อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 818 นั่นเป็นตัวปลอม
ตอนที่ 818 นั่นเป็นตัวปลอม
ตอนที่ 818 นั่นเป็นตัวปลอม
“…” หนานหนานอ้าปากหวอ เขาจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
เหมิงฉี่เยว่ ภรรยาของเหมิงจื้อเฉิงอย่างนั้นหรือ?
แต่ว่า แต่ว่า “แต่ว่าแม่ของอาจื่อฉีอาศัยอยู่ข้างนอก ในเรือนเล็ก ๆ ทางทิศตะวันออก” แล้วนางจะถูกขังไว้ที่นี่ได้อย่างไร?
เหมิงฉี่เยว่เย้ยหยัน “นั่นเป็นตัวปลอม เหมิงจื้อเฉิงเพียงแค่หาหญิงที่ดูคล้ายข้ามาแต่งตัว ข้าถูกเหมิงจื้อเฉิงขังไว้ที่นี่ตั้งแต่สิบห้าปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถพาฮูหยินเหมิงไปหาท่านประมุขได้ เขาต้องรู้”
ดวงตาของหนานหนานเบิกกว้างทันที ตัวปลอมหรือ? ฮูหยินเหมิงเป็นตัวปลอมหรือ? สิบห้าปีเลยหรือ?
หนานหนานพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะข้อมูลที่ได้มาอย่างกะทันหัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เกิดความคิดดีๆ อีกครั้ง
เรื่องบางอย่างสามารถอธิบายได้
“ไม่แปลกใจเลยที่ท่านไม่รู้เรื่องท่านทวดถูกลอบสังหาร ข้ารู้สึกแปลกใจมาก ตอนที่ข้าได้ยินว่าท่านทวดได้รับบาดเจ็บและรีบมาที่นี่ ก็เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเหมิงอยู่ที่นั่น แต่เพียงครู่เดียวนางก็กลับไปที่เรือนของนาง” แม้ว่าตอนนั้นเขาจะมีเวลาเพียงแค่เห็นร่างจากด้านหลังก็ตาม แต่ก็เห็นว่าฮูหยินเหมิงปรากฏตัวเมื่อมีสถานการณ์ใหญ่เกิดขึ้น ที่แท้ปรากฏว่านางเป็นตัวปลอม
ตอนที่เขาอยู่ในครัว เขายังคงสงสัยเรื่องรูปลักษณ์ของฮูหยินเหมิง ใครจะรู้ว่าอีกครู่เดียวเขาจะได้เจอตัวจริงที่มาบอกให้เขารู้ความลับที่น่าตกใจดังกล่าว
เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดฮูหยินเหมิงจึงเอาแต่อยู่ในเรือนเล็ก ๆ ของนางเพียงลำพัง และไม่เคยออกไปไหนเลย
อีกทั้งยังสามารถอธิบายได้ด้วยว่า เหตุใดนางจึงดูไม่แยแสต่อเหมิงจื่อเชียนและน้องสาวของเขา แค่ยังเคยคิดว่าคนเป็นแม่จะไม่ห่วงลูกถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
ไม่แปลกใจเลยที่ฮูหยินเหมิงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่านางจะมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนแล้วก็ตาม เมื่อลองมาคิดดูตอนนี้ก็เกรงว่าหากนางอยู่ต่อหน้าทุกคนเป็นเวลานาน นางก็กลัวว่าคนอื่นจะจับได้ ดังนั้นนางจึงแทบรอไม่ไหวที่จะรีบไปซ่อนตัว
ทว่า…
หนานหนานเกาศีรษะด้วยความสงสัย “เหตุใดท่านปู่จึงขังท่านไว้ที่นี่เล่าขอรับ?” อีกทั้งยังเป็นเวลาถึงสิบห้าปีด้วย
เหมิงฉี่เยว่สูดหายใจเข้า ดูเหมือนว่าเมื่อต้องพูดถึงเรื่องนี้ หัวใจของนางจะเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และแม้แต่ดวงตาของนางก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม
“เพราะเขาต้องการบางอย่างจากข้า”
“อะไรหรือขอรับ?”
เหมิงฉี่เยว่หัวเราะ “สมบัติ”
ดวงตาของหนานหนานเป็นประกายทันที เขาค่อย ๆ เดินไปหยุดตรงหน้าเหมิงฉี่เยว่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วกะพริบตาพูดว่า “ท่านมีสมบัติหรือขอรับ? อยู่ที่ไหนหรือ?”
มุมปากของเหมิงฉี่เยว่กระตุก เด็กคนนี้นี่ นางสงสัยจริง ๆ ว่าเขาเป็นลูกชายของเย่ซิวตู๋จริงหรือ
ในความทรงจำของนาง แม้จะเป็นตอนที่เย่ซิวตู๋อายุยังน้อย เขาก็ยังเป็นเด็กที่รักสงบและชอบเก็บตัว ไม่ชอบแสดงอารมณ์หรือความโกรธออกมา เป็นคนที่มีพรสวรรค์และสติปัญญาสูงมาก นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงรักเขามาก
ทว่าลูกของเขา…
จู่ ๆ คิ้วของเหมิงฉี่เยว่ก็กระตุก และนางรู้สึกว่านิสัยของเด็กคนนี้ค่อนข้างคุ้นเคย
วินาทีต่อมา นางก็ตระหนักได้ว่านิสัยของเด็กคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับผู้อาวุโสสกุลหมิง
นางจำได้ว่าในอดีต เมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงได้พบกับเย่ซิวตู๋ เขาจะทำอะไรไม่ถูกเสมอและจะกระโดดโลดเต้นเล็กน้อยเมื่อรีบร้อน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นด้านนี้ของพ่อสามี และในตอนนั้นนางก็รู้สึกทึ่ง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็มองหนานหนานและรู้สึกเอ็นดูเล็กน้อย
เหมิงฉี่เยว่ถอนหายใจช้า ๆ แล้วพูดว่า “ข้าไม่มีสมบัติจริง ๆ”
“…” หนานหนานผิดหวังเล็กน้อย ช่างน่าเสียดาย เขารู้สึกเหมือนสมบัติหลุดมือไปแล้ว “แล้วเหตุใดท่านปู่จึงยังอยากได้สมบัติจากท่านอีกเล่าขอรับ?”
“ประมุขคนแรกของเผ่าเหมิงคือบรรพบุรุษของข้า ข้าไม่รู้ว่ามีข่าวลือว่าบรรพบุรุษของข้าทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ เพื่อเตรียมใช้ช่วยชีวิตชาวเหมิงในยามลำบากตั้งแต่เมื่อใด แต่ไม่มีใครรู้ว่าสมบัตินั้นอยู่ที่ใด บางคนบอกว่ามันถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในหมู่ประมุข และบางคนก็บอกว่าบรรพบุรุษของข้าเล่าให้ลูกหลานฟัง เหมิงจื้อเฉิงเชื่ออย่างหลัง ดังนั้นเขาจึงต้องการรู้ความลับเรื่องสมบัติจากข้า แล้วขังข้าไว้เป็นเวลาสิบห้าปี”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางเคียดแค้น สาปแช่ง และต้องการฆ่าเหมิงจื้อเฉิง แต่นางก็ยังไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่านางยังคงอยู่ที่นี่ได้
นางเกือบจะยอมล้มแล้ว แต่นางรู้สึกว่านางไม่อาจยอมแพ้ได้ ในตอนนี้นางยังคงมีลูกสองคน ถ้านางตาย เหมิงจื้อเฉิงก็จะไร้ซึ่งความละอายใจ และไม่รู้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อลูก ๆ ของนางอย่างไร
คนผู้นั้นโหดเหี้ยมอำมหิตเกินจะบรรยาย
นางจึงเฝ้ารอ เฝ้ารอวันที่นางจะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง
การที่หนานหนานบุกรุกเข้ามาจึงทำให้นางสงสัย แต่สิ่งที่นางเฝ้ารอมากกว่านั้นคือความหวัง ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกเหมิงจื้อเฉิงส่งมาทดสอบนางหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยเขาก็เป็นคนเดียวที่เดินเข้ามาในห้องแห่งความลับนี้ในรอบหลายปี
ในใจของนางมีความหวังมากกว่าความสงสัยเสมอ
หนานหนานแตะคางครุ่นคิด เขาแน่ใจแล้วว่าปู่ของเขาไม่ใช่คนดีจริง ๆ เขาต้องรับผิดชอบต่อการลักพาตัวแม่ของเขา และตอนนี้เขายังขังภรรยาไว้ที่นี่เป็นเวลาถึงปีด้วย เขาคิดว่าเรื่องเช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ
“ท่านย่า ให้ข้าพาท่านออกไปนะขอรับ”
เหมิงฉี่เยว่ส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เจ้าเล่าเรื่องสถานการณ์ภายนอกให้ข้าฟังก่อนเถิด ผู้อาวุโสสกุลหมิงถูกลอบสังหารเมื่อใด? เกิดอะไรขึ้นกับเหมิงจื่อเชียนและน้องสาว? และเหมิงจื่อเย่าที่ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิงถูกจับได้หรือไม่?”
หนานหนานพยักหน้าบอกเวลาและสถานที่ ที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงถูกลอบสังหาร จากนั้นจึงมุ่งเน้นไปที่การอธิบายถึงความพยายามของพ่อของเขา ที่ทำงานหนักทั้งคืนจนไม่ได้นอนเพราะเรื่องนี้ จากนั้นจึงเล่าเรื่องเหมิงจื่อเชียนกับน้องสาวถูกทุบตี เมื่อเผชิญหน้ากับเหมิงจื่อเย่า และสุดท้ายก็อธิบายว่าเหมิงจื่อเย่าถูกจับและถูกช่วยเหลือได้อย่างไร ซึ่งเขาอดไม่ได้ที่จะโมโห
เหมิงฉี่เยว่เย้ยหยัน “เขาสมควรโดนแล้ว ไอ้คนสารเลวชั่วช้า กล้ารังแกจื่อเชียนจื่อฉีของข้าเช่นนี้ ประเดี๋ยวเถิด คนอย่างเขาจะไม่มีวันตายดีแน่”
หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง ใช่ ๆๆ เขาเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้
เหมิงฉี่เยว่สูดหายใจเข้า แล้วค่อย ๆ ลูบหน้าอกที่กระเพื่อมจากการหอบหายใจ
เสียงของนางกลับมาสงบ “หนานหนาน ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกกำลังเลวร้ายมาก ข้าออกไปไม่ได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่เช่นนั้นหากเหมิงจื้อเฉิงรู้เข้า ข้าเกรงว่าจื่อเชียนจื่อฉีจะตกอยู่ในอันตราย”
หนานหนานพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เช่นนั้นให้ข้าออกไปบอกอาจื่อเชียนหรือไม่ขอรับ?”
เหมิงฉี่เยว่ส่ายหน้า “ไม่ต้อง เจ้าสามารถบอกเรื่องนี้แก่ท่านประมุขและเย่ซิวตู๋ได้ แม้ว่าจื่อเชียนจะเป็นคนง่าย ๆ แต่ถ้าเขารู้ว่าข้าถูกขังอยู่ที่นี่ เขาอาจจะรีบวิ่งมาช่วยข้าอย่างไม่อาจควบคุมได้ “
“อ๋อ” หากจะบอกท่านพ่อก็ไม่เป็นอะไร หนานหนานคิดว่าจะไม่มีปัญหา
เหมิงฉี่เยว่สูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ก่อนจะกวักมือเรียกหนานหนาน แล้วพูดว่า “มานี่สิ ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีตัวจริงตัวปลอมไปอีก เรื่องราวช่างซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ไหหม่า(海馬)