อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 806 พบกับเย่ซิวตู๋อีกครั้ง
ตอนที่ 806 พบกับเย่ซิวตู๋อีกครั้ง
ตอนที่ 806 พบกับเย่ซิวตู๋อีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วตกใจจนเกือบจะหมอบลงโดยไม่รู้ตัว นางคิดจะรีบหยิบจดหมายขึ้นมาแล้วถอยหนี
แต่ก่อนที่นางจะมีเวลาก้มลง ทันใดนั้นร่างกายของนางก็ตกลงสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น
อวี้ชิงลั่วกะพริบตาสองครั้ง เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคยผ่านปลายจมูกของนาง ขอบตาของนางก็เริ่มร้อนผ่าว
นางรีบถอดหมวกผ้าโปร่งบนศีรษะออก ร่างบางจ้องมองคนคุ้นเคยตรงหน้าด้วยความประหลาดใจจนพูดไม่ออก
“ชิงเอ๋อร์…” เย่ซิวตู๋สูดหายใจ แล้ววางนิ้วลูบไล้ใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา “เป็นเจ้าจริง ๆ”
“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ท่าน ท่านรู้… ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?” เสียงของอวี้ชิงลั่วแหบพร่า หลังจากไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เย่ซิวตู๋น้ำหนักลดไปมาก แก้มของเขาก็ตอบลง แม้แต่ใต้ตาก็เป็นสีคล้ำ
เขา… พยายามหนักมากจริง ๆ
เย่ซิวตู๋กอดเอวของนางไว้ แล้วซุกหน้าลงที่คอของนางขณะสูดหายใจ จังหวะการหายใจของเขาไม่แน่นอนและหนักหน่วง ราวกับว่าเขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อระงับอารมณ์ของตนเอง
ใช้เวลาพักใหญ่ก่อนที่อวี้ชิงลั่วจะได้ยินเสียงแผ่วเบาของเขา “ข้าอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมือง เมื่อเห็นเจ้าเข้าไปในรถม้า ข้าก็รีบตามมา”
แม้ว่านางจะสวมหมวกผ้าโปร่ง แม้ว่าเขาจะมองเห็นนางเพียงแวบเดียว แต่แผ่นหลังของอวี้ชิงลั่วนั้นตราตรึงอยู่ในดวงตาและหัวใจของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้เขาจำนางไม่ได้
ขณะที่เย่ซิวตู๋พูดเช่นนั้น แขนของเขาก็รัดรอบเอวของนางแน่นขึ้นเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเจ็บเพราะถูกรัด แต่นางไม่ได้ผลักเขาออกไป แค่วางมือบนไหล่ของเขาเบา ๆ แล้วพูดด้วยเสียงเบา “ท่านดูย่ำแย่มาก”
“ใช่ แย่มากจริง ๆ กลางดึกข้าไม่อาจข่มตาหลับได้ ต่อให้มีหนานหนานนอนด้วยก็นอนไม่หลับ จะให้ข้าทำเช่นไรเล่า?”
อวี้ชิงลั่วเจ็บแปลบในใจอยู่ครู่หนึ่ง การปรากฏตัวของเย่ซิวตู๋ทำให้หัวใจทั้งดวงของนางอ่อนลง มือของนางบนไหล่เขาบีบแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ อวี้ชิงลั่วรู้สึกคอแห้งผาก และใช้เวลานานกว่าจะเปล่งเสียงออกมาว่า “ครั้งที่แล้วข้าเขียนจดหมายถึงท่านไม่ใช่หรือ? ท่านไม่ได้รับหรือ?”
“ข้าได้รับแล้ว แต่มันก็เป็นแค่จดหมาย ไม่ใช่ตัวเจ้าจริง ๆ” ยิ่งกว่านั้นคือเพื่อป้องกันไม่ให้จดหมายตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น เขาจึงต้องรับมาแล้วเผาทิ้ง จึงไม่มีเหลือไว้ให้ดูต่างหน้าเลย
อวี้ชิงลั่วหยุดพูด จดหมายเพียงแค่รายงานความปลอดภัยได้เท่านั้น จะให้ความมั่นใจมากกว่าการที่คนสองคนได้กอดกันอย่างใกล้ชิดได้อย่างไร? แม้จะได้รับจดหมายของนาง มันก็ยัง…
เดี๋ยวก่อน อวี้ชิงลั่วผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วทันที แล้วมองนางด้วยความไม่พอใจ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปดึงนางกลับมากอดนางไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
ตอนนี้เขาไม่อยากห่างจากนางแม้เพียงวินาทีเดียว และอยากจะกอดนางเช่นนี้ตลอดไป
แต่อวี้ชิงลั่วก็ผลักเขาออกไปอีกครั้ง ความลำบากใจฉายชัดบนใบหน้า นางกระแอมเบา ๆ แล้วกระซิบว่า “มีคนอยู่ด้วย”
นางลืมไปได้อย่างไรว่าขอทานตัวน้อยยังอยู่ข้าง ๆ
เย่ซิวตู๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนมองตามนิ้วของอวี้ชิงลั่ว แล้วเขาก็เห็นเด็กที่ตัวสูงกว่าหนานหนานเล็กน้อยยืนอยู่ไม่ไกล
เด็กคนนั้นหันหลังให้พวกเขา และยืนอยู่นอกตรอก ราวกับว่ากำลังช่วยปกป้องพวกเขา
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้นขณะคิดว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างฉลาด เขารู้ว่าอะไรไม่ควรดู และไม่ฟังสิ่งที่ไม่ควรฟัง
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วแดงก่ำ และตอนนี้ค่อนข้างจะรู้สึกเขินอาย
“เราเปลี่ยนที่คุยกันเถิด” เย่ซิวตู๋พูด แล้วโอบรอบเอวนาง เตรียมจะเดินจากไป
อวี้ชิงลั่วรีบคว้าตัวเขาไว้ ก่อนลูบไหล่เขาและพูดว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย”
ใบหน้าของเย่ซิวตู๋ซีดเผือด เขาจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร? ยังกอดไม่พอเลย
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา แล้วเดินไปหาขอทานตัวน้อย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ขอทานตัวน้อยก็หันหน้ากลับมาช้า ๆ ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างกลัวเย่ซิวตู๋ เขาจึงถอยออกไปด้านข้าง เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของเย่ซิวตู๋ให้มากที่สุด จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงเบาว่า “เมื่อครู่นี้ข้าไม่เห็นหรือได้ยินอะไรเลย แม่นาง ท่านยังต้องการให้ข้าส่งจดหมายให้อีกหรือไม่ขอรับ?”
ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอวี้ชิงลั่ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำสิ่งที่ไม่ควรทำต่อหน้าเด็ก และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ค่อยดีนัก
เย่ซิวตู๋ก้าวเข้ามาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องแล้ว”
จดหมายนั้นเป็นของเขา ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าชิงเอ๋อร์แล้ว หากนางมีอะไรจะพูดก็เพียงแค่กระซิบข้างหูเขา
อวี้ชิงลั่วผลักเขาให้ถอยหลังไปสองสามก้าว ชายคนนี้กำลังทำหน้าบึ้งตึงน่ากลัวใส่ใครกันแน่? เขาคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนหนานหนาน ที่เมื่อเจอคนแปลกหน้าแล้วจะไม่กลัวอะไรเลยงั้นหรือ?
เมื่อเห็นว่าเย่ซิวตู๋ถอยออกไปแล้ว ขอทานตัวน้อยก็รู้สึกกดดันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“นี่ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
“…แม่ของข้าเคยเรียกข้าว่าเจียงเอ๋อร์ขอรับ” เจียงเอ๋อร์ดูเหมือนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
อวี้ชิงลั่วไม่ได้ถามรายละเอียด เพียงแค่บอกเขาว่า “เจียงเอ๋อร์ อย่าพูดถึงเรื่องของวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเจอข้า หรือเจอ… เขา อย่าบอกให้คนอื่นรู้ ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ดีกับเจ้า”
เจียงเอ๋อร์หัวเราะ “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ขอรับ ข้ารู้ว่าแม่นางต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ ขอรับ”
อวี้ชิงลั่วรู้ว่าเขาเป็นคนมีเหตุผล นางจึงหยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อ “นี่สำหรับเจ้า ข้าเห็นว่าบางคนในวัดร้างไม่เป็นมิตรกับเจ้า เจ้าจะถูกรังแกเอาได้ ฉะนั้นจงไปอยู่ที่อื่นเถิด รับเงินนี้ไปก่อน แล้วซื้อของดีๆ ให้ตัวเอง… อย่าได้ปฏิเสธ ข้าไม่ได้ให้เจ้าเปล่า ๆ หรอก เจ้ายังเด็กจึงไม่ดึงดูดความสนใจ ข้าจึงยังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าในอนาคต”
เจียงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและรับเงินไปอย่างระมัดระวัง
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่หัวเราะ แล้วพูดว่า “เจ้ากลับไปเถิด”
เจียงเอ๋อร์ส่งเสียง ‘อืม’ แล้วรับเงินวิ่งจากไป
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลง ก่อนเลิกคิ้วพูดว่า “เจ้าดูสนใจเด็กคนนี้มาก”
“เด็กคนนี้ฉลาดมาก และเขาน่าจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขามีประสบการณ์มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย เขารู้วิธีป้องกันตัวเองอย่างชาญฉลาด เข้าใจความเสี่ยงและจะไม่พูดจาเหลวไหล”
“ฮึ่ม”
อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม แล้วยื่นมือไปจับมือเขา “เด็กนั่นอยู่ในตลาด เขาจึงต้องรู้เรื่องราวมากมายแน่นอน บางทีเขาอาจจะช่วยเราได้จริง ๆ ในอนาคตไม่ใช่หรือ?”
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดของอวี้ชิงลั่วไม่ผิด เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เบาะแสที่เจียงเอ๋อร์ให้มาสามารถช่วยอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ได้มาก
เย่ซิวตู๋เป็นคนไม่มีอคติ เขายอมรับว่าเด็กคนนี้ฉลาด ทว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาในขณะนี้
เขาหันมาจับมืออวี้ชิงลั่วแน่น สูดหายใจเข้า แล้วกอดนางอีกครั้ง
“กลับไปกับข้า”
เมื่ออวี้ชิงลั่วนึกถึงซ่างกวนจิ่นที่อยู่ในโรงเตี๊ยม นางก็เริ่มปวดหัว ในเมื่อเจอเย่ซิวตู๋ตอนนี้แล้ว นางก็ต้องทำให้ชัดเจน
แต่ก่อนที่นางจะคิดหาวิธีอธิบาย ทันใดนั้นร่างของนางก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เพราะถูกเย่ซิวตู๋อุ้มขึ้นมา
เมื่อเขาเคาะปลายเท้า อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านหู และในไม่ช้าพวกเขาก็ออกจากตรอกไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยทันที
“เอ๊ะ ท่านจะพาข้าไปที่ใด?”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องมาเองเลย ไม่ต้องส่งจดหมายแล้ว ว่าแต่ท่านมาคราวนี้ดูคลั่งรักขึ้นนะเจ้าคะ
ปวดหัวแทนชิงลั่วแล้ว ด้านหนึ่งก็คนช่วยชีวิต ด้านหนึ่งก็สามีตัวเอง
ไหหม่า(海馬)