อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 829 หนานหนานนอนดิ้น
ตอนที่ 829 หนานหนานนอนดิ้น
ตอนที่ 829 หนานหนานนอนดิ้น
ชีเถิงไม่มีแรงจะสู้กลับแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้เขาเองก็พ่ายแพ้ให้กระบวนท่านี้ของเหมิงพั่วมาก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่ซิวตู๋ในตอนนี้ที่ทั้งแม่นยำและร้ายกาจยิ่งกว่าเหมิงพั่วเลย
“ท่านอ๋องซิว อย่าเสียแรงเลยดีกว่า” เขากล่าว ทันใดนั้นก็นำมีดสั้นมาจ่อที่ลำคอของตนเอง จากนั้นก็ออกแรงปาดอย่างฉับพลัน
ต่อให้ต้องตาย เขาก็ไม่ยอมตายด้วยน้ำมือของเย่ซิวตู๋
เขาเป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์ทมิฬ มีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญ ได้รับความไว้วางใจจากกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง กฎพื้นฐานที่สุดของผู้พิทักษ์ทมิฬก็คือไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้อื่นจนทำลายภารกิจของเจ้านาย
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเย้ยหยันลอยมาในความมืด ชีเถิงชะงัก คมมีดที่กำลังจะสัมผัสผิวหนังตรงลำคอหยุดนิ่งพร้อมกับความรู้สึกชาที่มือ และไม่สามารถออกแรงได้อีกแม้แต่น้อย
เสียงดัง ‘เคร๊ง’ มีดสั้นตกลงกับพื้น ชีเถิงตกใจอย่างมาก
ความเร็วของเขาก็เร็วมากอยู่แล้ว แต่นี่…กระทั่งจะฆ่าตัวตายก็ยังทำไม่ได้
เขาจะมัวแต่คิดมากไม่ได้ ทว่าต่อจากนั้นกลับรู้สึกเจ็บที่ไหล่และคอ คิ้วขมวดแน่น จากนั้นก็หมดสติไป
เย่ซิวตู๋ค่อยๆ ร่อนลงบนพื้น มองไปยังชีเถิงที่ล้มอยู่กับพื้นอย่างเย็นชา
เขาไม่อยากแตะต้องตัวอีกฝ่ายสักนิด แต่ผู้อารักขาของเขาล้วนไม่อยู่ จึงทำได้เพียงลงมือเองอย่างไม่เต็มใจ
เย่ซิวตู๋ชำเลืองมองชีเถิงอย่างไม่ชอบใจ ก้มตัวลง และยกคนขึ้นจากพื้นแบกไว้บนไหล่
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แบกร่างของเขากลับไปที่จวนใหญ่
ที่จวนใหญ่ยังคงจุดไฟสว่างไสว เย่ซิวตู๋แบกชีเถิงมาที่โถงจิงจู๋ที่เหมิงลู่อาศัยอยู่
ในเรือนยังมีผู้อารักขาคอยลาดตระเวนอยู่ ส่วนเหมิงลู่ยังไม่นอน เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง มุ่นคิ้วแน่น ท่าทางกระวนกระวาย
จากนั้นไม่นาน อาเฟิงองครักษ์ของเหมิงลู่ก็รีบร้อนเดินเข้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “ท่านประมุขขอรับ ท่านอ๋องซิวกลับมาแล้วขอรับ”
“อยู่ไหน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ฝีเท้าของเหมิงลู่หยุดลงในทันที รีบหันกลับมาถาม
อาเฟิงถอยไปด้านข้างแล้วกล่าว “ดูท่าทางจะได้อะไรมาบ้างขอรับ ท่านอ๋องเข้ามาแล้วขอรับ”
เพียงเขากล่าวจบ เย่ซิวตู๋ก็แบกชีเถิงบนไหล่แล้วเดินสาวเท้าเข้ามา
เพียงเข้ามาถึงก็โยนคนผู้นั้นลงบนพรมอย่างแรง ทำเอาฝุ่นที่พื้นฟุ้งกระจาย
“แค่กๆ” เหมิงลู่และอาเฟิงหันหน้าไปพร้อมกันและไอออกมาเบาๆ
เย่ซิวตู๋ชี้ไปยังคนที่พื้น กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “คนที่แพร่ข่าวลือติดต่อกับคนผู้นี้ ชีเถิง หัวหน้าผู้พิทักษ์ทมิฬของหมู่…เหมิงกุ้ยเฟยขอรับ ท่านคอยดูเขาก่อนเถิด ระวังเขาจะฆ่าตัวตาย”
เหมิงกุ้ยเฟยหรือ เหมิงลู่และอาเฟิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา มุมปากตึงเรียบ
“หนานหนานเล่า?” เย่ซิวตู๋ถาม
“นอนหลับอยู่ในห้อง ข้าให้พวกเสิ่นอิงและโม่เสียนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก วางใจเถิด” เหมิงลู่เองก็ทราบว่าในจวนนี้จะต้องมีสายลับอยู่เป็นแน่ ดังนั้นช่วงสองสามวันนี้จึงระมัดระวังเป็นพิเศษ
เย่ซิวตู๋ลูบหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้า พยักหน้า “ข้าขอกลับห้องก่อน พรุ่งนี้เช้าจะมาสอบสวนเขาอีกครั้ง”
“อืม เจ้ากลับไปเถิด ทางด้านนี้ยกให้เป็นหน้าที่ข้า” เหมิงลู่โบกมือ ให้เขารีบกลับไปเสีย
ช่วงเวลานี้ คนที่เหนื่อยที่สุดคงเป็นเขากระมัง
เรือนที่เย่ซิวตู๋พักอาศัยอยู่ไม่ไกลจากโถงจิงจู๋ของเหมิงลู่นัก ไม่ถึงหนึ่งเค่อเขาก็มายืนอยู่ด้านนอกเรือนแล้ว
เมื่อเสิ่นอิงเห็นเขา ก็รีบตรงเข้ามาทันที “นายท่าน”
“อืม หนานหนานเป็นอย่างไรบ้าง” เย่ซิวตู๋เดินไปพลางถาม
เสิ่นอิงหัวเราะเบาๆ “ตอนบ่ายหลังจากกลับมา ก็ไปที่เรือนของเสี่ยวอวี้ ทั้งสองคนคุยกันคิกคักอยู่นานก็ไม่เห็นเขาจะง่วง เมื่อถึงตอนเย็นก็กินข้าวจานใหญ่อีกสองจาน อีกทั้งยังกินขนมอีกสองสามอย่าง จากนั้นก็ค่อยดูง่วงนอนแล้วขึ้นเตียง ตอนนี้เกรงว่าจะหลับสบายไปแล้วขอรับ”
“อืม” เย่ซิวตู๋พยักหน้า ไม่นานนักก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง
คนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูคือโม่เสียน สีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋ก็รีบคำนับทันที “นายท่าน”
“โม่เสียนคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ช่วงกลางคืน เสิ่นอิงเจ้าไปพักเถิด”
“ขอรับ” ทั้งสองคนรับคำสั่งพร้อมกัน
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็ผลักประตูเดินเข้าไป มองไปยังเด็กน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
ชิงเอ๋อร์ไม่อยู่ ทุกครั้งที่เย่ซิวตู๋เห็นหนานหนาน ก็รู้สึกว่าเบาใจขึ้นมาก
เขาจินตนาการว่าตอนที่ยังไม่ได้พบตน ชิงเอ๋อร์เองก็ดูแลหนานหนานเช่นนี้ คอยเป็นห่วงสิ่งพื้นฐานในการดำรงชีวิต คอยดูว่าเวลาเขาหลับจะหนาวหรือไม่ การศึกษาจะดีหรือไม่ จะแยกแยะได้หรือไม่
ตอนนี้เขาดูแลหนานหนาน หลายครั้งก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับการกระทำที่ไร้คำอธิบายของเขา ช่างไร้สิ้นหนทางจริงๆ
ตอนนั้นชิงเอ๋อร์… เกรงว่าจะใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกัน จึงทำให้หนานหนานเคารพรักและเชื่อฟังนางเช่นนี้
เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ข้างเตียง มองลงไปและเห็นว่าร่างตอนเขานอนหลับล้วนห้อมล้อมไปด้วยหมอนและผ้าห่ม ขังตนเองไว้ในพื้นที่เล็กๆ แม้แต่จะพลิกตัวก็ยังยาก
เขาเคยได้ยินชิงเอ๋อร์บอกไว้ว่าหนานหนานนอนได้ไม่เรียบร้อยเลย เคยนอนคนเดียวอยู่ครั้งหนึ่งก็กลิ้งไปกลิ้งมาจนตกลงไปใต้เตียงแล้วนอนอยู่ในนั้นทั้งคืน ตอนนั้นทำเอาแม่นมเก๋อตกใจจนขวัญหาย นึกว่าเขาถูกคนลักพาตัวไป
ไร้สิ้นหนทางแล้วจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้จึงคิดออกมาเองว่าจะวางสิ่งของไว้รอบตัว เพื่อไม่ให้พลิกตัวจนเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนี้เห็นท่าทางเขานอนแบบเงยหน้ามองฟ้า มือเท้าถูกจำกัดขอบเขตก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า ก้มตัวลงเอาหมอนที่อยู่ข้างๆ เขาออก
เมื่อไม่มีสิ่งใดมายับยั้ง แขนขาของหนานหนานก็กางออกกว้างทันที เหมือนกับว่าถูกจำกัดไว้เป็นเวลานาน จนแทบฟาดโดนหน้าของเย่ซิวตู๋
เขาถึงกับเม้มปากอย่างเพลิดเพลินเป็นอย่างมากและฮึมฮัมออกมาสองครั้ง
เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก ย้ายตัวเขาไปไว้ด้านใน
จากนั้นก็ยกผ้าห่มขึ้น กอดร่างเล็กๆ ไว้ในอ้อมแขนแล้วกล่าวเบาๆ “นอนดิ้นเพียงนี้ ต่อไปหากมีภรรยาจะทำเช่นไรเล่า โชคดีที่พ่อของเจ้าไม่มีปัญหาเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นชิงเอ๋อร์คงไม่ให้ข้าขึ้นเตียงเป็นแน่”
และไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือไม่ หนานหนานค่อยๆ ส่งเสียงออกมาสองครั้ง พลิกตัวหันหลังให้เขา จากนั้นก็ผายลมออกมาอย่างแรง
“…” เย่ซิวตู๋ปิดปากอย่างเชื่อฟัง
คงเพราะเหนื่อยมากจริงๆ เมื่อได้กอดเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนก็รู้สึกอุ่นใจ ไม่นานนักเขาเองก็หลับไป
นี่เป็นคืนแรกตั้งแต่ไม่มีชิงเอ๋อร์อยู่ข้างกาย ที่เขานอนได้นานที่สุด
จนกระทั่งท้องฟ้าสว่างขึ้นเล็กน้อย เขาก็ยังคงไม่คิดจะตื่นขึ้น
หนานหนานกลับนอนหลับพอแล้ว ลุกขึ้นนั่งอย่างกระฉับกระเฉง ขยี้ตาและมองไปยังเย่ซิวตู๋ที่นอนอยู่ข้างๆ เลื่อนตัวเข้าไปจูบเขาหนึ่งครั้ง
“ท่านพ่อ ท่านกลับมาตั้งแต่ตอนไหน ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมนอนๆ ไปแล้วจึงร้อนขึ้นมา ที่แท้ก็เพราะท่านกอดข้าแน่นนี่เอง” หนานหนานเข้าไปข้างหูของเขา กล่าวเบาๆ “จริงๆ ข้าก็เข้าใจได้ อย่างไรท่านแม่ก็ไม่อยู่ข้างกายท่าน ท่านได้กอดข้าก็จะหลับสบายขึ้นหน่อย อย่างไรตัวข้าก็นุ่ม ใครกอดก็ชอบทั้งนั้น”
“…” เย่ซิวตู๋พลิกตัว ขี้เกียจแม้แต่จะตอบกลับ
“ท่านพ่อ ท่านนอนต่อเถิด ข้าตื่นแล้วจะไปหาท่านปู่ลู่” หนานหนานกลิ้งตัวออกจากเขา แทบจะทับส่วนสำคัญของเขา
เย่ซิวตู๋เปล่งเสียงเรียกเสิ่นอิงที่ตื่นแต่เช้าและรออยู่ข้างนอกให้ตามเขาไป จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอันใดอีก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากเห็นหนานหนานตอนโตเป็นหนุ่มเลยว่าจะเป็นยังไง ถึงวัยสวมกวานแล้วจะทำแบบนี้อยู่ไหม
ไหหม่า(海馬)