อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 792 ข่าวลือ
ตอนที่ 792 ข่าวลือ
ตอนที่ 792 ข่าวลือ
ว่ากันว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงถูกลอบสังหาร ตอนนี้ทั้งคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลหมิงจึงอยู่ภายใต้การคุ้มกันอย่างแน่นหนา และพวกเขาทุกคนเป็นคนของผู้อาวุโสเหมิงลู่
ว่ากันว่าแม้หมอเฒ่าฉยงซานจะช่วยผู้อาวุโสสกุลหมิงไว้ได้ ทว่าลูกชาย หลานชาย และหลานชายของผู้อาวุโสสกุลหมิงก็ถูกกักตัวไว้นอกลานบ้านของผู้อาวุโสสกุลหมิง และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป
ว่ากันว่า…คนที่ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิงคือเหมิงลู่…หัวหน้าเผ่าเหมิงคนปัจจุบัน
ข่าวลือเรื่องสุดท้ายนี้แพร่กระจายไปเกือบทั่วทั้งเมืองหลวงของดินแดนเหมิง และทุกคนต่างก็ตกใจกับข่าวกะทันหันนี้
ท่านประมุข ท่านประมุขลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิงได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร?
“แม่นาง แม่นาง…” เสียงชาวไร่ดังมาจากข้างนอก
ทันใดนั้นอวี้ชิงลั่วที่กำลังครุ่นคิดก็กลับมามีสติ นางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ยกม่านรถม้าขึ้นแล้วถามว่า “อะไร เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“แม่นาง โรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้าจะส่งสามีของเจ้าไปที่โรงหมอนั่นหรือ…” ชาวไร่ถามด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะชี้ไปยังโรงหมอขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจขณะระงับความประหลาดใจ ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้อง พาเราไปโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ ข้าจะให้หมอมาตรวจดูที่โรงเตี๊ยม”
“ได้เลย มีโรงเตี๊ยมที่ดูดีทีเดียวอยู่ทางซ้าย ข้าจะพาแม่นางไปที่นั่น”
“ขอบคุณ” อวี้ชิงลั่วปิดม่านรถม้าลง แล้วขมวดคิ้วมองไปทางซ่างกวนจิ่นที่ยังไม่ได้สติในรถม้า
นางคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงจะถูกสังหาร หงเย่ฟังไม่ผิดตั้งแต่แรก มีคนกำลังจะฆ่าเขาจริง ๆ แม้ว่าเขาจะเตรียมการรับมือล่วงหน้าแล้ว แต่พวกเขาก็รู้ว่าศัตรูอยู่ในความมืด มันจึงยากที่จะป้องกัน
โชคดีที่หมอเฒ่าฉยงซานอยู่ในเผ่าดินแดนเหมิงพอดี ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ เมื่อสักครู่นี้นางได้ยินจากคนที่เดินผ่านไปมาว่า ผู้อาวุโสสกุลหมิงได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย และทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณหมอเฒ่าฉยงซาน
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทันใดนั้นก็นึกถึงเย่ซิวตู๋
ผู้อาวุโสสกุลหมิงเป็นอาจารย์และปู่ของเขาเสมอ ดังนั้นเย่ซิวตู๋คงจะต้องรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ที่เกิดขึ้น ประกอบกับเรื่องที่นางถูกจับ สองวันนี้ต้องวุ่นวายมากแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ต้องขอบคุณซ่างกวนจิ่น ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เย่ซิวตู๋จะต้องดูแลทั้งสองด้าน และต้องมุ่งความสนใจไปที่ด้านหนึ่งและสูญเสียอีกด้านหนึ่ง บางทีเขาเองก็อาจกลายเป็นเป้าหมายของมือสังหารด้วย
แต่เหมิงลู่เป็นฆาตกรที่ฆ่าผู้อาวุโสสกุลหมิงจริงหรือ? นางไม่อยากจะเชื่อเลย เหมิงลู่ไม่มีความบาดหมางกับผู้อาวุโสสกุลหมิง และผู้อาวุโสสกุลหมิงก็เคารพเหมิงลู่มาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทำให้เหมิงลู่โจมตีเขาเลย
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่ามีมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง กำลังผลักดันเรื่องต่าง ๆ ไปข้างหน้า
รถม้าหยุดกะทันหัน และเสียงของชาวไร่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แม่นาง เราถึงแล้ว ข้าจะเรียกเสี่ยวเอ้อให้มาช่วยพาสามีของเจ้าเข้าไปข้างในด้วยกัน”
“ตกลง” อวี้ชิงลั่วลงจากรถม้า แล้วชาวไร่ก็มาพร้อมกับเสี่ยวเอ้อ
ทั้งสองช่วยกันหามเขาออกจากรถม้าอย่างระมัดระวัง แล้วชาวไร่ก็ก้มลงแบกซ่างกวนจิ่นขึ้นหลังเข้าไปในโรงเตี๊ยม
อวี้ชิงลั่วไปที่โต๊ะบริการแล้วเปิดห้องชั้นบน จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็พาชาวไร่ไปที่ชั้นสอง
เมื่ออวี้ชิงลั่วจ่ายเงินเสร็จ นางก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะมองไปที่เถ้าแก่ นางขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ข้าได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้อาวุโสสกุลหมิงหรือ?”
“เอ๊ะ?” เถ้าแก่อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรือ? จู่ ๆ เขาก็ถูกลอบสังหารเมื่อสองวันก่อน และสองวันนี้ก็มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในเมืองมากมาย ซึ่งคนบอกว่าฆาตกรก็คือท่านประมุข? ใครเป็นผู้ปล่อยข่าวลือนี้กัน? ช่างเหลวไหลนัก”
อวี้ชิงลั่วมองเถ้าแก่ที่มีสีหน้าหงุดหงิด เห็นได้ชัดว่าเขายังคงหวั่นเกรงผู้อาวุโสเหมิงลู่อยู่
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ต้องการจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ อวี้ชิงลั่วก็พยักหน้า แล้วเดินครุ่นคิดขณะเดินไปที่ชั้นสอง
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็เห็นคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงชั้นล่างคุยกัน
“ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ข้าได้ยินมาว่าเมื่อผู้อาวุโสสกุลหมิงถูกสังหาร มีเพียงท่านเหมิงจื่อเชียนเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ผลที่ตามมาคงจะเลวร้ายยิ่งนัก”
อวี้ชิงลั่วหยุดชะงักทันที นางเผลอขยับเข้าไปใกล้สองสามก้าว และยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างเพื่อฟังบทสนทนาของพวกเขา
“ไม่ใช่หรือ? ในเวลานั้นท่านประมุขโกรธมาก เขาสั่งให้ค้นหาตัวฆาตกรอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ แม้แต่พวกเราที่บังเอิญอยู่ในงานเทศกาลชิมสุราของดินแดนเหมิง ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป และกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย”
“ขอบอกไว้ก่อนว่าข่าวลือตามท้องถนนไม่จำเป็นต้องเป็นเท็จ อย่างที่เราทราบกันดีว่าในดินแดนเหมิง คนเดียวที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศกว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงก็คือท่านประมุข ท่านประมุขเหมิงสงสัยร้านสุราของเราที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงของดินแดนเหมิง จึงปฏิบัติต่อเราในฐานะผู้ต้องสงสัย บางทีเขาอาจต้องการให้คนนอกเช่นเรากลายเป็นแพะรับบาป”
“จุ๊ ๆ เจ้าไม่ควรพูดเรื่องเหลวไหล เหตุใดท่านประมุขต้องฆ่าผู้อาวุโสสกุลหมิงด้วย สถานะของท่านประมุขสูงส่งอยู่แล้ว จำเป็นหรือไม่ที่เขาจะต้องทำร้ายผู้อื่น?”
“เอ๊ะ บางทีผู้อาวุโสสกุลหมิงก็อาจเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของเขาได้ไม่ใช่หรือ? ผู้อาวุโสสกุลหมิงได้รับความเคารพอย่างสูง และบุตรีของเขาก็เป็นพระสนมของอาณาจักรเฟิงชาง ไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวไม่ใช่หรือว่าเหลนของเขาเป็นเด็กอีกคนที่มีปานรูปดอกไม้? เจ้าต้องรู้ว่าไม่มีเด็กแบบนี้ในดินแดนเหมิงมาหลายปีแล้ว ผู้อาวุโสสกุลหมิงจึงได้รับความสนใจมาก ทำให้ท่านประมุขต้องอิจฉา”
ยิ่งอวี้ชิงลั่วได้ยินมากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น คนเหล่านี้ไม่รู้อะไรเลย พวกเขาสามารถทำลายชื่อเสียงของคนคนหนึ่งได้เพียงเพราะการคาดเดาเท่านั้น
ที่ว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงได้รับความสนใจมากหมายความว่าอย่างไร? ทำให้ท่านประมุขอิจฉาหมายความว่าอย่างไร?
หากเหมิงลู่เป็นคนเช่นนี้จริง เขาจะครองตำแหน่งนั้นมาหลายปีได้อย่างไร? ตอนนั้นเหมิงลู่คือคนแรกที่ตกหลุมรักหนานหนาน และต้องการให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง
จิตใจของคนเหล่านี้เป็นเช่นไรกัน?
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจ ขณะจ้องไปยังชายที่กล่าวหาเหมิงลู่มาตั้งแต่ต้น
“แม่นาง แม่นาง?” ทันใดนั้นก็เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อนางหันกลับไปก็เห็นเสี่ยวเอ้อยืนอยู่ข้างหลังนาง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นาง พวกเราได้ส่งสามีของเจ้าขึ้นไปชั้นบนแล้ว เจ้าต้องการจะขึ้นไปดูหรือไม่?”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางไม่ควรบอกว่าซ่างกวนจิ่นเป็นของสามีของนาง ตอนนั้นนางแค่อยากจะขอให้พี่ใหญ่ชาวไร่ทั้งสองช่วยแบกเขาขึ้นม้า อย่างไรก็อย่าได้เจอกันอีกเลย
แต่ตอนนี้… ขี่หลังเสือแล้วลงยาก
นางมีครอบครัวแล้ว ถ้าเย่ซิวตู๋หรือหนานหนานรู้เข้า นางคงเสียหน้าจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจอีกครั้ง ก่อนยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเสี่ยวเอ้อในร้าน แล้วพยักหน้าหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน
ชายชาวไร่กระตือรือร้นมาก เขานำผ้าห่มผืนบางมาห่มให้ซ่างกวนจิ่นอย่างรอบคอบ เมื่อเขาเห็นอวี้ชิงลั่วขึ้นมาชั้นบนแล้ว เขาก็ยกยิ้มแล้วหันกลับบอกว่า “แม่นาง ข้าพาเขามาส่งให้เจ้าแล้ว ข้ายังมีธุระที่ต้องทำที่บ้านอยู่ จึงต้องขอตัวกลับก่อน หากเจ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้ขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวเอ้อในโรงเตี๊ยม สามีของเจ้าดูเหมือนจะป่วยหนัก เจ้าจึงควรพาเขาไปให้หมอตรวจที่โรงหมอ”
“… ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณพี่ใหญ่ ท่านรีบไปเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่ทันการ” ตอนนี้เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินคำว่า “สามี” นางก็รู้สึกขนหัวลุกทันที และยังรู้สึกอึดอัดไปทั่วทั้งร่างด้วย
พี่ใหญ่ชาวไร่หัวเราะ ก่อนโบกมือแล้วเดินออกไปนอกประตู
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อนางหันกลับมา นางก็พบกับดวงตาใสของซ่างกวนจิ่นที่กำลังมองมา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
วุ่นวายใหญ่แล้ว ไม่น่าบอกว่าซ่างกวนจิ่นเป็นสามีตัวเองเลยชิงลั่ว
ไหหม่า(海馬)