อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 793 สามี
ตอนที่ 793 สามี?
ตอนที่ 793 สามี?
อวี้ชิงลั่วตกใจจนเผลอถอยไปสองก้าว “ท่านฟื้นแล้วหรือ?”
“สามี?” เสียงของซ่างกวนจิ่นแหบพร่าเล็กน้อย และยังคงเจ็บหน้าอกอยู่ แม้จะรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้กินยาของอวี้ชิงลั่ว แต่อาการบาดเจ็บครั้งนี้ก็สาหัสนัก
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ นางกระแอมเบา ๆ แล้วพูดเคร่งขรึม “เป็นแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสม สถานการณ์บังคับให้ข้าต้องพูดเช่นนี้ ท่าน…”
นางลดสายตาลงมองเขา และเห็นว่าดวงตาของเขามองไปทางอื่นเสียแล้ว ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของนางเลย สีหน้าของอวี้ชิงลั่วพลันมืดมนลง และทันใดนั้นนางก็อยากจะตบเขาแรง ๆ สักทีเพื่อปลุกเขา
แต่เมื่อนางคิดว่าเขายอมเจ็บหนักถึงเพียงนี้เพื่อช่วยตน นางก็ได้แต่บอกตัวเองในใจว่า อย่าทำร้ายคนป่วย…อย่าทำร้ายคนป่วย
นางหยุดพูดก่อนนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง แล้วจับชีพจรของเขาอีกครั้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนหน้านี้เป็นเพียงการปฐมพยาบาลและตรวจอาการเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้เห็นได้อย่างละเอียดว่าอาการบาดเจ็บของเขาร้ายแรงมาก ประกอบกับรถม้าวิ่งมาบนถนนที่หลุมเป็นบ่อตลอดทาง หากเขาไม่ได้พักฟื้นสิบวันเป็นอย่างต่ำ ต่อให้ผ่านไปหนึ่งเดือนก็กลัวว่าเขาจะลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ จากนั้นหันไปคุ้ยหาของในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่ง หยิบขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กออกมา เทยาสองเม็ดแล้วยื่นให้เขา “กินนี่สิ”
ซ่างกวนจิ่นทอดสายตาอ่อนโยนจ้องมองนาง กลืนยาทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง
“ตอนนี้เราอยู่ที่โรงเตี๊ยม อยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง แต่ท่านต้องหาทางแจ้งให้คนของท่านมาหา ท่านไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากคนคอยรับใช้หรอก”
อวี้ชิงลั่วลุกไปรินน้ำให้เขาอีกแก้ว และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้ว เขาคิดว่ามีแค่นางอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อคิดถึงนิสัยของนางก็แทบทนไม่ได้ที่จะให้นางมาคอยดูแลกิจวัตรประจำวันของเขา ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขาเลยจริง ๆ นอกจากนี้ หากผู้ใต้บังคับบัญชาไม่พบเขา พวกเขาก็คงไม่สบายใจ
เขาพยักหน้า กวักมือเรียกนางแล้วพูดว่า “ข้าต้องการพู่กันกับกระดาษ”
อวี้ชิงลั่วรีบสั่งให้เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมนำพู่กันและกระดาษมาให้ แล้วซ่างกวนจิ่นก็นั่งลงบนเตียง วาดรูปบนกระดาษแล้วยื่นให้นาง “เจ้าออกไปนอกโรงเตี๊ยม แล้ววาดภาพพวกนี้บนกำแพงสักสองสามแห่ง คนของข้าย่อมตามหาข้าพบ”
อวี้ชิงลั่วรับกระดาษมา แล้วมองเขาด้วยสายตาครุ่นคิด
นางกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ หลังจากนั้นไม่นานก็กระซิบว่า “นี่เป็นวิธีการติดต่อที่ไม่เหมือนใครระหว่างท่านกับคนของท่านใช่หรือไม่ บอกข้าเช่นนี้จะ…เหมาะสมหรือ?”
“ไม่มีเหมาะหรือไม่เหมาะ ข้ามอบชีวิตของข้าไว้ในมือเจ้าแล้ว มีอะไรอีกที่ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้?” ซ่างกวนจิ่นหัวเราะ
“…” อวี้ชิงลั่วค่อนข้างลำบากใจเล็กน้อย คารมของซ่างกวนจิ่นดีมาก โดยเฉพาะเมื่อคุยกับสตรี
นางรับกระดาษจากมือเขาพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะหันกลับมากุมหน้าอกตัวเอง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ
ภาพวาดฝีมือซ่างกวนจิ่นช่างเสมือนจริงนัก อันที่จริงเขาก็มีพรสวรรค์ในการวาดและเขียนเช่นกัน แม้ตอนนี้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม ซึ่งจุดนี้คล้ายกับเย่ซิวตู๋มาก
ไม่ได้เจอเขาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
อวี้ชิงลั่วนั่งที่โต๊ะและหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมา ก่อนเริ่มเขียนลงไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางก็ต้องการรายงานความปลอดภัยให้เย่ซิวตู๋ทราบ
สถานการณ์ของซ่างกวนจิ่นไม่ปกติ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะช่วยนาง นางไม่อาจทิ้งเขาไว้ตามลำพังก่อนที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะปรากฏตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เย่ซิวตู๋ก็กำลังยุ่งอยู่ และมีอันตรายอยู่รอบตัวเขา ดังนั้นนางจึงไม่อาจเพิ่มภาระที่ไม่จำเป็นให้กับเขาได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ… เหมิงพั่วและเหมิงจื้อเฉิงเป็นพวกเดียวกัน การลักพาตัวนางอาจจะเป็นความคิดของเหมิงจื้อเฉิง หากนางกลับไปอยู่ใต้จมูกของเหมิงจื้อเฉิง บางทีนางอาจจะกลายเป็นเป้าหมายของเขาอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องต่าง ๆ จะซับซ้อนมากขึ้น นางอาจจะไม่ปรากฏตัว และปล่อยให้เย่ซิวตู๋มุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเรื่องผู้อาวุโสสกุลหมิง และหาตัวฆาตกรให้เจอ
ส่วนนางจะอยู่ในความมืดเพื่อคอยระวังและแอบช่วยเหลือเขา
นางเขียนจดหมายเสร็จแล้วก็ประทับครั่งปิดผนึก โดยชื่อที่เขียนบนซองจดหมายคือ ‘ส่งถึงไป๋อีเฟิง’
หลังจากเขียนจดหมายเสร็จ นางก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเหงื่อผุดซึมบนหน้าผาก
ทว่าทันทีที่หันหน้าไป นางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสายตาของซ่างกวนจิ่นที่จ้องนางไม่วางตา นางมองเขาด้วยสายตาดุร้าย “เหตุใดท่านไม่พักผ่อนดี ๆ มองข้าเพื่ออะไร?”
“ไม่รู้สิ มองเพลินดี” ซ่างกวนจิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม สีหน้าดูอ่อนโยนยิ่ง
ถ้าอวี้ชิงลั่วไม่เคยเห็นท่าทางดุร้ายและโหดเหี้ยมของเขาตอนที่อยู่ในอาณาจักรเฟิงชาง นางก็คงคิดว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนมาก
นางกลอกตา หยิบจดหมายขึ้นมา แล้วพูดกับเขาว่า “ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อนำอาหารมาให้ท่าน ช่วงนี้ท่านไม่ต้องลุกจากเตียงเลย หากต้องการอะไรก็เพียงแค่บอกเสี่ยวเอ้อให้ทำให้ ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
“อืม” ซ่างกวนจิ่นเพลิดเพลินกับคำอธิบายของนาง
เขาอยู่ในตำแหน่งสูงมานานเกินไป แทบจะไม่มีใครพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ แต่การจู้จี้ของอวี้ชิงลั่วทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อ…หญิงจู้จี้คนนี้คือนาง
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว รีบออกจากห้องแล้วลงไปชั้นล่าง
นางไม่สามารถอยู่ข้างนอกได้นานเกินไป แม้ที่นี่จะยังอยู่ในดินแดนเหมิง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าศัตรูของซ่างกวนจิ่นจะไม่มาหานาง ด้วยสถานะของเขาแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นมันจะร้ายแรงมาก
ชั้นล่างยังคงมีชีวิตชีวามาก คนไม่กี่คนที่คุยกันเมื่อสักครู่นี้ก็หายไปแล้ว มีเพียงเสี่ยวเอ้อในโรงเตี๊ยมเท่านั้นที่พึมพำ “ถ้าเจ้าพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับท่านประมุขอีก เจ้าก็สมควรถูกเจ้าของร้านไล่ออก”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าเหมิงลู่จะยังคงเชื่อถือได้ในสายตาของคนในเผ่า
นางรีบเดินก้มหน้าออกจากโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปที่กำแพงพร้อมกับดินสอถ่าน ภาพที่ซ่างกวนจิ่นวาดแวบเข้ามาในความคิดของนาง จากนั้นนางก็ร่างภาพบนกำแพงนั้นทันที
หลังจากนั้นก็ไปวาดเสาด้านซ้ายอีกต้น
หลังจากวาดเพิ่มอีกสี่ห้าต้น อวี้ชิงลั่วก็หยุด จากนั้นโยนดินสอถ่านทิ้งไป ตบฝ่ามือและถอนหายใจ
เมื่อเห็นว่าภาพวาดของตนดูดีแล้ว นางก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันหลังเดินไปในทิศตรงกันข้ามกับโรงเตี๊ยม และในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าวัดร้าง
มีขอทานแต่งตัวสะอาดอยู่ที่ประตู ผิวของเขาซีดเซียวและอายุยังน้อย ดูเหมือนเขาจะยากจนข้นแค้นยิ่งนัก และขอทานข้างในคงไม่อนุญาตให้เข้าไปในวัดร้าง
อวี้ชิงลั่วโบกมือให้เขา ขอทานกะพริบตาแล้วเดินมาหาด้วยความสงสัย
“ข้ามีจดหมายอยู่ที่นี่ โปรดนำไปส่งให้คนชื่อไป๋อีเฟิง ที่ร้านสุราเฟิงเยว่ของตระกูลไป๋บนถนนทางทิศใต้ นี่คือเงินห้าตำลึงที่ถือเป็นค่าเดินทาง หลังจากที่เจ้ามอบจดหมายให้คุณชายไป๋แล้ว เขาจะมอบเงินให้เจ้าเพิ่ม”
เมื่อขอทานเห็นเงิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และรีบพยักหน้าทันที “ได้เลย ไม่ต้องห่วงขอรับคุณหนู ข้าจะส่งให้เขาเป็นการส่วนตัวขอรับ”
“อย่าบอกใครนะ ระวังตัวด้วย”
ขอทานหยิบเงินนั้นแล้วใส่จดหมายไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง แล้วหันหลังเดินจากไป
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่หน้าวัดร้างครู่หนึ่ง จากนั้นหันหลังเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยม
ซ่างกวนจิ่นเงียบขรึมยิ่งนัก มีชามและตะเกียบวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเสี่ยวเอ้อเป็นผู้ยกอาหารมาให้ ทันทีที่อวี้ชิงลั่วเข้าประตูมา สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่นางเขม็ง
มุมปากของนางกระตุก นางนั่งลงตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า “ถ้าท่านนอนไม่หลับก็มาคุยกัน”
“ดีเลย”
“…ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในเรือนหลังนั้น และพาคนมาช่วยข้า?”
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จดหมายจะถึงมือท่านอ๋องซิวไหมนะ?
นั่นน่ะสิ ชักสงสัยในจุดประสงค์ของอุปราชแล้ว
ไหหม่า(海馬)