อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 832 อ่อนโยน แต่อันตรายถึงชีวิต
ตอนที่ 832 อ่อนโยน แต่อันตรายถึงชีวิต
ตอนที่ 832 อ่อนโยน แต่อันตรายถึงชีวิต
เย่ซิวตู๋ประหลาดใจ ชิงเอ๋อร์บอกอย่างนั้นจริงหรือ?
“วิธีไหน?” เหมิงลู่สนใจวิธีการของอวี้ชิงลั่วมาก
สตรีผู้นั้นไม่ใช่คนดี โดยเฉพาะเรื่องการทำบาป ซึ่งนางเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง
หนานหนานวิ่งออกไปนอกประตู หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินโซซัดโซเซเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำ ก่อนจะวางมันลงบนพื้น
เป็นน้ำเปล่า…
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เย่ซิวตู๋และเหมิงลู่เท่านั้นที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้แต่ชีเถิงผู้นิ่งเงียบเย็นชาราวกับไม่อาจแงะปากของเขาออกได้ด้วยวิธีใด ๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกัน
ทว่าวินาทีต่อมา เขาก็นึกเย้ยหยันอีกครั้ง
สำหรับเขานั้น ไม่ว่าการบังคับให้สารภาพหรือการทรมานจะรุนแรงเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้เขาสั่นคลอนได้
เขาเป็นถึงหัวหน้าขององครักษ์ลับได้ก็เพราะผ่านการทดสอบอันสุดแสนจะทรหดมามากมายหลายครั้ง หากเขาไม่แกร่งพอ เขาก็คงยอมทรยศไปนานแล้ว
ฮึ่ม แค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะทำอะไรได้?
หลังจากวางอ่างน้ำไว้ หนานหนานก็วิ่งออกไปอีกครั้ง
แววสงสัยบนใบหน้าของเย่ซิวตู๋และเหมิงลู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขากำลังทำอะไรอยู่?
ดูเหมือนเขาจะยุ่งมาก เหนื่อยบ้างหรือไม่?
ไม่นานหนานหนานก็กลับมา พร้อมกับผ้าสีดำและมีดสั้นในมือ เขายื่นผ้าสีดำให้เย่ซิวตู๋ “ท่านพ่อ ช่วยปิดตาเขาให้ข้าหน่อยขอรับ”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แต่เขาก็สนใจจึงตามที่หนานหนานบอก เขาพับผ้าสีดำสองทบ แล้วปิดตาของชีเถิง
เมื่อภาพตรงหน้าพลันมืดลง ชีเถิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหนานหนานกำลังจะทำอะไร เนื่องจากเขาไม่รู้อะไรเลย มันจึง… น่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าการถูกเฆี่ยนตีเสียอีก
หนานหนานยกแขนขึ้น และค่อย ๆ กรีดมีดลงไป
“เฮ้ ตอนนี้ข้าจะเอาเลือดเจ้าออก ไม่ต้องกังวล เจ้าจะไม่ตายในเร็ว ๆ นี้หรอก เจ้าจะไม่ตายจนกว่าเลือดของเจ้าจะแห้งลงช้า ๆ” เสียงของหนานหนานนุ่มนวล ทว่าสำหรับชีเถิงแล้วคล้ายกับว่ามันดังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ทำให้เขาตัวสั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่ครู่ต่อมา เขาก็สงบลงอีกครั้ง และพูดเสียงอู้อี้ว่า “พวกเจ้า… จะ… ฆ่า… โอ้”
เขาสูญเสียฟันไปหมดแล้ว ขณะที่เขาพูดช้า ๆ ก็มีลมเล็ดลอดออกมา คำพูดของเขาจึงฟังไม่ชัดเจน
แต่เย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ก็ยังเข้าใจ เขาคิดว่าพวกเขาไม่เต็มใจจะฆ่าเขาจริงหรือ? เขาหัวเราะออกมาทันที “เจ้าคิดผิดแล้ว ถ้าแม้แต่วิธีของชิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ผล นั่นก็หมายความว่าไม่มีวิธีอื่นที่สามารถง้างปากเจ้าได้อีกแล้ว และมันจะจบลงเมื่อเจ้าตาย”
“…อา โอ้… กลัว… ตายหรือ” หากไม่ถูกถอนฟันออก เขาคงฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้นตัวเองไปแล้ว
กลัวตายอะไร?
หนานหนานไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด แต่เพียงแค่วางอ่างน้ำที่เขาเพิ่งนำมาไว้ข้าง ๆ เขา แล้วจับแขนของเขาที่ถูกเฉือนไปที่อ่างน้ำ
หลังจากนั้นเย่ซิวตู๋และเหมิงลู่ก็เห็นหยดเลือดจากแขนของชีเถิง หยดลงในอ่างน้ำตามปลายนิ้วทีละนิด
หยดเลือดที่ตกลงไปในน้ำเกิดเสียงชัดเจนเป็นพิเศษ
“ติ๋ง”
“ติ๋ง”
“ติ๋ง”
ไม่มีใครในห้องเอ่ยคำใด ชีเถิงถูกปิดตา เขาจึงยิ่งจดจ่อกับเสียงนั้นมากยิ่งขึ้น
เขารู้สึกได้ว่าเลือดของเขากำลังไหลรินออกมา มันค่อย ๆ ไหลออกจากร่างกายของเขา
ทันใดนั้นเขาก็กระวนกระวาย เพราะรู้สึกว่าเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน และไหลทะลักจะตกลงไปในอ่างน้ำ
ความรู้สึกนั้น… ความรู้สึกนั้น…
นี่เป็นความรู้สึกหวาดกลัวของคนที่รู้ว่าตนกำลังรอความตายแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากปล่อยให้ชีวิตของตนค่อย ๆ สูญเสียไปทีละนิด
ชีเถิงหายใจถี่ขึ้นทันที และทั้งกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
แม้การเคลื่อนไหวจะไม่รุนแรง แต่เย่ซิวตู๋และเหมิงลู่ก็ยังสังเกตเห็นได้
ทั้งสองมองหน้ากัน และมีประกายแสงวาบขึ้นในดวงตาของพวกเขาพร้อมกัน
หนานหนานหรี่ตายกยิ้ม อันที่จริงแผลที่เขากรีดนั้นไม่ได้ลึก และใช้เวลานานกว่าเลือดจะไหลออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิธีนี้ ท่านแม่บอกว่านี่เรียกว่ากลวิธีทางจิตวิทยา
นางบอกว่าสายลับสองคนถูกผู้มีอำนาจบางคนจับได้ แม่บอกชื่อของเขาอย่างชัดเจน แต่เขาลืมไปแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกทรมานทุกรูปแบบ แต่ไม่ยอมพูดอะไรและไม่ยอมทำอะไรเลย
แม้แต่เก้าอี้ไฟฟ้าก็ยังง้างปากพวกเขาไม่ออก
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเก้าอี้ไฟฟ้าคืออะไร แต่มีเรื่องแปลกประหลาดหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่ของเขาพูดถึง และฟังดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก
ต่อมาผู้มีอำนาจคนนั้นก็มัดคนทั้งสองไว้กับเก้าอี้ แล้วกรีดเลือดคนใดคนหนึ่งออกด้วยวิธีนี้ ขณะที่อีกคนหนึ่งเฝ้าดู
จากนั้นเขาก็ปิดตาอีกคน โดยไม่ได้กรีดเลือดเขา แต่แค่เทน้ำลงข้างตัวเขา เพื่อให้คนผู้นั้นได้ยินชัดเจน และเขาก็หวาดกลัวจนแทบขาดใจตาย
ท่านแม่ของเขาบอกว่าวิธีทางจิตวิทยามีประโยชน์มากกว่าการทรมานร่างกายโดยตรงนัก
หนานหนานนึกถึงคำพูดนี้ขึ้นมาทันที ซึ่งจริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับจัดการคนดื้อรั้นอย่างชีเถิง
เมื่อเวลาผ่านไปทีละนิด แววตื่นตระหนกบนใบหน้าของชีเถิงก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทาช้า ๆ เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ “เลือดไหลลงในอ่างมากนัก สีแดงฉานเช่นนี้เด่นชัดเกินไป หนานหนาน นำอ่างอื่นมาเปลี่ยนเถิด ไม่ฉะนั้นจะมีเลือดเยอะเกินไป ประเดี๋ยวตอนเททิ้ง พวกคนรับใช้ในคฤหาสน์จะแตกตื่น”
หนานหนานรีบตอบทันทีว่า “ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ขณะพูดเช่นนั้น เขาก็คุกเข่าลงจริง ๆ แล้วออกไปพร้อมกับอ่างในมือ จากนั้นก็เข้ามาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน
เขาวางอ่างลงข้างกายชีเถิงอีกครั้ง เสียงเลือดหยดลงในอ่างดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ร่างกายของชีเถิงยิ่งสั่นสะท้านมากกว่าเดิม
การรอความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากจริง ๆ
ชีเถิงตระหนักได้ และเหมิงลู่ก็รับรู้ได้เช่นกัน
แน่นอนว่าสตรีที่มีนามว่าอวี้ชิงลั่วคนนั้นช่างร้ายกาจนัก
ตามวิธีการของคนทั่วไป ผู้สอบสวนส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีเฆี่ยนด้วยไม้ ฟาดด้วยเหล็กหรือไม่ก็แล่เนื้อเถือหนัง ซึ่งเกือบทุกวิธีเป็นการสร้างความทรมานทางร่างกาย
และวิธีที่โหดร้ายที่สุดที่เหมิงลู่คิดได้ก็คือทัณฑ์เลาะกระดูก เป็นการค่อย ๆ ใช้มีดแล่เนื้อของนักโทษออกทีละชิ้น
แต่วิธีการดังกล่าวนั้นเลือดเย็นเกินไป ไม่ต้องพูดถึงชีเถิงหรอก แม้แต่คนลงมือก็ต้องมีความอดทนทางจิตใจในระดับหนึ่ง
วิธีการของอวี้ชิงลั่วนั้นแตกต่างออกไป วิธีนี้แทบไม่ใช้ความรุนแรงเลย
อ่อนโยน แต่ถึงตายได้
“อา อา ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว…” ในที่สุดชีเถิงก็ทนไม่ไหว และกรีดร้องออกมาสองครั้งด้วยความสิ้นหวัง เขาถึงกับสามารถเปล่งคำพูดออกมาได้อย่างชัดเจนด้วยปากที่ไร้ฟัน
หนานหนานคลี่ยิ้ม แล้วเชิดคางขึ้นอย่างมีชัยขณะมองเย่ซิวตู๋
เขาคิดว่าตนเป็นเด็กที่แข็งแกร่งและฉลาดที่สุดในโลก
เย่ซิวตู๋ลูบศีรษะของเขา แล้วแอบยกนิ้วโป้งให้
จากนั้นเดินช้า ๆ ไปอยู่ข้างชีเถิง แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สุดท้ายแล้ว จุดประสงค์ที่ทำให้เจ้าทำเช่นนี้คืออะไร? เพราะเหตุใดเจ้าจึงกระจายข่าวลือไปทุกที่ เพื่อทำให้ท่านประมุขเสื่อมเสียชื่อเสียง?”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมาก โจมตีที่จิตใจให้เสียกำลังใจขึ้นมา พอขวัญหายขึ้นมาก็จะไม่ทนกับอะไรแล้ว
ไหหม่า(海馬)