้ได้ เขานี่ช่างไม่รู้จักดูแลตนเองจริงๆ
“ผู้อาวุโสสกุลเซิ่ง… หายดีแล้วหรือเจ้าคะ”
เหมิงผูเซิ่งชะงักไป ยิ้มแล้วกล่าว “ดีขึ้นแล้วๆ มีหมอปีศาจรักษาให้ด้วยตนเอง ทั้งยังได้กินยาล้ำค่าเช่นนั้น จะไม่หายดีได้หรือ?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ เขานี่ช่างยกยอปอปั้นเหลือเกินจริงๆ “ได้ยินว่าเมื่อวานหมอเฒ่าฉยงซานอยู่ที่จวนผู้อาวุโสสกุลเซิ่งตลอด วันนี้ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งออกจากจวนได้แล้ว คงเพราะได้พึ่งพาหมอเฒ่ากระมังเจ้าคะ”
หมอเฒ่าฉยงซานเป็นสหายที่ดีต่อเขา เขาได้รับบาดเจ็บก็ย่อมไม่อาจเพิกเฉยได้ เมื่อวานหมอเฒ่าฉยงซานไปพักที่จวนของเขา ก็คงจะได้รับการอนุญาตจากหมอแล้ว จึงมาที่นี่ได้กระมัง
“แม่นางถ่อมตัวเกินไปแล้ว ตอนนั้นหากไม่ใช่แม่นางที่ปฐมพยาบาลฉุกเฉินให้ข้า เกรงว่าข้าคงไปพบพญายมแล้ว ดังนั้นจะว่าไป แม่นางก็ยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตข้าไว้อยู่ดี”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองผู้อาวุโสสกุลเซิ่งด้วยแววตาสงสัย ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งนี้ไม่ใช่ว่ามาหาเขาหรอกหรือ? เหตุใดจึงทำตัวราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน แล้วเอาแต่พูดคุยกับอวี้ชิงลั่วเท่านั้นเล่า?
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งมาที่นี่แล้วก็เอาแต่พูดคุยกับตน ยิ่งไปกว่านั้นตอนพูดคุยยังมีแต่คำเยินยอ เขาเป็นคนที่ท่านประมุขส่งตัวมา ปรากฏการณ์เช่นนี้…
อวี้ชิงลั่วตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หันหลังไปจับมือหนานหนานไว้ทันที “จู่ๆ แม่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระอีก เรากลับกันก่อนเถิด”
หนานหนานสีหน้างุนงง ตอนนี้เขากำลังเล่าเรื่องการกระทำอันยิ่งใหญ่ของตนให้น้องอวี้และชิวเอ๋อร์ฟัง ทั้งสองกำลังมองตนด้วยสายตาชื่นชม เหตุใดจู่ๆ ท่านแม่ก็นึกจะกลับเล่า?
“โธ่ แม่นาง เหตุใดจึงรีบไปเสียแล้วเล่า ข้ายังพูดไม่จบเลย” เหมิงผูเซิ่งสีหน้าแข็งทื่อ รีบไปขวางที่ด้านหน้านาง
อวี้ชิงลั่วยิ้มอย่าเสแสร้ง “ผู้อาวุโสสกุลเซิ่ง ท่านมาที่นี่เพื่อคุยธุระกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ ข้าเป็นคนนอก จะให้อยู่ที่นี่คงไม่เหมาะกระมัง ตามนี้แหละเจ้าค่ะ ลาก่อน”
“เฮ้อ เดี๋ยวก่อนๆ แม่นาง เรื่องที่ข้าจะคุยน่ะ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าด้วยเช่นกัน” เหมิงผูเซิ่งขวางนางไว้ ไม่ยอมให้นางไป สีหน้าดูยุ่งเหยิง ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรดี
แต่เห็นอวี้ชิงลั่วจะจากไปอีกครั้งก็รีบกล่าว “คืออย่างนี้ ท่านประมุขกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เหมิงเคอเป็นผู้จัดการดูแลจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ คนในจวนส่วนใหญ่ก็เป็นคนของนาง เสี่ยวอวี้เพิ่งจะกลับมา เกรงว่าจะถูกผู้อื่นทำร้ายเอาได้ ดังนั้นช่วงนี้จึงจะให้เสี่ยวอวี้ไปอยู่ที่จวนของเผ่าเสียก่อน รอจนผู้อาวุโสสกุลเยว่จัดการคนรับใช้ที่ไม่ภักดีในจวนให้เรียบร้อยก่อน ค่อยให้เสี่ยวอวี้กลับมา”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “อืม ข้าเองก็คิดว่านี่เป็นเรื่องดีมากเจ้าค่ะ ท่านเองก็ปรึกษารายละเอียดกับท่านผู้อาวุโสสกุลเยว่เถิด ข้าขอตัวก่อน” หลังจากเจอเรื่องของซื่อเอ๋อร์เมื่อตอนเช้า ที่จวนนี้ก็ไม่ปลอดภัยจริงๆ ในช่วงที่เหมิงหลัวอวี้ยังไม่แข็งแรงพอที่จะป้องกันตัวเอง นางก็ไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่
“เฮ้อ…” เหมิงผูเซิ่งมาขวางอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง “แม่นาง ข้ายังพูดไม่จบเลย ท่านประมุขกล่าวว่า เสี่ยวอวี้เพียงคนเดียวไปอยู่ที่จวนของเผ่าเกรงว่าจะไม่คุ้นเคย ก่อนหน้านี้นางอยู่กับหนานหนานมาโดยตลอด ดังนั้นช่วงเวลานี้ ให้หนานหนานไปอยู่ที่จวนของเผ่าด้วยอีกคน เด็กสองคนจะได้มีเพื่อนด้วยไม่ใช่หรือ”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “สรุปแล้ว นี่คือจุดประสงค์หลักที่ท่านมาที่นี่หรือเจ้าคะ?”
เหมิงผูเซิ่งหัวเราะแห้งๆ จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่อยากมา เพียงได้ยินท่านประมุขพูดเรื่องนี้ เขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นงานยาก แต่วันนี้ยังมีเทศกาลชิมสุราอยู่ ท่านประมุขและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ยังต้องทำหน้าที่เป็นกรรมการ ทำได้เพียงให้เขา อดีตผู้อาวุโสที่ ‘ป่วยหนัก’ แต่กลับลงจากเตียงจนถูกท่านประมุขจับได้และไม่ยอมให้แสร้งป่วยอีกมาพูดเรื่องนี้
เหมิงหลัวอวี้ฟังอยู่พักหนึ่งจนเข้าใจ จะให้นางไปอยู่ที่จวนของเผ่าหรือ ดวงตาของนางเป็นประกายสดใส ในใจตื่นเต้นตั้งตารอ
สีหน้านี้ถูกอวี้ชิงลั่วเห็นเข้าพอดี ทำให้นางตบหน้าผากของตนแรงๆ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุก สุดท้ายแล้ว เหตุใดจึงรู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตนเลยกันนะ?
จริงๆ แล้วเขาก็เข้าใจ จุดประสงค์ของท่านประมุขตอนนี้ก็คือหนานหนาน เด็กคนนี้… มีคุณสมบัติจะเป็นผู้สืบทอด
เขาเองก็เชื่อว่าต่อไปหากเด็กคนนี้มาเป็นประมุขแห่งดินแดนเหมิง ไม่แน่ว่าดินแดนเหมิงจะเจริญยิ่งขึ้น
ตอนนี้หนานหนานยังสับสน เขาอยากจะอยู่กับน้องอวี้ อย่างไรน้องอวี้ไปอยู่คนเดียวที่จวนของเผ่าคงจะหวาดกลัวเป็นแน่ แต่เขาก็ไม่อยากไปอยู่ที่จวนของเผ่าเช่นกัน เพราะจะต้องแยกจากท่านแม่และท่านพ่อ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดนั้น คือที่จวนของเผ่ามีท่านปู่ลู่ จะต้องไม่เป็นอิสระอย่างแน่นอน
เฮ้อ สุดท้ายแล้วคนเรามีคนชอบมากเกินไปก็ไม่ดี ตอนนี้เขาจึงต้องอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาเองก็เป็นทุกข์ใจมากเช่นกันนะ
“แม่นาง เสี่ยวอวี้ยังเล็ก เราเองต่างก็รู้ว่าเจ้ารักใคร่เอ็นดูนาง เห็นนางเป็นเหมือนบุตรสาวแท้ๆ คนหนึ่ง แน่นอนว่าคงทนดูนางไปอยู่จวนของเผ่าตัวคนเดียวโดดเดี่ยวไม่ได้เป็นแน่ แน่นอนว่าหากเจ้าไม่วางใจจริงๆ ก็ไปอยู่ที่จวนของเผ่านั้นได้ จะได้ไปดูแลเด็กทั้งสองคนใกล้ๆ” เหมิงผูเซิ่งเห็นนางเงียบไปก็รีบหว่านล้อม
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มุมปากกระตุกสองครั้ง โธ่ๆๆ เขายังไม่ทันตกลงให้เสี่ยวอวี้ไปอยู่ที่จวนของเผ่าเลยนะ
อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเหมิงผูเซิ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปมองเหมิงหลัวอวี้และหนานหนาน
หนานหนานยังสับสน แต่เหมิงหลัวอวี้ก้มหน้าลง เมื่อครู่นางดวงตาเป็นประกายสดใส แต่ตอนนี้เห็นอีกฝ่ายมองมา จึงก้มหน้าลงเสีย
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ก็เป็นเพราะเสี่ยวอวี้รู้จักคิดเช่นนี้ นางจึงย่อมไม่วางใจ
หากนางใจแข็งอีกหน่อย ไม่สนใจผู้อื่นอีกสักหน่อย นางอาจจะปฏิเสธข้อเสนอของเหมิงผูเซิ่งได้อย่างไร้ปรานี
แต่ในความคิดของเหมิงผูเซิ่ง ดูเหมือนนางจะปฏิเสธแล้ว เสี่ยวอวี้เองก็ไม่จำเป็นต้องไปที่จวนของเผ่า เจ้าเหมิงลู่คนเลวผู้นี้ ตนเองเป็นประมุขแท้ๆ เหตุใดจึงกระทำการต่ำทรามเช่นนี้ได้
อวี้ชิงลั่วถูหว่างคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่งก็เหลือบตาขึ้นจ้องเหมิงผูเซิ่งแล้วกล่าว “ข้าคงต้องขอคิดดูก่อน”
“ได้ สักวันหนึ่งเป็นอย่างไร?”
อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างดุดันอีกครั้ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก กล่าวกับหนานหนาน “เรากลับกันก่อนเถิด”
นางกล่าวจบก็กล่าวกับเหมิงหลัวอวี้และเถี่ยชิวเอ๋อร์สั้นๆ จากนั้นก็บอกลาผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วพาหนานหนานออกจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ไป
เมื่อเห็นหลังของนางหายไปนอกประตูแล้ว ผู้อาวุโสสกุลเหมิงก็หันหลังกลับมา กล่าวกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ “เมื่อครู่เพราะเผลอตัวไป อย่าได้ถือสากันเลย ท่านประมุขให้คนมาจัดการที่เรือนในจวนของเผ่าแล้ว พรุ่งนี้ก็ให้เสี่ยวอวี้ไปอยู่ได้”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่หัวเราะแล้วกล่าว “ข้าเข้าใจ หากเป็นข้าก็คงทำเช่นนั้น” เด็กคนนั้น ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโส ก็ไม่สามารถเต็มใจปล่อยไปได้ง่ายๆ เช่นกัน
“ฮัดเช้ย” หนานหนานจามออกมา รีบสาวเท้าเดินตามหลังอวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ ท่าทางข้าน่าจะเป็นหวัดแล้วขอรับ เมื่อคืนนี้ดูเหมือนข้าจะเตะผ้าห่มออก ท่านหายาให้ข้ากินหน่อยเถิด”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา กล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่ได้เป็นหวัดหรอก แต่มีคนคิดถึงต่างหากเล่า”
หนานหนานกะพริบตา ทันใดนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา “หรือว่ามีใครชอบพอข้าแล้วอยากได้เป็นบุตรเขยในอนาคตกัน? ท่านแม่ ข้าบอกแล้ว ข้าน่ะเป็นสินค้ายอดนิยม ต่อไปท่านต้องทะนุถนอมข้านะ”
“…” อวี้ชิงลั่วไม่อยากสนใจเขา จูงมือเขาออกจากประตูใหญ่ของจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่
ใครจะรู้ว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว ก็มีคนคนหนึ่งมาขวางอยู่ตรงหน้า
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานนี่ฮอตน่าดูเลยนะ มีแต่คนต้องการตัว
ใครมาขวางอีกล่ะนั่น?
ไหหม่า(海馬)