อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 827 ที่แท้ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือเขา
ตอนที่ 827 ที่แท้ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือเขา
ตอนที่ 827 ที่แท้ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือเขา
เซวียเฉิงตกใจอย่างมาก รีบดึงเขากลับมาแล้วรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงจะอย่างนั้น เซวียเล่อก็ยังมองสถานการณ์ด้านในได้อย่างชัดเจน เขาหายใจลึกๆ แล้วชี้ไปที่ประตูห้อง แม้แต่เสียงก็ยังแหบพร่า “นี่คือ… บทลงโทษของนายท่านหรือ เหตุ… เหตุใดกัน?”
“เจินเจินทำให้นายท่านขุ่นเคือง วิจารณ์การกระทำของนายท่าน ปล่อยงูพิษสองตัวเข้าไปในห้องพยายามให้แม่นางอวี้ถูกฉกตาย เมื่อไม่สำเร็จจึงพยายามฆ่าแม่นางอวี้ต่อหน้านายท่าน นางสมควรถูกลงโทษแล้ว เซวียเล่อ นายท่านคือนายท่าน ข้ารับใช้ก็คือข้ารับใช้ หน้าที่ของข้ารับใช้ก็คือฟังคำสั่งของนายท่าน ต่อให้นายท่านต้องการให้เราไปตาย เราก็ไม่สามารถขัดได้”
เซวียเฉิงมองเซวียเล่ออย่างเย็นชา ยิ่งรู้สึกว่าช่วงนี้เขาเองก็เปลี่ยนไปเป็นคนไร้เหตุผลยิ่งกว่าเดิม
“ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางอวี้ก็ช่วยนายท่านไว้จริงๆ ไม่ใช่เพียงครั้งนี้ ครั้งก่อนที่อาณาจักรเฟิงชาง ตอนนายท่านพบมือสังหาร ก็เป็นแม่นางอวี้ที่มาช่วย ไม่ว่านางจะเป็นคนที่นายท่านรักใคร่หรือไม่ นางก็เป็นคนที่เราต้องเคารพอยู่ดี หากเจ้าไม่อยากมีจุดจบเช่นนั้น ทางที่ดีก็ควรรู้จักสถานะของตน ไม่อย่างนั้นเจินเจินคนต่อไปก็คือเจ้า”
ทันใดนั้นเซวียเล่อก็ถอยเท้าไปก้าวหนึ่ง สีหน้าซีดเผือด
ใช่แล้ว นายท่านก็คือนายท่าน ข้ารับใช้ก็คือข้ารับใช้ ไม่ว่าเขาจะได้รับความโปรดปรานจากนายท่านเพียงใด เขาก็ยังต้องพึ่งพานายท่านเพื่อความอยู่รอด ถ้าหากไม่มีนายท่าน เขาเองก็คงถึงจุดจบ
ทันใดนั้นก็เหมือนเขานึกบางอย่างออก สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
งูพิษ ฉยงหวง…
ฉยงหวง เขาเป็นคนมอบให้เจินเจิน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลย ว่านางจะนำฉยงหวงมาจัดการกับงูพิษ จัดการกับแม่นางอวี้ ถึงเขาจะไม่พอใจในตัวแม่นางอวี้ แต่ก็แสดงออกทางสีหน้าท่าทางเท่านั้น ไม่กล้าลงมือทำร้ายนางเด็ดขาด
เนื้อตัวเซวียเล่อเปียกโชกไปด้วยเหงื่อทันที โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงสภาพโหดร้ายทารุณของเจินเจินในห้องนั้น เหงื่อบนหน้าผากก็ผุดออกมามากขึ้น
“เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” เซวียเฉิงรู้สึกว่าสีหน้าของเขาผิดปกติไปเล็กน้อย
เซวียเล่อรีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ข้าไม่เป็นไร ข้าไปพักผ่อนก่อนล่ะ”
เขารู้สึกเหมือนตนเพิ่งออกมาจากประตูนรกก็ไม่ปาน
เซวียเฉิงขมวดคิ้ว มองเซวียเล่อเดินออกไปข้างนอกทีละก้าวๆ อย่างล่องลอย
เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องของซ่างกวนจิ่น ก็พอจะได้ยินเสียงนายท่านพูดคุยกับแม่นางอวี้ลางๆ แม้เสียงจะไม่ดังแต่ก็พอฟังรู้เรื่อง นายท่านนั้น… ให้ท้ายแม่นางอวี้อย่างมากจริงๆ
แม้แต่นายท่านก็ยังเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมีสิทธิ์อันใดไปรบกวนใจนางเล่า
เซวียเล่อรู้สึกว่าสมองของตนไม่โล่งเอาเสียเลย จึงเคาะอย่างแรงครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนจิ่นที่อยู่ในห้องกลับจ้องมองอวี้ชิงลั่วอย่างไม่พอใจ
อีกฝ่ายจัดแจงถุงยาในมือให้เสร็จ จากนั้นก็รินชาให้ตนเอง
ตอนนี้นางไม่มีแรงจะมารับมือกับซ่างกวนจิ่น เรื่องที่กังวลตอนนี้ก็คือกลับไปแล้วจะอธิบายกับเย่ซิวตู๋อย่างไรดี
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ นางรับปากแล้วว่าผ่านไปสองวันแล้วจะกลับ และรับปากว่าตนจะต้องปลอดภัยไม่เป็นอะไร
ตอนนี้กลับบาดเจ็บเสียอย่างนั้น ถึงแม้จะเป็นแผลเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้เย่ซิวตู๋โมโหแล้ว
“อวี้ชิงลั่ว เจ้าได้ฟังที่ข้าพูดบ้างหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วแสบหูเล็กน้อยจากเสียงตะโกนของเขา นางเงยหน้าขึ้นกลึงตามองเขา “ได้ยินแล้ว ท่านอ๋องโมโหเพียงนี้ ท่าทางอาการบาดเจ็บคงดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ท่านเองก็มีคนดูแลไม่ขาด ข้าว่าข้าควรไปได้แล้ว”
“…” ซ่างกวนจิ่นมุมปากตึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เดินไปที่เก้าอี้นุ่มแล้วนอนลง ท่าทางหายใจรวยริน “เมื่อครู่ถูกเจ้ากระแทก เหมือนกับจะเป็นหนักอีกแล้วล่ะ”
เส้นเลือดบนหน้าผากของอวี้ชิงลั่วเต้นตุบ พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
เขาเป็นถึงอุปราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรจิงเหลย เป็นอุปราชเลือดเย็น ไร้ความรู้สึก โหดเหี้ยมอำมหิต กลับเปลี่ยนเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้… ตั้งแต่เมื่อใดกัน
“เจ้าต้องจับชีพจรข้า และสั่งจ่ายยาให้ข้าอีกหรือไม่ จริงสิ ข้าให้คนเปลี่ยนห้องให้เจ้าแล้ว อยู่ทางด้านขวาของห้องข้าเอง”
“…” อวี้ชิงลั่วไม่กล่าวอันใด นางกำลังคิดว่าจะฉีดยาสลบให้เขาอย่างไรดี ที่ดีที่สุดคือไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกคงดี
ซ่างกวนจิ่นลูบจมูก อีกฝ่ายไม่ตอบสนอง เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เพียงแต่เห็นนางบาดเจ็บอยู่ เขาจึงยอมแพ้ ไม่วางแผนอะไรกับนางอีก
“ได้สิ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการจะอยู่ข้างกายข้า แต่ตอนนี้ข้างกายเย่ซิวตู๋เองก็ไม่ปลอดภัยนัก เจ้าอยู่ที่นี่จะดีกับเจ้ามากกว่านะ” เขาทำได้เพียงอธิบายเหตุผลกับนางแล้ว
อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะออกมา “อืม ข้าขอกลับไปพักที่ห้องก่อน”
ซ่างกวนจิ่นเห็นว่านางไม่ได้พูดเรื่องจะจากไปแล้วก็ลอบถอนหายใจโล่งอก เขารู้สึกว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ดีอย่างยิ่ง ค่อนข้าง…วิกฤตกับผลได้ผลเสียของตน
อวี้ชิงลั่วจัดเก็บของตนเองเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
นางให้สัญญากับเย่ซิวตู๋ว่าวันพรุ่งนี้จะกลับไป เพียงแต่บาดแผลนี้… นางไม่อยากให้เขาเห็นเลยแม้แต่น้อย
และไม่รู้ว่าเรื่องราวทางด้านเขานั้นจัดการไปถึงไหนแล้ว ครั้งก่อนเขาบอกว่ามีความคืบหน้าอยู่ ในใจเขามีผู้ต้องสงสัยอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้กำลังหาหลักฐานอยู่ก็เท่านั้น
ตอนนี้เขาน่าจะยุ่งมากทีเดียว
เย่ซิวตู๋รู้สึกคันในหูเล็กน้อย ทันใดนั้นในหัวก็คิดถึงภาพของอวี้ชิงลั่ว คิดว่าอีกไม่นานก็จะได้พบกันแล้ว ก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
แววตาของเขาจับจ้องไปที่คนตรงหน้าเขม็ง ตั้งแต่ที่แอบตามเขามาเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้ก็ผ่านไปสองสามชั่วยามแล้ว
หลังจากคนผู้นั้นจากสระน้ำเล็กๆ มาก็ไปอีกสองสามที่ ยังคงปล่อยข่าวลือทุกที่ นำเรื่องที่เหมิงลู่ลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิงกระจ่ายข่าวออกไป ทำให้ผู้คนจำนวนกว่าครึ่งเชื่อไปแล้ว
เย่ซิวตู๋รู้ดี หากเรื่องนี้ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ชาวบ้านเหล่านี้ก็จะไปสร้างความวุ่นวายที่จวนใหญ่ในไม่ช้าเพื่อให้เหมิงลู่อธิบาย
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว การจับมือสังหารได้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไม่สามารถล่าช้าไปได้อีก
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เย่ซิวตู๋มองพระอาทิตย์ที่ตกดินไปครึ่งหนึ่ง แววตาหรี่ลงเล็กน้อย
คนตรงหน้าเดินวนอยู่สองรอบก่อนจะกลับไปยังสระน้ำเล็กที่ไปเมื่อตอนเที่ยงอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมาในทันที ดูท่าครั้งนี้จะไม่ได้กลับไปมือเปล่าอีกแล้ว
เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงจันทร์กระทบกับน้ำในสระ สะท้อนบนผิวน้ำเป็นประกาย
อีกด้านหนึ่งของสะพานโค้งเล็กๆ นั้น มีคนคนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา
คนผู้นั้นรูปร่างสูงโปร่ง สีหน้าเคร่งขรึม เส้นเลือดบนใบหน้าตึงเครียด ก้าวเดินอย่างช้าๆ ดูท่าทางระมัดระวังมาก
ไม่นานนัก ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏชัดใต้แสงจันทร์
ชายที่เดิมทีรออยู่ตรงสระน้ำสีหน้ามีความสุขขึ้นมาทันที รีบเดินหน้าไปต้อนรับ “ในที่สุดท่านก็มา ข้ารอท่านอยู่ตั้งแต่เที่ยง คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรเสียแล้ว โชคดีที่เรานัดกันไว้สองเวลา ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องไปพบท่านด้วยตัวเอง”
“ตอนเที่ยงมีเรื่องเล็กน้อย ดังนั้นข้าเลยมาช้า จัดการธุระเป็นอย่างไรบ้าง”
เย่ซิวตู๋จ้องมองคนที่เดินข้ามสะพานเล็กนั้นมา สีหน้าของเขาแข็งทื่อไป เป็นเขานั่นเอง!!
ที่แท้สิ่งที่เขาสงสัยก็ไม่ผิด ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ ที่แท้ก็คือ…
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตัดจบดังฉับ ผู้บงการคือใครล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)