อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 794 มีข่าวหรือ
ตอนที่ 794 มีข่าวหรือ?
ตอนที่ 794 มีข่าวหรือ?
สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติปรากฏบนใบหน้าของซ่างกวนจิ่น เขากระแอมเบา ๆ แล้วในที่สุดก็เสมองไปทางอื่น
อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว สายตาของซ่างกวนจิ่นดูหลุกหลิกชอบกล ต้องมีเรื่องบางอย่างที่น่าละอายใช่หรือไม่?
“อะแฮ่ม เจ้ายังจำเรื่องล่าสุดที่ข้าถูกลอบสังหารในอาณาจักรเฟิงชาง แล้วเจ้าก็รักษาข้าจนหายดีได้หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าด้วยความงุนงง “จำได้” นางจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้ง่าย ๆ
นางยังจำได้ว่าเย่ซิวตู๋บอกว่าคนที่ลอบสังหารเขาเป็นคนจากอาณาจักรจิงเหลยของเขาเอง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือหนึ่งในองค์ชายของอาณาจักรจิงเหลย ที่เข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร แม้ตอนนั้นซ่างกวนจิ่นจะไม่ได้ทำอะไรกับองค์ชาย แต่เขาก็ไม่ได้ชี้แจงแถลงไข อีกทั้งยังจงใจปิดบังเรื่องนี้ไว้ด้วย
แต่เย่ซิวตู๋บอกว่าด้วยนิสัยของซ่างกวนจิ่นแล้ว ชีวิตขององค์ชายองค์นั้นจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายแน่นอน เมื่อเขากลับไปยังอาณาจักรจิงเหลย เห็นทีองค์ชายองค์นั้นต้องชะตาขาด
อวี้ชิงลั่วก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน แต่ก็ถือว่าเป็นความผิดขององค์ชายองค์นั้นเอง เมื่อรู้ว่าซ่างกวนจิ่นมีอำนาจจึงต้องการสังหารเขา ทว่าอวี้ชิงลั่วก็ไม่ได้สนใจติดตามเรื่องนั้น
แต่เหตุใดซ่างกวนจิ่นจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?
ซ่างกวนจิ่นกระแอมเบา ๆ อีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงแดงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างลังเลว่า “แล้วเจ้าจำได้หรือไม่ว่า… วันหนึ่งเมื่อเจ้ารักษาข้า จู่ ๆ เจ้าก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา? เจ้าเป็น…วันนั้นของเดือน”
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วแข็งทื่อ มุมปากของนางกระตุกด้วยความเขินอาย
ตอนนั้นช่างน่าอายจริง ๆ หลังจากปรับสภาพร่างกายมาหลายปี ร่างกายของนางก็นับว่าแข็งแรงขึ้นแล้ว จนกระทั่งไม่ปวดประจำเดือน แม้จะมีรอบเดือนก็ตาม
แต่ช่วงนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น นางไม่ได้นับวันที่นางมีประจำเดือน และไม่ได้สังเกตว่าตนกินของฤทธิ์เย็นเข้าไปมากในเช้าวันที่นางมีประจำเดือน
ใครจะคิดว่าขณะที่นางกำลังตรวจวินิจฉัยและรักษาซ่างกวนจิ่นอยู่ จู่ ๆ วันนั้นของเดือนก็มาถึง… ในเวลานั้นนางต้องการแทรกแผ่นดินหนีไปเลยจริง ๆ
โชคดีตอนนั้นมีเย่ซิวตู๋อยู่เคียงข้างนาง และรีบพานางไปที่ห้องถัดไปเพื่อพักผ่อน นางทนความเจ็บปวดไม่ไหว จึงได้แต่เขียนใบสั่งยาให้ตัวเอง แล้วขอให้คนไปเอายาเหล่านั้นมาให้
หนึ่งในยานั้นหายากเป็นพิเศษ และต้องใช้เวลานานมากในการค้นหามัน
ในเวลานั้นเองที่นางและเย่ซิวตู๋ได้พูดคุยเรื่องใบสั่งยาที่นางเตรียมไว้ นอกจากนี้นางยังบอกให้เย่ซิวตู๋ทราบเรื่องยาหายากด้วย
ครั้งนั้นนางจึงลองเสี่ยงโดยใช้วิธีนี้ เพื่อดูว่านางจะสามารถดึงดูดความสนใจของเย่ซิวตู๋ได้หรือไม่
คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่ให้ความสนใจ… จะเป็นซ่างกวนจิ่น นางเกือบจะลืมเขาไปแล้ว
ซ่างกวนจิ่นเห็นนางหน้าถอดสี แล้วก็ยิ่งเขินอายมากขึ้นกว่าเดิม เขาพูดด้วยเสียงเบาว่า “ตอนนั้นเจ้าขอให้ใครสักคนไปเอายา และข้าก็สั่งให้สาวใช้ข้างกายข้าไป จากนั้นข้าก็หยิบใบสั่งยาไปถามหมอหลวงหลู และหมอหลวงหลูก็รู้สึกประหลาดใจมากเพราะยาตัวหนึ่ง อีกอย่างคือ… เขาได้ค้นคว้าและรู้ว่ายานี้หายากมาก โรงหมอทั่วไปไม่มียานี้”
ซ่างกวนจิ่นมีสีหน้าผิดธรรมชาติมาก เมื่อนึกถึงสีหน้าของหมอหลวงหลูที่กำลังอ่านใบสั่งยาสำหรับการบรรเทาอาการปวดจากวันนั้นของเดือน เขาก็อดไม่ได้ที่จะมุมปากกระตุก โดยเฉพาะตอนนั้นที่เขาอยู่ข้างๆ นาง และถามคำถามมากมาย เมื่อมานึกย้อนไปในตอนนี้ เขาก็แทบไม่สามารถเผชิญหน้ากับอวี้ชิงลั่วได้เลย
“ก็… เมื่อเย็นวานนี้ ข้าบังเอิญเดินผ่านประตูโรงหมอแห่งหนึ่ง และเห็นสาวใช้คนหนึ่งถูกไล่ออกมา และชนเข้ากับข้า ตอนแรกองครักษ์ที่อยู่รอบกายข้าจะสั่งสอนนาง แต่มีใบสั่งยาร่วงออกมาจากตัวสาวใช้ ข้าเหลือบไปมองก็พบว่าใบสั่งยานั้นแปลก ๆ มันคล้ายกับที่เจ้าสั่งครั้งที่แล้วมาก และสาวใช้ก็ดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ”
“ข้าจึงสั่งให้องครักษ์ปล่อยนางไป แล้วเข้าไปในโรงหมอเพื่อสอบถาม และพบว่าใบสั่งยาของสาวใช้ตรงกับที่เจ้าเขียนไว้เมื่อคราวที่แล้วทุกประการ ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และเย่ซิวตู๋กับคนอื่น ๆ ก็กำลังตามหาเจ้าอยู่ ข้าจึงสนใจติดตามสาวใช้คนนั้นไปที่บ้านพักนั่น “
“ตอนที่ข้าอยู่ที่บ้านพัก ข้าเห็นสาวใช้ยื่นยาให้ทหารยาม แล้วทหารยามก็พูดว่า ‘รอให้หมอปีศาจปวดท้องเสียก่อน แล้วข้าค่อยเข้าไปดูแล ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้นนางอาจจะใช้กลอุบายหนีไปจากที่นี่ได้’ ขณะนั้นข้าจึงแน่ใจว่าเจ้าอยู่ในบ้านพักนั้นจริง และกำลังพยายามหลบหนี หลังจากที่ข้ากลับไปจึงได้พาคนมาช่วยเจ้า คาดไม่ถึงเลย…”
คาดไม่ถึงว่ามันจะลำบากถึงเพียงนี้ และน่าอับอายที่สุด
อวี้ชิงลั่วเม้มปากโดยไม่เอ่ยคำใด ด้วยไม่คาดคิดว่าสาวใช้จะไปชนซ่างกวนจิ่น
“แต่อย่างไรข้าก็อยากขอบคุณท่าน ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงถูกขังอยู่ในห้องมืดนั่นต่อไป”
ซ่างกวนจิ่นหันหน้ามามองนาง แล้วยกยิ้มอีกครั้ง “เจ้าช่วยข้ามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว” เขาเงียบแล้วเม้มปาก ก่อนพูดต่อทันทีว่า “ตอนนี้ข้าพ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าอยากกลับไปแล้วหรือยัง?”
“อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดี ข้าไม่อาจปล่อยท่านไว้คนเดียวได้” อวี้ชิงลั่วยกยิ้มและไม่อธิบายอะไรมาก
สีหน้าของซ่างกวนจิ่นมีความสุข “ถูกต้องแล้ว กลับไปอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีการอยู่ที่นี่อาจเก็บเป็นความลับได้ดีกว่า”
“อืม” อวี้ชิงลั่วตอบอย่างเฉยเมย แล้วหันกลับไปมองท้องฟ้าข้างนอก ตอนนี้เกือบจะค่ำแล้ว ไม่รู้ว่าขอทานส่งจดหมายให้หรือยัง
ในห้องรับแขกเทียนจื่อ บนชั้นสามของร้านสุราเฟิงเยว่ที่ถนนฝั่งใต้ขณะนี้ ไป๋อีเฟิงขมวดคิ้วมองไปยังขอทานที่เดินมาหาเขาด้วยความประหลาดใจ
ผู้จัดการที่อยู่ข้างเขาแนะนำด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณชายขอรับ เด็กคนนี้บอกว่าเขามีจดหมายถึงท่าน เขายืนกรานที่จะมาพบท่าน และบอกว่าจะส่งจดหมายถึงท่านด้วยตัวเองขอรับ”
ผู้จัดการปาดเหงื่อ หากไม่เห็นว่าขอทานคนนี้แต่งกายเรียบร้อย พูดจาฉะฉานและสุภาพ เขาก็คงไม่พาขึ้นมา
สองวันมานี้คุณชายค่อนข้างยุ่งมาก และเขาเคยพบกับผู้คนมาแล้วทุกประเภท ขอทานคนนี้ดูเหมือนจะพูดจาเหมาะสม และเขากังวลมากว่าขอทานจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานคุณชาย
“จดหมาย” ไป๋อีเฟิงวางถ้วยในมือลง แล้วมองหน้าขอทาน
ขอทานก็หันหน้ามามองเขาเช่นกัน เขากลอกตาและถามเบา ๆ ว่า “ท่านคือไป๋อีเฟิงหรือขอรับ? ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับคำอธิบายของแม่นางคนนั้น”
“แม่นาง?” ไป๋อีเฟิงกะพริบตา “แม่นางคนไหน?”
ขอทานหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมพูดว่า “มีสตรีผู้หนึ่งมาหาข้า และขอให้ข้าส่งจดหมายถึงท่านด้วยตัวเอง และบอกด้วยว่าท่านจะให้เงินข้าขอรับ”
มุมปากของไป๋อีเฟิงกระตุก เหลวไหล เขาดูเป็นคนใจกว้างถึงเพียงนั้นเลยหรือ?
ไป๋อีเฟิงรับจดหมาย เมื่อเขาเห็นข้อความบนซองจดหมาย ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นทันที เขาลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วพูดว่า “ผู้จัดการหลิว ให้เงินเขา”
นี่คือจดหมายจากอวี้ชิงลั่ว อวี้ชิงลั่วชอบเขียนชื่อตัวเองในแนวตั้งเสมอ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่แน่นอนว่านี่คือลายมือของอวี้ชิงลั่ว
นางมีข่าวหรือ? ไป๋อีเฟิงหายใจสูดเข้าลึก ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะเปิดซองจดหมายอย่างรวดเร็ว
ทว่าเมื่อดึงกระดาษข้างในออกมา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิททันที
…………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ในจดหมายว่าอย่างไรบ้างหนอ ทำไมพี่ไป๋แกถึงหน้าดำคล้ำขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)