อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 826 ซ่างกวนจิ่น ถอยไป
บทที่ 826 ซ่างกวนจิ่น ถอยไป
บทที่ 826 ซ่างกวนจิ่น ถอยไป
ดวงตาซ่างกวนจิ่นเป็นประกาย ทันใดนั้นก็ยืนขวางอยู่ข้างหน้าอวี้ชิงลั่ว
“ซ่างกวนจิ่น ถอยไป” รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลง ผลักเขาออกไปด้านข้าง
มีดสั้นฟันผ่านแขนของอวี้ชิงลั่ว ทำให้เลือดไหลออกมา
สีหน้าของเซวียเฉิงเปลี่ยนไป รีบเข้าไปดึงผมของเจินเจินไว้ แล้วลากถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่ปรานี
“หึ…” มีดสั้นนี้คมเกินไปแล้ว เจ็บมากจริงๆ
อวี้ชิงลั่วยิงฟันแล้วนั่งลงบนพื้น ครู่หนึ่งผ่านไปก็หันหน้าไปมองซ่างกวนจิ่นเหมือนนึกขึ้นได้ “ท่านวิ่งเข้ามาทำไมกัน ไม่รู้หรือว่าแผลบนร่างยังไม่หายดี?”
หากบาดเจ็บอีกครั้ง นางก็ต้องเป็นหนี้เขาอีกหน จะจากไปไหนไม่ได้
อวี้ชิงลั่วแน่ใจเป็นอย่างมากว่าซ่างกวนจิ่นต้องจงใจ เจินเจินเป็นอะไรกัน เป็นเพียงคนรับใช้ตัวน้อยที่ทำงานใช้แรงงาน ถึงแม้จะมีกำลังมา ก็ไม่สามารถทำร้ายนางได้
ซ่างกวนจิ่นรู้ทั้งรู้ ก็ยังพุ่งตัวเข้ามาขวางมีดไว้
ให้ตายเถิด อวี้ชิงลั่วอยากจะตะโกนด่านัก
ซ่างกวนจิ่นมองเลือดบนแขนของนางแล้วหน้าซีด รีบก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วอุ้มนางขึ้น เดินไปสองสามก้าวแล้ววางลงบนเตียง จากนั้นก็ตะโกนบอกเซวียเฉิงที่อยู่ด้านข้าง “รีบไปตามหมอมา”
เห็นได้ชัดว่าเซวียเฉิงสงบกว่าเขามาก กระตุกมุมปาก แม่นางอวี้ผู้นี้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่โดนแม้แต่กล้ามเนื้อหรือกระดูก
อีกอย่างแม่นางอวี้เองก็เป็นหมอฝีมือดี ยังจะต้องการหมอเถื่อนจากข้างนอกด้วยหรือ?
แต่คำพูดเมื่อครู่ของซ่างกวนจิ่นยังก้องอยู่ในหู เขาย่อมไม่มีการคัดค้านใดๆ แล้วเดินออกไป
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจแล้วกล่าว “หยุดก่อนๆ ข้าไม่เป็นไร ไปนำกระเป๋ายาของข้ามาก็พอแล้ว”
ซ่างกวนจิ่นหันกลับแล้วหยิบกระเป๋ายาของนางที่ทำตกพื้นตอนชนเข้ากับตนเมื่อครู่ขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นให้นางกับมือ “ให้ข้าทำอย่างไร”
อวี้ชิงลั่วชี้ออกไปด้านนอก ฝืนยิ้มออกมา “ต้องการให้ท่านออกไป ข้าจะพันผ้าพันแผล”
นางบาดเจ็บที่แขนท่อนบน จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออกจึงจะใช้ได้
ซ่างกวนจิ่นมุ่นคิ้ว “เดี๋ยวข้าพันให้เจ้าเอง เจ้าจะทำคนเดียวได้อย่างไร เวลาเช่นนี้ยังจะสนใจอันใดอีก”
นางย่อมต้องสนใจอยู่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ชีวิตในโลกปัจจุบันของนาง จะยอมปล่อยให้ชายอื่นดูได้อย่างไร อีกอย่าง นางก็เป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว อีกเดี๋ยวหากเย่ซิวตู๋รู้เข้า จะต้องถลกหนังนางเป็นแน่
“หากท่านยังไม่ออกไปอีก เลือดข้าคงไหลหมดตัวแล้ว”
“เจ้า…” ซ่างกวนจิ่นกัดฟัน “เหตุใดเจ้าจึงดื้อรั้นนักนะ”
เขากล่าวประโยคหนึ่ง สุดท้ายก็หมดหนทาง ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความโกรธ
เซวียเฉิงรีบพาเจินเจินออกไปเช่นกัน เมื่อออกไปได้ ซ่างกวนจิ่นก็บีบคอของเจินเจิน
“ดูท่าข้าจะใจดีกับเจ้าเกินไปสินะ” เขายิ้มเย็นชาออกมา สีหน้าที่มีต่อน้ำตาของเจินเจินเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“มากับข้า” ซ่างกวนจิ่นปล่อยมือ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือ แล้วเดินไปทางด้านห้องของอวี้ชิงลั่ว
เซวียเฉิงรีบจับเจินเจินตามไป เมื่อเดินถึงประตูห้อง น้ำเสียงของซ่างกวนจิ่นก็เย็นชามากขึ้น “เจ้าชอบงูมากนักไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนพวกมันเสีย เซวียเฉิง ถอดเสื้อผ้าของนางออกแล้วปล่อยนางเข้าไป”
เจินเจินเบิกตากว้างทันที ลมหายใจของนางขาดห้วง
“ไม่นะ นายท่าน ไม่เอาเจ้าค่ะ ข้าขอร้องล่ะ ข้าผิดไปแล้ว ไม่เอาเจ้าค่ะ”
ซ่างกวนจิ่นไม่สนใจนาง มองเซวียเฉิงแวบหนึ่ง
เซวียเฉิงรับคำสั่ง ตอนนี้ชั้นสองไม่มีใครอยู่ ผู้อารักขาของนายท่านก็เฝ้าดูอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครเห็นว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด
มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดึงเสื้อผ้าของเจินเจินที่โปรยไปด้วยฉยงหวงออก ก่อนมัดมือของนาง เปิดประตู แล้วผลักนางเข้าไป
“นายท่าน ไม่เจ้าค่ะ… นายท่าน… อ๊ะ…”
ประตูปิดลง ภายในชั่วพริบตาก็มีเสียงร้องน่าสมเพชของเจินเจินดังออกมา
ซ่างกวนจิ่นมีสีหน้าเย็นชา กล่าวกับเซวียเฉิง “ปิดผนึกห้องนี้เสีย ข้าต้องการให้นางทรมานจนตาย”
“ขอรับ” เซวียเฉิงลงกลอนประตูทันที ไม่กลัวตรงหน้าต่าง ตรงนี้คือชั้นสอง เจินเจินเป็นหญิงสาวที่ไม่มีวิชาการต่อสู้ ถ้าหากกระโดดลงไปโดยตรง ก็เกรงว่าอาจจะตกไปตายหรือพิการได้ อีกอย่าง ข้างล่างก็มีคนมองดูอยู่
เสียงของเจินเจินดังโหยหวน แม้คนในโรงเตี๊ยมจะมีไม่มาก แต่ทุกคนก็ยังตกใจกับเสียงร้องนั้นและพากันมาดู
เซวียเฉิงทำเพียงขึ้นไปอธิบาย บอกว่ามีคนรับใช้คนหนึ่งป่วยหนักและได้รับการรักษาจากหมออยู่ วิธีการรักษานั้นสร้างความเจ็บปวดมาก จึงกรีดร้องออกมาเช่นนั้น ผ่านไปไม่นานก็จะดีขึ้น ขอให้ทุกคนทนเสียหน่อย
เมื่อผู้คนได้ยินว่ามีคนป่วย แต่ละคนจึงยอมถอยไป เสียงร้องทรมานโหยหวนเช่นนั้น ขออย่าให้เป็นโรคร้ายแรงที่ติดต่อได้เป็นพอ
จากนั้นก็ไม่มีใครมาถามอีก ขณะที่เสียงของเจินเจินค่อยๆ เบาลง
ซ่างกวนจิ่นคร้านจะสนใจนาง เขามองเซวียเฉิงแล้วกล่าว “อีกเดี๋ยวเจ้าต้องถูกโบยยี่สิบครั้ง” กล่าวจบก็หันหลังกลับไปยังห้องของตน
เซวียเฉิงรู้ดี นี่คือบทลงโทษที่เมื่อครู่เขาไม่สามารถจับเจินเจินไว้ได้ สมควรได้รับแล้ว
เขารับคำด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็คอยเฝ้าอยู่ตรงประตูห้อง พร้อมกับเสียงข้างในค่อยๆ เงียบลง
เซวียเฉิงให้ความสนใจกับสถานการณ์ของนาง เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ก็เปิดบานหน้าต่างกระดาษอย่างเงียบๆ มองดูสถานการณ์ด้านในแวบหนึ่ง
เพียงแวบเดียวก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา
งูสองตัวนั้นพันอยู่บนร่างของเจินเจิน รัดร่างกายของนางไว้แน่นหนา รูม่านตาของเจินเจินขยายกว้าง
บนขาของนางมีรอยเขี้ยวสองจุด ซึ่งตอนนี้ทั้งบวมและแดงแล้ว เจินเจินหวาดกลัวเสียจนตัวสั่นไปทั้งร่าง แต่ก็ยังไม่อาจสลัดงูทั้งสองออกจากร่างกายของนางได้
เซวียเฉิงเพียงมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาและไม่ได้ไปสนใจอีก
เสียงด้านในค่อยๆ แผ่วลง แต่เสียงร้องไห้เบาๆ ของเจินเจินยังคงดังอย่างชัดเจน “นายท่าน ปล่อยข้าเถิด นายท่าน โปรดช่วยข้าด้วยเถิด… ทรมาน… ทรมานเหลือเกิน… ข้าหายใจไม่ออกแล้ว นายท่าน… เห็นแก่ที่ข้ารับใช้ท่านมานานหลายปี… โปรดฆ่าข้าเสียเถิด…”
เซวียเฉิงยืนอยู่นอกประตูอย่างเฉยเมย ไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจใดๆ
นายท่านมีความเด็ดขาดในวิธีการของเขามาโดยตลอด ในเมื่อเจินเจินรับใช้นายท่านมานาน ก็น่าจะรู้ชัดเจนจึงจะถูก แต่นางกลับกระทำความผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้ ก็ถือว่าหาเรื่องใส่ตัวเอง
แต่เซวียเล่อกลับทำให้เซวียเฉิงเป็นกังวลเล็กน้อย หากเซวียเล่อยังคงมีท่าทางเช่นนั้นกับแม่นางอวี้ต่อไป ก็เกรงว่าจะมีจุดจบไม่ดีนักเช่นกัน
เขาขมวดคิ้ว ดูท่าอีกเดี๋ยวจะต้องบอกกล่าวกับเซวียเล่อเสียหน่อย
ขณะคิด จู่ๆ ก็มีคนรีบเร่งขึ้นมาจากชั้นล่าง เมื่อมองไปก็พบว่าคนที่ขึ้นมาคือเซวียเล่อ
เซวียเล่อเป็นคนหูไว ทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง เขาที่เคยพูดคุยกับเจินเจินมาก่อนย่อมคุ้นเคยกับเสียงนั้น
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“เจ้าอย่ายุ่งมากนักเลย แม่นางเจินเจินจะทำร้ายแม่นางอวี้ นายท่านเลยลงโทษนาง นี่เป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับแล้ว”
“ลงโทษหรือ? ลงโทษอย่างไร?”
“ตาย”
เซวียเล่อตะลึง จากนั้นก็จ้องมองเซวียเฉิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วผลักประตูเข้าไป
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถึงกับสั่งฆ่าคนรับใช้เก่าแก่เพราะเห็นชิงลั่วบาดเจ็บเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นชิงลั่วก็รับรักไว้ไม่ได้ น่าสงสารอุปราชเขานะคะ
ไหหม่า(海馬)