อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 823 เขาพบท่านแม่แล้ว
ตอนที่ 823 เขาพบท่านแม่แล้ว
ตอนที่ 823 เขาพบท่านแม่แล้ว
ทว่าเวลาเที่ยงก็ล่วงเลยไปหนึ่งเค่อ คนที่พวกเขาต้องการกลับยังไม่ปรากฏตัว
เหมิงลู่ขมวดคิ้ว มองไปยังชายที่อยู่ตรงขอบสระน้ำ
สีหน้าคนผู้นั้นยังถือว่าปกติ แต่กลับดูไม่มีความคิดจะไปแกล้งปลาคาร์ฟในสระ เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายเล็กน้อย
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายก็ยังไม่ปรากฏตัว
เย่ซิวตู๋มองพระอาทิตย์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาไปทางด้านสระน้ำ
คนผู้นั้นเริ่มเดินไปเดินมาแล้ว ตอนนี้ยืนอยู่บนสะพานเล็ก คิ้วขมวดแน่น
เมื่อผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เขาก็เดินลงมา เดินไปยังต้นหลิวด้านหนึ่งแล้วเตะเข้าสองครั้ง
เวลาค่อยๆ ผ่านไป คนผู้นั้นยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น และยิ่งอดรนทนไม่ไหวมากกว่าเดิม
ไป๋อีเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มกังวล “หรือคนผู้นั้นจะไม่มาเสียแล้ว หรือรู้ว่าเรามารอที่นี่กัน?”
เหมิงลู่ส่ายหน้า “เราระมัดระวังกันเพียงนี้ ควรจะไม่มีใครสังเกตเห็นจึงจะถูก บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีเรื่องให้ล่าช้า รอดูสถานการณ์ก่อนเถิด”
ไป๋อีเฟิงพยักหน้า พวกเขาเงียบลงอีกครั้ง
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เลยเวลาช่วงเที่ยงไปแล้วจนเข้าช่วงบ่าย ทางด้านสระน้ำก็ยังไม่มีใคร
สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างแรง หันหลังจากไป
พวกเหมิงลู่และเย่ซิวตู๋มองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารออยู่ที่นี่ก็คงไม่มีใครมาแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีความคิดจะปรากฏตัว
“ท่านประมุข ท่านพาพวกหนานหนานกลับไปก่อนเถิดขอรับ ข้าจะตามเขาไป น่าจะพบตัวคนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังเขาได้” เย่ซิวตู๋มุ่นคิ้วแล้วกล่าว
“ท่านพ่อ ท่านไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว เรื่องนี้ยกให้ท่านลุงไป๋เถิด เมื่อคืนท่านลุงไป๋จะต้องนอนหลับสบายมาแล้วเป็นแน่”
“…” ไป๋อีเฟิงจ้องมองเจ้าเด็กคนนั้น ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟัน ยกมือหยิกแก้มเล็กนุ่มสีชมพูของเขา
สัมผัสที่มือของเขาช่างอ่อนนุ่มนัก เขาหยิกทีหนึ่งแล้วก็พึงพอใจ จากนั้นก็กล่าวกับเย่ซิวตู๋ “อืม เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ข้า เดี๋ยวข้าไปเอง”
หนานหนานลูบใบหน้าเล็ก ท่านแม่ยังไม่เคยหยิกแรงเพียงนี้ ท่านลุงไป๋จะร้ายกาจเกินไปแล้ว
แต่ต่อให้ท่านลุงไป๋เต็มใจไปเอง การเสียสละครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า เดี๋ยวเขาจะเป็นผู้เสียสละความงามนี้เอง
อย่างไรเสีย ความงามของเขาก็มีค่ามาก
เย่ซิวตู๋กลับมองไป๋อีเฟิงแวบหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ทักษะการหมักสุราของไป๋อีเฟิงนั้นไม่เลว ส่วนการต่อสู้… ยังน้อยไปหน่อย หากพบยอดฝีมือเข้า ถึงตอนนั้นจะมีปัญหาเอาได้”
“…” ไป๋อีเฟิงเหลือบมองท้องฟ้าปลอดโปร่งเหนือศีรษะอย่างเงียบๆ เขาไม่ต้องการพูดคุยกับพวกเขาพ่อลูกอีกแล้ว พวกเขามาที่นี่เพื่อโจมตีเขาอย่างนั้นหรือ
เย่ซิวตู๋ไม่ใส่ใจกับสีหน้าไม่พอใจของเขา ลูบศีรษะของหนานหนานแล้วกล่าว “เจ้ากลับไปที่จวนใหญ่กับท่านประมุขเสียก่อน พักผ่อนเสียหน่อย ไม่นานพ่อก็จะกลับไป”
ขณะกล่าว เขาก็หันหน้าไปกล่าวกับเหมิงลู่ “ความปลอดภัยของหนานหนานขึ้นอยู่กับท่านแล้วขอรับ”
เหมิงลู่หัวเราะออกมา “วางใจเถิด”
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็ลุกขึ้น มุ่งหน้าไปทางที่ชายคนนั้นหายตัวไป ไม่นานนักก็ไม่เห็นร่างของเขาแล้ว
หนานหนานมองไปยังทิศทางที่เย่ซิวตู๋หายตัวไปด้วยความหดหู่เล็กน้อย ครู่หนึ่งก็หันหน้ากลับมา ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างไป๋อีเฟิงอย่างดุร้าย “ท่านลุงไป๋ ข้าอยากหยิกคืน ข้าต้องได้หยิกคืน”
ไป๋อีเฟิงปิดหน้าปิดตา รีบวิ่งไปทางรถม้า
เหมิงลู่และเจียงเอ๋อร์สบตากัน ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังพวกเขาไป
จนกระทั่งพวกเขาสองคนขึ้นรถม้า ก็เห็นไป๋อีเฟิงจ้องมองหนานหนานด้วยสีหน้าโกรธแค้น ส่วนเจ้าเด็กนั่นกอดอกพลางเอนตัวพิงเบาะนั่งแล้วหัวเราะ
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนขึ้นมา ไป๋อีเฟิงก็เก็บสีหน้าทันที เลื่อนตัวหลบ เชิญพวกเขาขึ้นรถม้า
รถม้าเริ่มมุ่งหน้าไปทางโรงเตี๊ยมอีกครั้ง ในรถม้าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเจียงเอ๋อร์กล่าวเสียงต่ำ “ท่านประมุขขอรับ ส่งข้าตรงด้านหน้านั้นเถิด”
“เจ้ากลับไปจวนใหญ่กับข้าเถิด เจ้าเป็นเด็กฉลาด ต่อไปจะต้องมีอนาคตสดใส” นี่คือการให้สัญญา
ไป๋อีเฟิงเลิกคิ้วและครุ่นคิด ท่านประมุขแห่งดินแดนเหมิงกล่าวเช่นนี้ด้วยตนเอง เพราะเขาตั้งใจจะเลี้ยงเด็กที่ชื่อเจียงเอ๋อร์ผู้นี้กระมัง
แต่เขาก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ หายากนักที่จะเจอเห็นที่มีความคิดเช่นเขา คนฉลาดเฉียวในสมัยโบราณ เมื่อพบคนมีความสามารถเช่นนี้ย่อมไม่ปล่อยไป ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นท่านประมุขแห่งดินแดนเหมิงอีกด้วย
ได้ยินว่าเมื่อตอนที่ท่านประมุขผู้นี้ได้พบหนานหนาน ก็ตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเขาให้เป็นผู้สืบทอด ผลก็คือเป็นการยั่วยุให้อวี้ชิงลั่วคิดจะลงมือฆ่าเขา
หนานหนานเองก็ลุกขึ้นจากที่นั่งในทันที กะพริบตามองเจียงเอ๋อร์
จากนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “อืมๆ ท่านปู่ลู่กล่าวได้มีเหตุผลยิ่งนัก ได้พบกับเด็กที่ฉลาดเฉลียว ร่างกายคล่องแคล่ว อนาคตต่อไปจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเมือง อนาคตไร้ขีดจำกัด”
“…” ไป๋อีเฟิง
“…” เหมิงลู่
“…” เจียงเอ๋อร์
ทั้งสามคนละสายตาอย่างเงียบๆ หนานหนาน ในที่นี้เจ้าอายุน้อยที่สุด คำพูดคำจากลับดูอาวุโสที่สุด คำกล่าวเช่นนี้… พวกเขาอยากจะหัวเราะอย่างมากจริงๆ
เจียงเอ๋อร์กลับเงียบไปครู่ใหญ่ เมื่อตอนที่เพิ่งได้ยินเหมิงลู่กล่าวเช่นนั้น แววตาก็เปล่งประกาย แต่ไม่นานนักเขากลับนิ่งสงบลงอีกครั้ง
สถานะของเขาถูกกำหนดให้ไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่นให้คนทั่วไปรู้จักได้ หากมีศัตรูเข้ามาหา คนที่เดือดร้อนจะไม่ได้มีเพียงเขา แต่จะยิ่งทำให้ท่านพ่อท่านแม่ที่พยายามช่วยให้เขามีชีวิตรอดและหลบหนีมายังดินแดนเหมิงต้องผิดหวัง
ดังนั้น เจียงเอ๋อร์จึงเพียงหายใจออกมายาวๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สีหน้าก็มีรอยยิ้ม “ท่านประมุข ขอบพระคุณที่หวังดีขอรับ แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่ดินแดนเหมิงมีเรื่องร้ายมากมาย หากท่านเชื่อใจข้า ก็ให้ข้าไปแฝงตัวอยู่ในเมือง หากข้างถนนมีเรื่องแปลกอันใด ข้าก็จะได้แจ้งท่านได้ทันที”
เหมิงลู่ตกใจ มองไปยังแววตาสดใสของเขา ร่างกายเด็กน้อยยืดตรงแต่กลับดูผอมและอ่อนแอ ผ่านไปนานกว่าจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ยิ้มแล้วกล่าว “ในเมื่อนี่เป็นความตั้งใจของเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับเจ้า”
ขณะกล่าว เขาก็นำตั๋วเงินจำนวนร้อยตำลึงหนึ่งใบออกมาจากอก “นี่ถือเป็นรางวัล ว่าอย่างไรเล่า”
“ข้าไม่ต้องการเงินมากเพียงนั้นขอรับ” เดิมทีเจียงเอ๋อร์ไม่คิดจะรับเงิน แต่เมื่อคิดว่าตนนั้นยังมีหนังสือสองเล่มที่ต้องซื้อ เขาก็ไม่ได้กล่าวอันใดมากมาย
เพียงแต่เงินร้อยตำลึงนั้น… มากไปจริงๆ เขาสามารถซื้อเรือนหลังเล็กๆ ได้เสียด้วยซ้ำ
หนานหนานยัดตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไว้ในอ้อมแขนของเขาและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มากๆ ท่านแม่ของข้าบอกไว้ งานหาข้อมูลนี้ใช้เงินมากที่สุด นี่เป็นเงินหลวง… เจ้าไม่ต้องเข้าใจคำว่างานหาข้อมูล หรือคำว่าเงินหลวงหรอก อย่างไรเจ้าก็ต้องรับเงินนี้ไว้เป็นอันใช้ได้แล้ว สิ่งที่ท่านแม่ของข้าบอกไว้ล้วนมีเหตุผล แม่ของข้า… ท่านแม่หรือ”
คำพูดของหนานหนานหยุดลงทันที หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างทันที เมื่อครู่ลมพัดมา ผ้าม่านรถม้าเปิดออกมุมหนึ่ง เหมือนกับว่าเขาเห็นท่านแม่ยืนอยู่ทางด้านนั้น
เด็กน้อยพยักหน้า มองไปทางด้านนั้น ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย เป็นท่านแม่จริงๆ ใช่นางจริงๆ ด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานเจอท่านแม่แล้ว จะทำตัวดีๆ กับท่านแม่ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)