อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 778 นางดูนิ่งสงบมาก
ตอนที่ 778 นางดูนิ่งสงบมาก
ตอนที่ 778 นางดูนิ่งสงบมาก
ดูเหมือนเหมิงพั่วไม่ทันสังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของนาง เห็นนางก้มหน้ามองกระโปรงของตนเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้าวางใจเถิด เรื่องเสื้อผ้าของเจ้า ข้าให้คนรับใช้เป็นคนเปลี่ยนให้”
อวี้ชิงลั่วอึ้งไป เรื่องนี้… ทำให้นางลืมถามไปชั่วขณะ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายตอบเอง เช่นนั้น…
“เจ้าเองก็รู้จักคิดถึงคนอื่นเหมือนกันนะ” อวี้ชิงลั่วยิ้มหยัน
เหมิงพั่วยักไหล่ “ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก เจ้าอายุเพียงนี้ เป็นลูกสาวข้าก็เกินพอแล้ว รูปร่างหน้าตาเจ้าแม้จะดูบอบบางอ่อนหวาน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ถึงมาตรฐานของข้า ทว่ามีคนชอบพอเจ้าอยู่ ข้าก็เพียงต้องส่งตัวเจ้าไปให้เขาอย่างไร้ตำหนิเท่านั้น”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาในทันที “ดังนั้นที่เจ้าจับข้ามา ไม่ใช่เพื่อขู่เย่ซิวตู๋ แต่เพราะนำมาเป็นของบรรณาการให้ผู้อื่นหรอกหรือ?”
นางวิเคราะห์ถึงสองสิ่งที่เขากล่าวได้ในทันที เขาบอกว่าเขาไม่ได้ชอบพอตน คำนี้ทำให้นางแทบจุก ถึงแม้รูปลักษณ์นางจะไม่ได้ถึงขั้นงามที่สุดในแผ่นดิน แต่นางก็เป็นหญิงงามคนหนึ่ง อายุน้อยแถมยังเต่งตึง คนผู้นี้ช่างมีตาหามีแววไม่จริงๆ
ทว่าหากพิจารณาตามที่เขาบอก มาตรฐานของเขาก็คงจะสูงมาก เขาเป็นชาวเหมิง กลับยอมทำผิดกฎของดินแดนเหมิงเพื่อช่วยเหลือเหมิงกุ้ยเฟย เหมิงกุ้ยเฟยนั้นอย่าว่าแต่เป็นเลิศในบรรดานางสนมเลย แม้แต่ในหมู่ชาวเหมิงก็ถือว่างามเลิศแล้ว
หรือว่า… คนที่เขาชอบพอจะเป็นเหมิงกุ้ยเฟย?!!
ก็จริง อายุของพวกเขาไล่เลี่ยกัน เขาก็คอยอยู่เคียงข้างเหมิงกุ้ยเฟยมาตลอด หากจะบอกว่าได้เห็นหญิงงามเช่นนั้นทั้งวันแต่กลับไม่รู้สึกอันใด เช่นนั้นก็จะผิดปกติเกินไปแล้ว
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง เขาอยากนำตนไปส่งให้คนคนหนึ่งโดยไม่บุบสลาย แล้วคนผู้นั้นที่ว่า…คือใคร
อวี้ชิงลั่วเอียงคอ คิดไม่ออก หรือว่านางจะมีความสามารถทำให้คนตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบจริงๆ เพิ่งมาถึงดินแดนเหมิงได้ไม่นานก็มีคนมาชอบพอเสียแล้วหรือ?
เดี๋ยวก่อน… เหมิงพั่วผู้นี้ อยู่ใกล้ชิดกับเหมิงจื้อเฉิงมาก คงไม่ใช่ว่าเหมิงจื้อเฉิง… ชอบตนเข้าเสียแล้วหรือ?
ได้ยินมาว่าเหมิงจื้อเฉิงและภรรยาให้เกียรติกันอย่างมาก ความรู้สึกไม่ได้ลึกล้ำ เขาเองก็เคยพบตน ก็คงจะไม่…
เพียงอวี้ชิงลั่วคิดถึงความเป็นไปได้นี้ก็ขนลุกขึ้นมาทั่วสรรพางค์ เนื้อตัวสั่นสะท้าน ในสมองพลันว่างเปล่า
เหมิงพั่วกลับนิ่งไปหลังได้ยินคำกล่าวของนาง แววตาเป็นประกายเล็กน้อย “แม่นางอวี้ตอบได้อย่างชาญฉลาดจริงๆ คนอย่างเจ้านี้ หากว่า…” เขาไม่ได้กล่าวต่อ เพียงแต่รอยยิ้มตรงมุมปากนั้นน่าสงสัยยิ่งนัก
เหมิงพั่วคิด หากหญิงผู้นี้เป็นหนึ่งในสนมของเย่ฮ่าวถิง นั่นจะต้องเป็นการช่วยส่งเสริมให้เขาได้ครองบัลลังก์อย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่คนที่นางชอบคือเย่ซิวตู๋ คนผู้นั้น… ฝีมือไม่ธรรมดา ยิ่งมีนางผู้มีสถานะเป็นทั้งหมอปีศาจและองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่อยู่ข้างกาย เช่นนั้นจึงเป็นภัยร้ายแรง
“เจ้าจะเอาข้าไปส่งให้ใครเล่า” อวี้ชิงลั่วหรี่ตาถาม
เหมิงพั่วหัวเราะ ไม่ได้กล่าวอันใด เพียงแต่ดวงตามีเลศนัย จากมุมมองของอวี้ชิงลั่วแล้ว ยังมีร่องรอยของความน่ารังเกียจอีกด้วย ทำให้ในตอนนี้นางยิ่งขนลุกมากขึ้นไปอีก
คงไม่ใช่แบบที่นางเดาไว้หรอกกระมัง?
ทางด้านประตูหินมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นสวบสาบอีกครั้ง ไม่นานนักตรงประตูก็ปรากฏร่างของหญิงแก่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ หญิงผู้นั้นก้มหน้าราวกับว่าแววตาเอาแต่จับจ้องอยู่แต่ที่เท้าของตน จากนั้นก็เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ
ในมือของนางถือกล่องอาหารกล่องหนึ่ง ท่าทางสำรวมอย่างมาก วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะด้วยท่าทางเคารพ
จากนั้นก็นำถาดในกล่องนั้นออกมาทีละถาด อวี้ชิงลั่วมองแวบหนึ่งก็ขมวดคิ้ว อาหารบนโต๊ะนั้นดูดีมาก ถึงแม้จะเป็นอาหารทำที่บ้าน แต่ดูแล้วสวยงาม แต่ที่ขาดไปก็คือ…
“แม่นางอวี้ ได้เวลาแล้ว กินอาหารเสียก่อนเถิด” เหมิงพั่วโบกมือ หญิงแก่ผู้นั้นไปรออยู่ด้านข้าง ไม่ได้เงยหน้าขึ้น และไม่ได้กล่าวอันใดทั้งนั้น
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าท้องของตนแบนราบไปเล็กน้อย ความหิวขนาดนี้ นางเองก็ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว
“ตอนนี้กี่ยามแล้ว?” ในห้องลับนี้มืดสลัว นางเองก็ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานเพียงใด รู้สึกว่าเวลาน่าจะนานมากแล้ว
เหมิงพั่วให้หญิงชราด้านข้างรินน้ำให้ตน ค่อยๆ จิบแล้วกล่าว “ยามจื่อแล้ว”
ยามจื่อหรือ? อวี้ชิงลั่วอึ้งงัน นี่มันกลางดึกแล้วไม่ใช่หรือ? นางหมดสติไปนานถึงเพียงเชียว
นางหายตัวไปนานเพียงนี้ เกรงว่าเย่ซิวตู๋และหนานหนานจะคลั่งกันไปแล้ว
เมื่อครู่ตอนที่เหมิงพั่วเข้าประตูมา ดวงตาเฉียบคมของนางก็มองเห็นต้าไป๋เหอตามเข้ามา ดูท่าต้าไป๋เหอก็คงอยู่ด้านนอกมานานแล้วเช่นกัน เพียงแต่ห้องลับนี้ไม่มีทางเข้า มันจึงเข้ามาไม่ได้ ดังนั้นจึงคอยตามหลังเหมิงพั่วมาติดๆ
นางต้องรีบส่งข่าวกลับไปจึงจะใช้ได้
“แม่นางอวี้เป็นห่วงบุตรชายหรือ” เหมิงพั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม เห็นนางขมวดคิ้วด้วยความกังวล
อวี้ชิงลั่วสงบลง ยิ้มแล้วกล่าว “ไม่เลย ข้าเป็นห่วงคนที่ชอบพอข้าต่างหาก ไม่รู้ว่าใครกันถึงมีดวงตาไร้แววเช่นนั้น จึงให้เจ้ามาจับตัวข้าไปส่งให้เขา จิ๊ๆ ข้ากังวลว่าต่อไปชีวิตเขาจะต้องยุ่งเหยิง ไม่มีวันสงบสุขเสียแล้ว”
“เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ข้ายุ่งไม่ได้ แม่นางอวี้เป็นห่วงตนเองเถิด ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะเป็นคนที่ชีวิตวุ่นวายก็ได้” เหมิงพั่วไม่สนใจ จากนั้นก็กล่าวกับคนรับใช้ข้างตัว “เอาข้าวให้แม่นางอวี้กินเสีย”
คนรับใช้พยักหน้า แต่กลับยังคงไม่พูดอันใด และไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย
ท่าทางของนาง ทำให้อวี้ชิงลั่วสงสัยเล็กน้อย
ชามที่เต็มไปด้วยข้าวสวยถูกส่งมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว คนรับใช้ผู้นั้นก้มหน้าเหยียดนิ้วตรง
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว หยิบชามและตะเกียบมา ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน การกินให้อิ่มและนอนให้พอล้วนจำเป็น ต้องกินให้อิ่มจึงจะมีแรงคิดหาวิธี ต้องกินให้อิ่มจึงจะออกไปได้
ที่เท้าของนางยังมีโซ่พันอยู่ มันยาวเพียงพอ แต่หนักไปหน่อย ตอนที่นางลงจากเตียงเดินไปเดินมา เสียงกริ๊งๆ ก็ดังรุนแรงเป็นพิเศษในหูของอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ เก้าอี้นั้นส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด นางอดทนไม่ขยับ หากไม่ใช่ว่ามีคนอย่างเหมิงพั่วอยู่ตรงหน้า นางจะต้องนำชามข้าวและตะเกียบคีบอาหารแล้วไปนั่งกินที่เตียงหินแล้ว
ถือตะเกียบไว้ในมืออยู่นาน แววตาของนางจับจ้องไปยังจานที่อยู่ตรงหน้า ขมวดคิ้ว
เหมิงพั่วเห็นว่านางนิ่งไปนานก็เลิกคิ้ว มองนางแวบหนึ่งแล้วถาม “มีอะไรหรือ ไม่อยากอาหาร หรือว่าอาหารที่กินปกตินั้นดีเกินไป อาหารเหล่านี้เป็นของง่ายๆ จึงไม่ถูกปากเจ้าหรือ”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘ปัง’ ตะเกียบถูกกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างตกใจอย่างมาก
เพียงแต่เมื่ออวี้ชิงลั่วทำเช่นนั้นแล้วก็เสียดาย โต๊ะนี้หยาบเหลือเกิน เมื่อครู่นางใช้แรงมากเกินไป จนเหมือนจะมีเสี้ยนแหลมแทงเข้ามาในฝ่ามือของนาง
แต่ว่า…
อดทนไว้…
นางเหลือบตาขึ้นมองเหมิงพั่ว แค่นหัวเราะออกมา
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะหาทางส่งข่าวไปบอกสามีกับลูกผ่านต้าไป๋เหอยังไงดีนะ
ไหหม่า(海馬)