อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 805 น่าจะตายไปแล้ว
ตอนที่ 805 น่าจะตายไปแล้ว
ตอนที่ 805 น่าจะตายไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วเพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว”
หากใช้วิธีการตามแบบของซ่างกวนจิ่น ก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะตายไปแล้ว
เหมิงเคอยังคงเป็นคนโง่เขลาอยู่ดี ต่อให้อีกฝ่ายต้องการคิดบัญชีกับนาง แต่ก็ควรเตรียมการให้พร้อมมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นก็…ไม่แน่ใจว่าตายไปแล้วหรือไม่?
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า แต่ก็เดินออกไป
ทันทีที่ประตูปิดลง ใบหน้าของซ่างกวนจิ่นก็กลับกลายเป็นเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็พูดกับห้องที่ว่างเปล่า “เอาศพของเหมิงเคอไปส่งให้พวกเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ” มีเสียงคนตอบรับ แล้วห้องก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบทันที
เมื่ออวี้ชิงลั่วกลับมาที่ห้อง นางก็ไม่ได้จัดสัมภาระเตรียมเดินทางทันที กลับหยิบพู่กัน แท่งหมึก กระดาษและหินฝนหมึกมา แล้วนั่งบนโต๊ะเพื่อเริ่มเขียน
อีกหนึ่งเค่อต่อมา นางก็พับกระดาษจดหมาย แล้วยัดเข้าไปในซองจดหมาย
นางปิดผนึกซองด้วยขี้ผึ้งและเขียนคำว่า “เย่ซิวตู๋เท่านั้น” แต่ใส่ซองอีกอันไว้ด้านนอก โดยยังคงปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว
หลังจากเก็บข้าวของแล้ว นางก็เคาะประตูห้องซ่างกวนจิ่นอีกครั้ง
วันนี้ซ่างกวนจิ่นอ่อนเพลียเล็กน้อย และตอนนี้เขาได้ผล็อยหลับไปอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียง เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างระแวดระวัง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นนาง เขาก็ผ่อนคลายลงทันที
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ “ข้าปลุกท่านหรือไม่?”
“ตอนแรกข้านอนไม่ค่อยหลับ อะไรหรือ เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?” แม้ว่าเขาจะพูดกับนางด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก แต่ซ่างกวนจิ่นก็ยังมีความสุขมากที่ได้พบนาง และได้ใช้เวลากับนางสองต่อสอง
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “ท่านพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะออกไปหาที่พัก แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยย้ายไป”
ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้ว “ในเมื่อตอนนี้คนของข้ามาถึงแล้ว ข้าจะสั่งให้พวกเขาไปหาโรงเตี๊ยม ตอนนี้เริ่มสายแล้ว เจ้าแค่อยู่คุยกับข้าที่นี่ก็ได้ เมื่อพวกเขาหาได้แล้วก็จะมารายงานข้าเอง “
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่ ข้ายังกังวลอยู่ ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง”
“เจ้านี่มัน…”
“องครักษ์ของท่านไม่รู้สภาพร่างกายของท่าน ดูจากอาการปัจจุบันแล้ว สถานที่เงียบสงบสำหรับพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายนั้นดีที่สุด ข้าต้องไปหามันเอง ข้าจึงจะวางใจได้”
นับว่าพูดได้ดี… ซ่างกวนจิ่นอารมณ์ดีขึ้นทันที และไม่ได้ห้ามนางอีก “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปแต่เช้าและกลับมาก่อนมืดแล้วกัน ถ้าเจ้าหาไม่เจอจริง ๆ ก็ไปหาพรุ่งนี้ก็ได้”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”
หลังจากพูดจบ นางก็หันหลังเดินออกจากโรงเตี๊ยม
ตอนนี้สายแล้วจริงๆ แต่ในจดหมายของอวี้ชิงลั่วมีบางอย่างที่สำคัญ ดังนั้นนางจึงต้องหาคนไปส่งจดหมายโดยเร็ว
เมื่อมาถึงวัดร้างอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วก็มองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่พบใครเลย และขอทานตัวน้อยคนก่อนก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน
มีขอทานสองสามคนอยู่ข้างวัดร้าง แต่สายตาของคนเหล่านั้นกลอกไปมา ราวกับว่ามีเจตนาชั่วร้าย นางจึงไม่กล้าให้คนเหล่านี้ส่งจดหมายให้
อวี้ชิงลั่วเดินไปรอบ ๆ วัดร้างอีกครั้ง เมื่อขอทานเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็รีบวิ่งมาและยื่นชามแตกตรงหน้านาง “คุณหนู ขออะไรกินหน่อยสิ แค่สองอีแปะก็พอแล้ว แค่สองอีแปะเท่านั้น พวกเราไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว คุณหนูเป็นคนใจดี คนดี ๆ ก็ต้องได้บุญ”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองพวกเขา คราบมันเยิ้มยังคงติดอยู่ที่มุมปากของพวกเขา คงเป็นเพราะไม่มีเวลาเช็ดปากหลังจากกินข้าว
นางเห็นหนึ่งในนั้นยื่นมือสกปรกมาหากระเป๋าเงินที่ผูกไว้ข้างเอวของนาง จึงตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วถอยหลังไปสองก้าว ก่อนเตะก้อนหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของตนไปกระแทกหลังมือของขอทานอย่างแม่นยำ
จากนั้นก็หันหลังเดินจากมา
อย่าอยู่ที่นี่อีกเลยดีกว่า ขอทานตัวน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ นางควรจะไปหาโรงเตี๊ยมก่อน
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก แล้วเริ่มหาโรงเตี๊ยมทีละแห่ง โรงเตี๊ยมที่นี่ไม่ค่อยดีนัก มีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน
ด้วยสถานะของซ่างกวนจิ่นแล้ว ไม่ต้องพูดถึงโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ แม้แต่ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวง เขาก็อาจจะไม่พอใจ
เช่นเดียวกับที่อยู่ของพวกเขาในตอนนี้ เขาก็จู้จี้จุกจิกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
อวี้ชิงลั่วถูหว่างคิ้วของตน หากอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมในย่านคนมั่งคั่งก็จะอยู่ใกล้กับเหมิงจื้อเฉิงและคนอื่น ๆ มากเกินไป นางยังคงเชื่อมั่นว่าเหมิงจื้อเฉิงและเหมิงพั่วเป็นพวกเดียวกัน และพวกเขาต้องเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวนางแน่นอน
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ในรถม้า โดยพิงกำแพงรถม้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
สุดท้ายนางก็รู้สึกว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุด อาจเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเย่ซิวตู๋หรือหนานหนาน นางก็จะรู้ได้ทันที
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดกับคนขับรถม้าที่อยู่ข้างนอกว่า “ไปทางทิศตะวันตก”
ทิศตะวันตกของเมืองอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย และตอนนี้เป็นเวลาสายแล้ว อวี้ชิงลั่วทำได้เพียงทำให้รถม้าแล่นเร็วขึ้นเท่านั้น
อีกหนึ่งก้านธูปต่อมา รถม้าก็ค่อย ๆ หยุดลง
อวี้ชิงลั่วสวมหมวกผ้าโปร่งแล้วกระโดดลงจากรถม้า ก่อนเงยหน้ามองย่านที่ดูอุดมสมบูรณ์มาก
มีโรงเตี๊ยมขนาดเล็กและร้านอาหารมากมายตามถนน แม้ว่าราคาโดยทั่วไปจะสูง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
อวี้ชิงลั่วเลือกโรงเตี๊ยมขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจธรรมดา ๆ อยู่ห่างไกล ตกแต่งสวยงาม และราคาค่อนข้างสูง หลังจากจ่ายเงินมัดจำแล้ว นางก็ขึ้นรถม้ากลับมาอีกครั้ง
คนขับรถม้าขับตรงไปยังโรงเตี๊ยมเดิม แต่ไม่ไกลจากทางเข้าของโรงเตี๊ยม อวี้ชิงลั่วก็ขอให้คนขับรถม้าหยุดอีกครั้ง
จดหมายยังไม่ถูกส่งไป ดังนั้นนางควรไปดูที่วัดร้างก่อน
วัดร้างมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ขอทานจำนวนมากกลับมาจากการขอทานแล้ว และกำลังนั่งคุยกันอยู่ในวัดร้าง
ในหมู่พวกเขา มีขอทานตัวน้อยที่ส่งจดหมายให้นางในตอนนั้นอยู่ด้วย แต่เขายืนอยู่คนเดียวที่มุมห้อง ขณะจ้องเขม็งไปยังคนสามคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขา
อวี้ชิงลั่วมองตามสายตาของเขาและชะงักไปชั่วขณะ สามคนนี้ ไม่ใช่ขอทานที่จะฉกกระเป๋าเงินของนางไปก่อนหน้านี้หรือ?
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นนางก็เห็นขอทานคนหนึ่งขว้างก้อนหินใส่ขอทานตัวน้อย
ขอทานตัวน้อยก้มลงหลบ อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขาจะมีทักษะบางอย่าง สงสัยเด็กคนนี้จะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยจริง ๆ ที่ต้องออกมาเร่ขอทายนอกบ้าน น่าจะเพราะครอบครัวตกอยู่ในสภาพยากจน
เมื่อพิจารณาจากท่าหลบหลีกของเขาเมื่อสักครู่นี้ เขาน่าจะมีพื้นฐานวรยุทธ์ที่มั่นคงมาก
น่าเสียดายที่คนเช่นนี้ต้องมาเป็นขอทานที่นี่
คิดได้ดังนั้น อวี้ชิงลั่วก็ก้าวเข้าไปในวัดร้าง
ขอทานที่อยู่ข้างในเงียบลงทันที ขณะจ้องมองอวี้ชิงลั่วที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง
อวี้ชิงลั่วยังคงสวมหมวกผ้าโปร่งบนศีรษะ นางเดินตรงไปหาขอทานตัวน้อย แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้ายังคิดจะหาเงินอยู่หรือไม่?”
ขอทานตัวน้อยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และรู้ทันทีว่านางเป็นใคร เขาพยักหน้าทันที “ขอรับ”
ครั้งล่าสุดที่เขาไปส่งจดหมายให้สตรีผู้นี้ เขาได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ต่อมาเขาก็ได้รับเงินจากคุณชายไป๋คนนั้นอีก และเก็บไว้อย่างดีทุกตำลึง เขาไปขอทานทุกวัน จึงยังมีอาหารและเครื่องนุ่งห่มอยู่ ตราบใดที่เขายังมีที่อยู่อาศัย เขาก็ต้องการเก็บเงินนี้ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน และเขาต้องการฝึกฝนวิทยายุทธ์ และต้องการใช้เงินซื้อหนังสือเพื่อเรียนต่อ จะได้มีอนาคตที่ดีในอนาคต
เมื่อได้เจออวี้ชิงลั่วอีกครั้ง ดวงตาของขอทานตัวน้อยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เพียงแค่ส่งจดหมาย แต่เขากลับได้เงินสำหรับซื้อหนังสือได้หลายเล่ม หรือแม้แต่พู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึก ดังนั้นเหตุใดจะไม่ทำเล่า
เขาตามอวี้ชิงลั่วออกจากวัดร้าง และพบสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ขณะที่อวี้ชิงลั่วกำลังยื่นจดหมายให้กับขอทานตัวน้อย ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ทะยานลงมาจากเหนือหัวของนาง
‘ฟึ่บ’ จดหมายร่วงหล่นจากมือนางลงสู่พื้น ทำให้เกิดฝุ่นคลุ้ง
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมิงเคอเกมแล้วจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่ารอดอีกนะ
ใครมาขัดขวางกัน?
ไหหม่า(海馬)