อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 779 ข้ารู้สึกหนาว ต้องการผ้าห่ม
ตอนที่ 779 ข้ารู้สึกหนาว ต้องการผ้าห่ม
ตอนที่ 779 ข้ารู้สึกหนาว ต้องการผ้าห่ม
“อาหารนี่ไม่ถูกปากข้าเลยจริงๆ เจ้าดูสิ ทั้งหมดนี่มันอะไรกัน มีแต่ไก่ เป็ด ปลา แต่ไม่มีผักสีเขียวเลยสักนิด” อวี้ชิงลั่วส่งเสียงจิ๊ๆ ชี้ไปที่จานบนโต๊ะแล้วส่ายหน้า “ข้าเป็นคนให้ความสำคัญกับสุขภาพที่สุด ข้าจะบอกให้นะ เวลาเรากินข้าวกินกับ ก็ต้องมีผักและเนื้อจับคู่ให้มันสมดุลกัน เช่นนั้นจะได้สารอาหารพื้นฐานครบถ้วนที่สุด”
อวี้ชิงลั่วพูดอยู่นาน จากนั้นก็โบกมือแล้วยิ้มหยัน “ช่างเถิด บอกเจ้าไปมากมายเจ้าก็ไม่เข้าใจ อย่างไรเจ้าก็ไม่ใช่สตรี ทั้งยังไม่ใช่หมอ คงไม่รู้ว่าอะไรคือสมดุลทางโภชนาการ”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้มีนัยของความดูถูก เหมิงพั่วหรี่ตา หัวเราะอย่างเย็นชา “กล่าวเยอะเพียงนี้ ก็เพียงเพราะเจ้าต้องการกินผักไม่ใช่หรือ?”
อวี้ชิงลั่วเงียบไป พยักหน้า “หากข้าสั่งอาหารเองได้จะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ อืม ข้าขอเลือกจานเนื้อสองจาน แล้วเปลี่ยนเป็นอาหารประเภทผักให้ข้าสองจานเถิด”
เหมิงพั่วมองไม่ออกว่านางคิดจะทำอันใด เพียงกินข้าวยังต้องพูดเยอะเพียงนี้ แต่เขาก็คิดว่านางอาจจะอารมณ์เสียเท่านั้น
ช่างเถิด อย่างไรเสียก็แค่อาหารจานผักสองจาน เขาคอยเฝ้ามองอยู่ข้างๆ ตลอด ไม่คิดว่านางจะใช้เล่ห์กลอันใดได้
เหมิงพั่วโบกมือให้คนรับใช้ข้างๆ “ไปผัดผักมาเสีย”
คนรับใช้พยักหน้า แต่ก็ยังไม่กล่าวอันใด
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว จนกระทั่งคนรับใช้แก่ๆ ผู้นั้นเดินจากไปไกลและออกจากห้องลับไป นางก็ถามออกมาอย่างสงสัย “นาง… พูดไม่ได้หรือ”
“อืม” เหมิงพั่วมองนางเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม หมุนถ้วยในมือ กล่าวพลางหัวเราะ “นางพูดไม่ได้ และอ่านหนังสือไม่ออก อีกทั้งจะทำการอันใดก็มีขีดจำกัด ทว่าเพียงพอให้รับใช้เจ้า”
“…” อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก คนเหล่านี้นิสัยเสียเกินไปแล้ว ทำเหมือนนางจะยุยงให้ก่อกบฏอย่างไรอย่างนั้น นางดูเป็นคนอย่างนั้นหรือไร อย่างมากที่สุด… อย่างมากที่สุดก็เพียงข่มขู่และล่อลวงเท่านั้นเอง
ประตูหินของห้องลับถูกเปิดอีกครั้ง คนรับใช้ผู้นั้นเดินก้มหน้าเข้ามาอีก
ไม่นานนัก อาหารจานผักก็ถูกวางลงตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
นางมองดู จากนั้นก็หรี่ตาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่สิจึงจะเหมาะกินกับข้าว” อืม มีผักใบเขียวมาหน่อยก็เพียงพอแล้ว
นางหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง และไม่สนใจเหมิงพั่วที่กำลังพิจารณาตนอยู่ จากนั้นก็เริ่มกิน
“เจ้าไม่กลัวข้าจะวางยาเลยนะ” เหมิงพั่วประหลาดใจเล็กน้อย หากบอกว่าสตรีคนนี้รู้จักระมัดระวังตัว นางก็กลับทำเหมือนไม่เตรียมป้องกันตนเอง หากจะบอกว่านางไร้เดียงสา ก็เห็นชัดว่าไม่ใช่คนที่ไร้ความคิดปานนั้น
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกับมองคนงี่เง่าอีกครั้ง นางเป็นใครกัน เป็นหมอปีศาจเชียวนะ เป็นผู้ปรุงยาพิษระดับปรมาจารย์ แม้แต่เถาเหวินฮั่น ศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซานยังชื่นชมนางเลย วางยาหรือ? นอกจากคนที่สมองกลับแล้ว จะมีใครกล้าวางยานางอีก
อีกทั้งเขาก็บอกชัดเจนแล้วว่าจะส่งตัวนางให้ผู้อื่นอย่างไม่บุบสลาย ขอเพียงเข้าใจในจุดนี้ นางก็ไม่กังวลแล้ว
นางมีอาหารอยู่ในปาก ไม่เหลือภาพลักษณ์ดีๆ แม้แต่น้อย ถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “เจ้าจับใครมาก็มักจะถามคำถาม… ถามคำถามที่ดูไร้สาระอย่างชัดเจนเช่นนี้หรือ?”
เหมิงพั่วสีหน้าโกรธเกรี้ยว ในที่สุดก็ไม่พอใจ ทำเสียงฮึดฮัดแล้วลุกขึ้นยืน
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว เห็นเขาโมโหเพราะตนแล้ว ในที่สุดในใจก็มีความสุขขึ้นมาก
ความอยากอาหารของนางเพิ่มขึ้นมาก กินข้าวสองชามใหญ่ตรงหน้าจนหมดเกลี้ยง
เหมิงพั่วกระตุกมุมปาก ความอยากอาหารของหญิงคนหนึ่ง… จะมากได้เพียงนี้เลยหรือ เหมิงกุ้ยเฟยมักจะกินเพียงน้อยนิดเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้กินอย่างมูมมามอย่างที่นางกิน รสนิยมของเย่ซิวตู๋นี่ช่าง…
อวี้ชิงลั่วเรอออกมา หรี่ตาอย่างสบายใจ
เหมิงพั่วโบกมือ ให้คนรับใช้ด้านข้างเก็บชามและตะเกียบเสีย ห้องลับนี้จะทิ้งของอันใดไว้ไม่ได้เป็นอันขาด หญิงผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ใครจะรู้ว่านางจะนำของพวกนี้ไปทำอาวุธทรงประสิทธิภาพอันใดอีก
แต่ทว่า…
แววตาของเหมิงพั่วกวาดมองจานครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก หญิงคนนี้ชอบกินอาหารจานผักมากเหลือเกิน อาหารจานผักทั้งสองจานถูกกินเรียบอย่างหมดจด แต่พอเป็นอาหารจานเนื้อสองจาน นางเพียงใช้ตะเกียบคีบเพียงสองครั้งเท่านั้น นางคงเป็นแกะกระมัง
คนรับใช้รีบเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันหลังจากไป
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองที่เหมิงพั่ว จากนั้นก็ไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ “เจ้ายังมีธุระอีกไหม หากไม่มีข้าจะนอนล่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว อีกทั้งเจ้ายังอยู่ที่นี่กับหญิงสาวสองต่อสองอีก เกรงว่าจะกระทบชื่อเสียงข้า”
ในที่สุดเหมิงพั่วก็เข้าใจว่าเหตุใดเหมิงกุ้ยเฟยจึงไม่ถูกชะตากับหญิงผู้นี้ อารมณ์ของหญิงผู้นี้ช่างสมกับหมอปีศาจที่เขาลือกันว่านิสัยแปลกประหลาดจริงๆ
“เจ้าไม่มีคำถามจะถามข้าหรือ?” อย่างเช่นว่า เขาจะส่งตัวนางให้ใคร เหมิงพั่วรู้สึกว่าตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องลับ มีแต่เขาที่คอยชักจูงให้นางถามคำถาม นางกลับทำตัวเหมือนอยู่บ้าน ท่าทางไม่สนใจอันใดทั้งสิ้น
อวี้ชิงลั่วลากโซ่เหล็กหนักๆ กลับไปยังเตียงหินอีกครั้ง หาวแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
นางสิมีคำถาม มีคำถามมากมายเชียวล่ะ อย่างเช่นว่าเย่ซิวตู๋เป็นอย่างไรบ้าง หนานหนานเป็นอย่างไร จะพาตนไปส่งให้ใครกันแน่ เขาคิดจะขังนางไว้ที่นี่อีกกี่วัน ของของนางเหล่านั้นไปอยู่ที่ใด อีกทั้งว่าที่นี่คือที่ไหน
แต่ถามไปแล้วจะได้อะไรเล่า อย่าว่าแต่เขาจะตอบหรือไม่เลย ต่อให้เขาตอบ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่กลับจะทำให้เขาได้เปรียบเสียเปล่าๆ
อวี้ชิงลั่วหลับตาแล้วหลับไป
เหมิงพั่วยืนอยู่ด้านหลังนางอยู่นาน สีหน้าเคร่งขรึมลงเรื่อยๆ ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็แค่นเสียงไม่พอใจ สะบัดแขนเสื้อแล้วออกจากห้องลับไป
ประตูหินเปิดออกและปิดลง ทั้งห้องลับเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงลมหายใจของอวี้ชิงลั่ว
นางนอนอยู่บนเตียงหินครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แววตามองไปยังใต้โต๊ะที่มีแมงป่องตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ
นางรีบวางแมงป่องไว้ที่ฝ่ามือ มุมปากของนางแยกยิ้ม “ต้าไป๋เหอ ลำบากเจ้าแล้ว”
ต้าไป๋เหอส่ายหาง ราวกับว่าไม่พอใจกับชื่อนี้ จริงๆ เลย หนานหนานตั้งชื่อแย่ๆ ให้กับมัน เหตุใดแม้แต่มารดาเขาก็เรียกมันเช่นนั้นไปอีกคนด้วย
อวี้ชิงลั่วเหลือบตาขึ้นมองไปยังทางประตูหิน จากนั้นก็หยิบใบผักสีเขียวออกมาจากแขนเสื้อ ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ วางไว้ที่หลังของต้าไป๋เหอ
ในห้องลับนี้ไม่มีอะไรที่เป็นสีเขียวเลย ยาผงของนางก็ถูกยึดไปหมด นางอยากจะรายงานว่าปลอดภัย ก็ทำได้เพียงใช้วิธีนี้แล้ว
อย่างน้อยจะได้บอกเย่ซิวตู๋ ว่าตอนนี้นางปลอดภัยดี อีกทั้ง… ยังได้กินข้าวอีกด้วย
ตอนนี้นางก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด และไม่สามารถส่งข่าวที่เป็นประโยชน์ให้พวกเขาได้ หากบอกพวกเขาว่ามีอันตราย รังแต่จะทำให้พวกเขามีภาระในใจเพิ่มขึ้น เกรงว่าหนานหนานจะยิ่งเสียใจ
หลังจากจัดการใบผักเสร็จแล้ว อวี้ชิงลั่วก็วางต้าไป๋เหอลงกับพื้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าที่นี่ถูกปิดล้อม ต้าไป๋เหอออกไปไม่ได้
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก มองไปยังระฆังเล็กๆ ที่แขวนอยู่ไม่ไกล เหมิงพั่วบอกนางเอาไว้ว่าหากมีเรื่องอันใด ก็ให้สั่นระฆังนั้นเป็นใช้ได้
นางยกมือขึ้นแล้วดึงเชือก
เสียงระฆังดังขึ้นทันที ไม่นานนัก ประตูหินก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
เหมิงพั่วปรากฏตัวที่ประตู มองนางแวบหนึ่ง “มีอันใดหรือ”
เหตุใดจึงเป็นเขาอีกแล้วล่า อวี้ชิงลั่วสงสัยว่าเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างนอกนั่นหรือไม่ จึงได้มาเร็วเพียงนี้
“ข้ารู้สึกหนาว ต้องการผ้าห่ม”
เหมิงพั่วมองเตียงหินนั้น เป็นตนเองที่คิดไม่รอบคอบจริงๆ เขาเงียบไป ปิดประตูหินแล้วจากไป
ไม่นานนัก คนรับใช้คนเดิมก็เดินเข้ามาพร้อมผ้านวมในอ้อมแขน นางยังคงก้มหัว วางผ้านวมลงบนเตียงหินด้วยความเคารพ
ทว่าตอนที่คนรับใช้ผู้นั้นหันกลับมา จู่ๆ นางก็ยัดของสิ่งหนึ่งใส่มืออวี้ชิงลั่ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ส่งข่าวได้แล้ว ฉลาดจริงๆ ชิงลั่ว
คนรับใช้นี่เป็นใครปลอมตัวมาหรือเปล่านะ? ไหหม่า(海馬)