อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 799 ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่
ตอนที่ 799 ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่
ตอนที่ 799 ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่
หนานหนานเอามือไพล่หลังเดินไปยังประตูเรือน จากนั้นมองเหมิงจื่อเย่าที่อยู่ตรงหน้าหัวจรดเท้า และพูดว่า “ท่านนั่นแหละเป็นคนเสเพลที่พวกเขาพูดถึง ท่านไม่เข้าใจหรือ? หรือว่าท่านหูไม่ดี?”
เหมิงจื่อเย่ามองเขาอย่างไม่พอใจยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กตัวเล็กคนนี้ไม่ใช่เจ้าของบ้าน แค่มาเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราวเท่านั้น โดยเฉพาะผู้เป็นบิดาของเขาที่น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าสตรีงามอย่างหมอปีศาจไปตกหลุมรักเย่ซิวตู๋ได้อย่างไร การติดตามเย่ซิวตู๋มีแต่ต้องหวั่นกลัวและหวาดระแวงทุกวัน ทั้งถูกตามล่าและลักพาตัว ถ้านางติดตามเขา นางจะได้เป็นฮูหยินที่มีชีวิตสุขสบาย ได้เพลิดเพลินไปกับเกียรติยศและความมั่งคั่ง
เหมิงจื่อเย่าจ้องมองหนานหนานด้วยสายตาเย็นชา แล้วมองทหารยามที่อยู่ข้างเขาด้วยแววเย้ยหยัน เอ่ยขึ้น “เป็นคนเสเพลแล้วอย่างไร? สุดท้ายข้าก็มาจากคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลหมิงแห่งนี้ แล้วเจ้าเล่า? เป็นเพียงคนนอกที่แส่มายุ่งไม่ใช่หรือ?”
“ใครว่าข้าเป็นคนนอก?” หนานหนานทำหน้ามุ่ยด้วยความโกรธจัด “คนที่นอนอยู่ข้างในคือท่านตาทวดของข้า คฤหาสน์หลังนี้เป็นของท่านตาทวดของข้า และข้าเป็นเหลนที่เขารักและมีค่าที่สุดของเขา ตอนนี้เป็นเหลนเพียงคนเดียวของเขาด้วย แล้วจะบอกว่าข้าเป็นคนนอกได้อย่างไร?”
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอวี้ชิงลั่วสบายดี ภายในใจจึงอารมณ์ดีมาก และเมื่อใดที่อารมณ์ดี เขาก็ต้องการจัดการกับคนชั่ว
แม้เหมิงจื่อเชียนและเหมิงจื่อฉีจะไม่ค่อยสนิทกับเขามากนัก แต่พวกเขาก็เป็นมิตรมาก ทุกครั้งที่เจอกัน พวกเขาก็จะให้อาหารและเครื่องดื่มรสเลิศแก่เขาเสมอ ในสายตาของหนานหนานเห็นว่าพวกเขาเป็นคนดี
แต่คนดีเช่นนี้กลับถูกคนน่าขยะแขยงอย่างเหมิงจื่อเย่ารังแก เหมิงจื่อฉียังคงถูกขังอยู่ในเรือนของตัวเอง และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน รอยบวมแดงบนใบหน้ายังไม่หายไปและดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่ด้วย ซึ่งรอยฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่เช่นนั้นดูน่ากลัวมาก
แม้เหมิงจื่อเชียนจะทำงานข้างนอกตลอดทั้งวัน แต่หลังจากถูกเหมิงจื้อเฉิงเตะ เขาก็มักจะไอบ่อยขึ้น
หนานหนานรู้สึกว่าเหมิงจื่อเย่าคนนี้ทำแต่เรื่องสกปรกไร้สาระทั้งวัน โดยไม่ได้ทำอะไรอื่นอีกเลย ซึ่งทำให้เขารู้สึกขยะแขยงมาก
ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ได้มาประจันหน้ากัน
เหมิงจื่อเย่าจ้องมองหนานหนานอย่างเย้ยหยัน “เป็นเหลนแล้วอย่างไร? ข้าเองก็เป็นหลานชายของท่านปู่ เหตุใดจึงให้เหลนเข้าไปได้คนเดียว แต่ข้าเข้าไม่ได้?”
ทหารยามสองคนไม่ตอบเขา ในสายตาของพวกเขานั้น หนานหนานดูน่ารักกว่าเหมิงจื่อเย่าคนนี้มาก
หนานหนานเอียงศีรษะ หรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพลันตบมือแล้วตะโกนว่า “ข้าเข้าใจแล้ว อาจเป็นเพราะสถานะของเจ้า เฮ้อ สุดท้ายแล้วเจ้าก็เป็นแค่ลูกนอกสมรสธรรมดา ๆ นอกจากกลั่นแกล้งคนอื่นแล้ว ก็ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีทักษะอย่างอื่นเลย ส่วนข้านั้นเป็นซื่อจื่อผู้สง่างามแห่งอาณาจักรเฟิงชาง เป็นเหลนของผู้อาวุโสสกุลหมิง พ่อของข้าเป็นท่านอ๋อง แม่ของข้าเป็นหมอปีศาจ และข้าเป็นเด็กดีที่สุดที่ผู้อาวุโสของเผ่าทุกคนรัก”
“แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้ามีความสามารถ ข้าไม่ได้พึ่งพาสถานะของพ่อแม่ของข้าเพื่อวิ่งอาละวาดไปทุกที่ ข้าได้รับความรักและความเคารพจากทุกคน ด้วยความสามารถและความน่ารักของข้าเอง และข้าจะไม่ทำตัวเย่อหยิ่งและลำพองใจเพราะเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว แม่ของข้าก็สอนให้ข้าเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ดังนั้นข้าจึงค่อนข้างทำตัวอ่อนน้อมมาโดยตลอด”
“ตัวอย่างเช่นเมื่อวานนี้ข้าได้ช่วยประคองแม่เฒ่าผู้หนึ่งเดิน อีกอย่างหนึ่งคือเมื่อเช้านี้ก็ช่วยแม่เฒ่าถือของ อีกตัวอย่างหนึ่งคือข้าอ่านประกาศบนผนังให้คนที่อ่านหนังสือไม่ออกฟัง และอีกตัวอย่างหนึ่งข้าช่วยจับคนร้ายที่ปล้นหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งข้าไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับความดีเหล่านี้ สรุปก็คือข้ามีเสน่ห์เฉพาะตัวและมีสถานะสูงส่ง ดังนั้นข้าจึงแตกต่างจากท่าน”
หนานหนานพูดมากจนปากคอแห้งเล็กน้อย เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเหมิงจื่อเย่ากำลังมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เขาไม่อยากคุยกับหนานหนาน เขาไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าเด็กนี่ได้
ทว่า…
เหมิงจื่อเย่าหรี่ตาลง ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นโจมตีทหารยามทางด้านซ้าย
ทหารยามชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นเพื่อสกัดกั้นและถอยหลังไปสามก้าว
“ฮึ่ม พวกเจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าเฝ้าที่นี่ตามคำสั่งของท่านประมุข และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป แต่ตอนนี้กลับปล่อยให้เจ้าเด็กนี่เข้าไปแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าละเลยต่อหน้าที่หรือ? วันนี้นายน้อยเช่นข้าจะสอนบทเรียนดี ๆ ให้พวกเจ้า เพื่อให้รู้จักกฎเกณฑ์กันบ้าง”
เหมิงจื่อเย่าพูดด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
ทหารยามทั้งสองมีสีหน้าเยือกเย็น แล้วเผยยิ้มเย็นชา เขากล้าบอกว่าจะสอนบทเรียนให้พวกเขาได้อย่างไร? ด้วยวรยุทธ์ต่ำต้อยของเขา ถ้าเขาไม่ล้มลงกับพื้น นั่นจะถือว่าเป็นความสามารถของเหมิงจื้อเฉิงที่สอนลูกได้ดี
ทหารยามไม่เต็มใจจะพูดอะไรอีก และได้ตั้งท่าพร้อมรับการโจมตีแล้ว
เหมิงจื่อเย่าตะโกนแล้วยกมือขึ้นหมายจะโจมตีทั้งสอง เมื่อเขาเข้าไปใกล้ท้องของคนหนึ่ง มีดสั้นคมกริบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ฟึ่บ” มีดสั้นในมือของเหมิงจื่อเย่าหลุดออกไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง ทั้งตัวของเขาถอยกลับไปกระแทกกับต้นไม้อย่างจัง
หนานหนานหดขา แล้วลูบชายเสื้อของตนด้วยความเสียดาย
น่าเสียดายจริง ๆ เขาต้องการให้เหมิงจื่อเย่าได้สัมผัสความเจ็บปวดแบบเดียวกับที่เหมิงจื่อฉีต้องเจอในตอนนั้น
เหมิงจื่อเย่าตัวแข็งทื่อทันที เขากุมหน้าอกไว้แล้วเงยหน้าขึ้น จ้องมองหนานหนานอย่างเกรี้ยวกราด แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า?”
“เหตุใดข้าจะไม่กล้า? ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านประมุข การส่งคนมาเฝ้าประตูก็ถือว่าเป็นคำสั่งของเขา หากท่านต้องการฆ่าทหารยาม ก็แสดงว่าท่านขัดคำสั่งของท่านประมุข ข้าไม่อาจทนดูท่านฝ่าฝืนคำสั่งของท่านประมุข และทำให้ทั้งบ้านต้องเสื่อมเสียไม่ได้ บอกเลยว่าหากท่านแค่อยากจะฆ่าตัวตาย ก็อย่าลากคนในบ้านเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย”
เหมิงจื่อเย่าไอโขลกสองครั้ง แล้วพูดว่า “เป็นเพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งก่อน ในเมื่อท่านประมุขบอกว่าห้ามให้ใครเข้าไป แต่พวกเขาก็ปล่อยให้เจ้าเข้าไปในเรือน เพื่อไปหาท่านตาทวดของเจ้า พวกเขาไม่สมควรตายเพราะพวกเขาเพิกเฉยต่อคำสั่งของท่านประมุขหรือ?”
หนานหนานกะพริบตา แล้วพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ข้าไม่ได้เข้าไปหาท่านตาทวด ข้าแค่เข้าไปในลาน ข้าเชื่อฟังคำสั่งมากนะ และจะฟังในสิ่งที่ท่านปู่ลู่พูด”
เหมิงจื่อเย่าเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องการเข้าไปในลานด้วย ข้าไม่เข้าไปในเรือนหรอก หลีกไปให้พ้น”
ทหารยามสองคนหรี่ตา แล้วกางมือห้ามอีกครั้ง “ท่านเข้าไปไม่ได้ขอรับ”
“ฮึ่ม เพราะเหตุใดเล่า ข้ายืนอยู่ในลานไม่ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งของท่านประมุขไม่ใช่หรือ ไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย”
ทหารยามยกยิ้มดูถูก “ต่อให้ท่านจะฆ่าพวกเรา ท่านก็เข้าไปไม่ได้ขอรับ”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว” เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น พร้อมกับลมจากฝ่ามืออันเย็นยะเยือก
สีหน้าของทหารยามทั้งสองเฉยเมย ขณะถอยหลังหลบหลีกฝ่ามือที่จู่โจมอย่างกะทันหัน
วินาทีต่อมา เขาก็เห็นเหมิงจื้อเฉิงในชุดสีดำยืนอยู่นอกประตูลานบ้าน และกำลังกวาดสายตามองทุกคนด้วยสีหน้าเย็นชา
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ปั่นอีกลูก ปั่นเข้าไปหนานหนาน ให้สวะนี่มันกระอักเลือดไปเลย
คนพ่อมาแล้วเหรอ เลวทั้งพ่อทั้งลูกเลย
ไหหม่า(海馬)