อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 812 ผู้ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิง
ตอนที่ 812 ผู้ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิง
ตอนที่ 812 ผู้ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิง
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้นางด้วยสีหน้าใสซื่อเป็นอย่างมาก
นางกินข้าวเสร็จก็ไม่ได้อยู่นาน ถึงขนาดว่ามิได้กล่าวอันใดกับซ่างกวนจิ่นอีกแม้แต่ประโยคเดียว เพียงเดินออกไปราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
นางรู้สึกได้ถึงสายตาร้อนรุ่มกราดมาทางด้านหลัง สาวใช้ผู้นั้น… อืม ก็ถือเป็นปกติ ซ่างกวนจิ่นรูปงามเพียงนั้น ทั้งยังมีตำแหน่งสูงส่ง นอกจากจิตใจโหดร้ายไปหน่อยแล้ว ก็ถือว่าชวนให้คนชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังอยู่รับใช้ข้างกายเขามาหลายปี เกรงว่าคงจะฝังรากลึกมานานแล้ว
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ นางกลับห้องไปอาบน้ำและเข้านอนอย่างเร็วไว
ยามท้องฟ้ามืดมิด นางก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่ที่จวนผู้อาวุโสสกุลหมิงในตอนนี้กลับยังจุดไฟสว่างไสวอยู่
ข่าวลือว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงจะฟื้นนั้นแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว ขณะนี้หมอเฒ่าฉยงซานกำลังยืนคุยอยู่กับเหมิงจื้อเฉิง เหมิงจื่อเชียน และคนอื่นๆ ที่หน้าเรือน
เหมิงจื้อเฉิงอยากจะเข้าไปดูแต่ก็ถูกขวางเอาไว้เสมอจนเขาอารมณ์เสีย คิดอยากจะลงมือ แต่พอเหมิงลู่ออกมา เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้
หลังจากส่งพวกเหมิงจื้อเฉิงกลับไปแล้ว เย่ซิวตู๋ก็ค่อยอุ้มหนานหนานเดินออกมาจากความมืดเข้าไปในห้อง
หมอเฒ่าฉยงซานเป็นกังวลเล็กน้อย “วิธีนี้… จะใช้ได้จริงๆ หรือ”
วันนี้เย่ซิวตู๋พบอวี้ชิงลั่วแล้ว สภาพจิตใจย่อมดีขึ้นมาก สีหน้าก็ดูสบายใจขึ้น ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ย่อมต้องมีคนที่อดทนไม่ไหวเป็นแน่”
เหมิงลู่ถอนหายใจเบาๆ เขากลับหวังว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงจะฟื้นในเร็วๆ นี้จริงๆ เพียงแต่น่าเสียดาย แม้แต่หมอเฒ่าฉยงซานก็ทำได้เพียงส่ายหน้า
คนที่ลงมือนั้นก็ไร้ความปรานี ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหมิงจื่อเชียนไปพบเข้าทันเวลา เกรงว่าจะได้ไปพบพญายมจริงๆ เสียแล้ว
“เรื่องนี้ก็ควรจะจบได้แล้ว”
เหมิงลู่กล่าวจบก็ค่อยๆ หลับตา
เรื่องที่เกิดในช่วงที่ผ่านมานี้ชัดเจนมาก มีคนไม่พอใจในตำแหน่งสูงส่งของเขา ต้องการดึงเขาลง คนที่น่าสงสัยก็มีเพียงไม่กี่คน หากเป็นหนึ่งในพวกเขาจริงๆ คนที่ต้องปวดใจจริงๆ นั้นก็เป็นเขา
เวลาค่อยๆ ผ่านไป หนานหนานเริ่มง่วงเล็กน้อยแล้ว จึงเอนซบไหล่ของเย่ซิวตู๋พลางขยี้ตา
เย่ซิวตู๋ลูบหลังของเขา กล่าวเบาๆ “อยากไปนอนในห้องข้างๆ หรือไม่?”
“ไม่ง่วงๆ หนานหนานไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อยขอรับ” หนานหนานเงยหน้าขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉงทันที ยิ้มให้เย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋ลูบหน้าของเขาแล้วถอนหายใจ เขาเองก็ไม่อยากพาเด็กน้อยมาถึงที่นี่ เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์เลวร้าย ดูเหมือนว่าที่จวนจะพบสายลับด้วย อย่างไรหนานหนานก็เป็นเด็กคนหนึ่ง หากหลับไปตอนกลางคืนโดยไม่รู้ตัว ก็จะถูกคนจัดการได้โดยง่าย
ต้องให้อยู่ใกล้ตัวเขาไว้จะดีกว่า ถึงจะรู้ว่าเด็กน้อยมีฝีมือเยี่ยมยอด แต่ถ้ามีตนคอยดูอยู่ข้างๆ ก็จะสบายใจขึ้นมาหน่อย
ท้องฟ้ามืดมิดขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งตะเกียงส่วนใหญ่ในจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงก็ถูกดับลง
เหมิงลู่พยักหน้าให้เย่ซิวตู๋ “ได้เวลาแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“ขอรับ”
เหมิงลู่เดินออกมาจากห้องผู้อาวุโสสกุลหมิง ยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือน กล่าวกับผู้อารักขาสองสามคนที่คอยเฝ้าอยู่ “พวกเจ้าคอยจับตาดูให้ดี ตื่นตัวหน่อย หากผู้อาวุโสสกุลหมิงฟื้นแล้วก็ให้คนไปแจ้งข้าทันที”
“ขอรับ” ผู้อารักขาสองคนพยักหน้ารับคำสั่งด้วยความเคารพ
จากนั้นเหมิงลู่ก็พาผู้ติดตามหันหลังออกจากจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงไป
ท้องฟ้ายามดึกมืดลงเรื่อยๆ ราวกับว่าทั้งโลกเงียบไปก็ไม่ปาน
ห้องที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงอยู่นั้นยิ่งเงียบขึ้นไปอีก ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา ผ่านไปครู่ใหญ่ หมอเฒ่าฉยงซานก็ดับเทียนแล้วไปพักผ่อนที่ห้องด้านข้าง
ทั่วทั้งลานบ้านเหลือเพียงผู้อารักขาสองคนที่ยืนอยู่พร้อมสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
ครู่ใหญ่ก็มีเสียงกรอบแกรบดังมาไม่ไกล ผู้อารักขาสองคนสบตากัน หนึ่งในนั้นกล่าวเบาๆ “ข้าจะไปดูหน่อย”
เขากล่าว จากนั้นก็เดินมุ่งตรงไปยังแหล่งกำเนิดของเสียง
ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น มีคนกระโดดลงมาจากด้านบน ทำร้ายเขาจนหมดสติ จากนั้นก็ลากเขาเข้าไปในพงหญ้า
คนผู้นั้นหยุดมือชั่วคราว จากนั้นก็ส่งเสียงอีกเล็กน้อย แต่อีกคนนั้นกลับระแวดระวังอย่างมาก ไม่กล้าออกจากลานบ้านไปง่ายๆ เพียงแต่จ้องมองไปยังต้นกำเนิดเสียงด้วยสายตาเย็นชา กล่าวเสียงทุ้ม “ใครอยู่ตรงนั้น ออกมา”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็เห็นร่างหนึ่งเดินตรงเข้ามา เขายังไม่ทันได้กล่าวอันใดก็รู้สึกว่าสายตาพร่ามัว แล้วค่อยๆ ล้มลงกับพื้น
ผู้มาเยือนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกราวกับว่าทุกอย่างนั้นราบรื่นเกินไปแล้ว
แต่จะมัวคิดมากอยู่ไม่ได้ ไม่มีเวลาแล้ว คิดดังนั้นก็ยกเท้าเดินเข้าไปด้านใน
คงเพราะยังต้องระวังตัวไว้ ผู้มาเยือนจึงไม่กล้าส่งเสียงดังที่ใต้หน้าต่าง รออยู่นานก็ไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาก เปิดหน้าต่างแล้วเข้าไปจากด้านนอก
ในห้องนั้นมืดสลัวมาก เหลือเพียงแสงจากตะเกียงหนึ่งดวงที่อยู่ข้างเตียงของผู้อาวุโสสกุลหมิง
ผู้มาเยือนระวังตัวอย่างมาก ก้าวไปยังเตียงใหญ่ทีละก้าวพร้อมกับกลั้นหายใจ
เดินไปครึ่งทางก็พบว่าไม่มีคนเลยจริงๆ จากนั้นจึงเร่งฝีเท้า
เขาถือมีดสั้นไว้ในมือ สวมชุดพรางตัวสีดำ ทั้งยังปิดคลุมด้วยผ้าดำ ดูแล้วลึกลับอย่างมาก
เดินไปถึงขอบเตียง เขามองผู้อาวุโสสกุลหมิงที่นอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน ในที่สุดก็กระตุกมุมปาก
“อย่าโทษข้าเลย หากจะโทษ ก็โทษที่เจ้ามาขวางทางข้าเถิด” น้ำเสียงของเขาลดลงเบามาก ทั้งยังแหบพร่าเล็กน้อย “อย่างไรเจ้าก็อายุมากเพียงนี้แล้ว ขาข้างหนึ่งก็ก้าวลงไปในโลงแล้ว ให้ข้าส่งเจ้าไปเถิด เจ้าจะได้ไม่ต้องไปอย่างโดดเดี่ยว”
เขากล่าวพลางยกมือขวาขึ้น มีดสั้นในมือเล็งไปยังผู้อาวุโสสกุลหมิง
เสียงดัง ‘ฟุ่บ’ มีการเคลื่อนไหวหนึ่งพุ่งเข้ามา เล็งไปทางด้านมีดสั้นของเขา มีดสั้นถูกสกัดจนกระเด็นหลุดมือ เกิดเสียงดัง ‘แกร๊ง’ ยามหล่นลงที่พื้น
คนชุดดำยังไม่ทันได้ตอบสนอง จู่ๆ ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นในห้อง
ตรงประตูมีเงาเล็กๆ ยืนอยู่ ในมือถือเชิงเทียน หรี่ตาแล้วยิ้มพลางเดินเข้ามา
ไม่ไกลจากหน้าต่างมากนัก ก็มีเงาคนร่างสูงอีกเงาหนึ่งยืนอยู่
คนชุดดำอ้าปากค้างในทันที “เย่ซิวตู๋หรือ?”
“เจ้าไม่ใช่คนฉลาดจริงๆ ด้วย” เย่ซิวตู๋ส่ายหน้าพลางยิ้ม “แต่ก็จริง หากว่าเจ้าฉลาด จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?”
รูม่านตาของคนชุดดำหดลง ทันใดนั้นก็พุ่งตัวไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
หนานหนานตกใจมาก ยกเท้าขึ้น ใช้เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไปอยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋ในพริบตา
เมื่อคนชุดดำเห็นว่าจับหนานหนานไม่ได้ ก็รีบหันหลัง พุ่งตัวออกไปด้านนอกประตู
แต่ขณะที่ร่างกายยังอยู่กลางอากาศ ก็ถูกคนเตะเข้าอย่างแรง
เขากระอักเลือดออกมาในทันที รูม่านตาหดตัวลง ล้มลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเหมิงลู่เดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าเย็นชา
“เจ้า เจ้าคือ…”
เย่ซิวตู๋หัวเราะเย็นชา ทันใดนั้นก็เล็งที่ใบหน้าของเขาแล้วโจมตี คนชุดดำรีบยกมือขึ้นกันไว้ ทั้งสองมือกลับถูกเย่ซิวตู๋กดเอาไว้ ไม่สามารถขยับได้อีก
ทันใดนั้นผ้าปิดหน้าสีดำก็ถูกดึงออก ใบหน้าที่ทำให้คนรู้สึกคุ้นเคยอย่างมากภายใต้ผ้าสีดำนั้นสลัวอยู่ใต้แสงเทียน
“เป็นเจ้าเองหรือ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มือสังหารเป็นใครกันนะ แต่ที่แน่ๆ ต้องเป็นคนในจวนนี้แหละ ไม่งั้นคงไม่รู้ทางหนีทีไล่ดีแบบนี้
ไหหม่า(海馬)