อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 834 โกรธแค้นถึงขีดสุด
ตอนที่ 834 โกรธแค้นถึงขีดสุด
ตอนที่ 834 โกรธแค้นถึงขีดสุด
แม้แต่หนานหนานก็ยังตกใจกับเสียงดังกะทันหันเช่นนั้น เขามองหนังสือบนโต๊ะด้วยความฉงนสนเท่ห์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ในนั้นเขียนไว้ว่าอะไร มันจึงทำให้ท่านปู่ลู่มีท่าทางน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้?
หนานหนานไม่เคยเห็นเหมิงลู่แสดงท่าทางเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่ากำลังจะกลืนกินใครสักคน
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง หลังจากมองเย่ซิวตู๋ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดียวกันแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ย่อตัวลงหยิบหนังสือขึ้นมา
หลังจากที่หนานหนานเปิดไปสองสามหน้า สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ตัวอักษรในหน้าแรก
เขายังเด็ก แม้จะสามารถอ่านหนังสือได้มากเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไปแล้ว แต่การอ่านลายมือที่เลือนรางเช่นนี้ก็ยังทำให้เขาเหนื่อยมาก
แต่สิ่งที่เขาแน่ใจคือบรรทัดแรกเป็นชื่อ
ส่วนต่อมาน่าจะเป็นวันเกิดของคนผู้นั้น สถานที่เกิดและชื่อบิดามารดาของคนผู้นั้น แล้วก็… เวลาตายอย่างนั้นหรือ?
หนานหนานแปลกใจมาก เวลาตายกับเวลาเกิดห่างกันไม่ถึงชั่วโมง มันแปลกยิ่งนัก
เมื่อเปิดย้อนกลับมาอีก เขาก็เห็นว่าเป็นวันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด ตามด้วยชื่อบิดา มารดา และเวลาตายเช่นเดิม
หนานหนานเอียงคอพลิกดูหลาย ๆ หน้าทีละหน้า
เขาไม่เห็นอะไรเลย แต่เหตุใดท่านปู่ลู่จึงโกรธมาก?
หนานหนานดึงแขนเสื้อพ่อของเขาอย่างระมัดระวัง และส่งหนังสือให้เขา
เย่ซิวตู๋อุ้มร่างเล็กขึ้นมา หลังจากเดินออกไปได้สองสามก้าวก็อธิบายให้เขาฟัง
“มีชื่อมากมายในหนังสือเล่มนี้ และการเกิดกับการตายเกิดขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมง การตายของเด็กเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องปกติ และเห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจทำให้เป็นเช่นนี้ และ… พ่อหรือแม่ของเด็กเหล่านี้มักมีปานรูปดอกไม้”
หลังจากฟังไปครู่หนึ่ง หนานหนานก็เข้าใจทันที ทันใดนั้นเขาก็เบิกตากว้างและพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นั่นหมายความว่า เด็กเหล่านี้ตายอย่างผิดปกติ และอาจเป็นคนที่มีปานหรือขอรับ?”
“เป็นอื่นไปไม่ได้ ต้องเป็นเด็กที่มีปานรูปดอกไม้” เย่ซิวตู๋กล่าวด้วยความมั่นใจ
ไม่เช่นนั้นคนเหล่านั้นคงไม่รอจนกว่าเด็กจะคลอดก่อนจึงจะฆ่าได้ สิ่งเดียวที่ทำให้เด็กเหล่านั้นต้องตายเหมือนกันคือสิ่งนี้
หนานหนานจับแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋แน่น และรู้สึกราวกับจะหยุดหายใจกะทันหัน “ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ไม่มีเด็กมีปานรูปดอกไม้ในดินแดนเหมิงมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว…”
กลับกลายเป็นว่าเด็กเหล่านี้ถูกฆ่าตายตั้งแต่แรกเกิด
จู่ๆ หนานหนานก็ลูบอกตัวเอง ตอนนี้เขาควรจะขอบคุณเหมิงเคอ ถ้าไม่ใช่เพราะมีนาง น้องอวี้คงถูกฆ่าตายไปตั้งนานแล้ว
ถึงตอนนี้เย่ซิวตู๋ก็รู้สึกใจหาย แต่โชคดีที่… เขาจำหนานหนานไม่ได้จนกระทั่งอายุห้าขวบ และมีความสามารถในการป้องกันตัวเองแล้ว
ถ้าเขาอายุเท่าเด็กเหล่านี้ และต้องเผชิญหน้ากับมือสังหารตอนที่เขาเพิ่งเกิด เกรงว่าเขาอาจจะไม่รอด
เหมิงลู่เตะโต๊ะด้านข้างด้วยท่าทางโหดเหี้ยม ขณะนี้เลือดในหัวใจของเขากำลังพลุ่งพล่าน และร่างกายของเขาก็ใกล้จะระเบิดเต็มทน
หนานหนานตะลึง รู้สึกว่าท่านปู่ลู่ตอนนี้มีราศีของประมุขเผ่ามองโกเลียระดับสูงอย่างแท้จริง
“ข้าจะฆ่าเขา” จู่ ๆ เหมิงลู่หันหลังเดินออกจากโกดัง
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว แล้วรีบไปขวางหน้าเขาไว้ “ท่านประมุข มันไม่มีชื่อระบุไว้นะขอรับ”
“หนังสือเล่มนี้เป็นหลักฐาน”
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ไร้ประโยชน์ขอรับ เราไม่ได้พบหนังสือเล่มนี้ที่เขา ไม่มีเงื่อนงำใดชี้ไปที่เขา จึงไม่สามารถกล่าวโทษเขาได้ หากมีคนต้องการจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ชื่อเสียงของท่านประมุขก็จะยิ่งแย่ลงไปด้วยขอรับ”
เหมิงลู่เย้ยหยัน “ชื่อเสียงหรือ? แล้วชีวิตบริสุทธิ์เหล่านี้เล่า ลูกหลานที่มีเกียรติที่สุดของเผ่าเหมิงของเราถูกฆ่าตายตั้งแต่พวกเขาเพิ่งเกิด ถ้าข้าไม่สามารถล้างแค้นพวกเขาได้ ข้าจะสมควรเป็นประมุขได้อย่างไร ข้ายังต้องการชื่อเสียงอะไรอีก?”
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจ เหมิงลู่กำลังโกรธมากที่เขาพูดจาหุนหันพลันแล่นเช่นนี้
“ท่านประมุข โปรดใจเย็นก่อนขอรับ” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นใบหน้าของเหมิงลู่แดงก่ำ และเส้นเลือดกระตุกอย่างรุนแรง เขาก็รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที จึงตะโกนออกมาเช่นนั้น
แต่เหมิงลู่ได้กระอักเลือดออกมาเต็มปากแล้ว จนเสาที่อยู่ข้างหน้าเขาปรากฏรอยโลหิตสาดกระเซ็น
เย่ซิวตู๋รีบจับแขนของเขาไว้ แล้วลูบหลังเขาทันที
จากนั้นเหมิงลู่ก็ขมวดคิ้วเดินเซไปข้างหน้า ก่อนหยุดหอบหายใจ
“ท่านประมุข เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
เหมิงลู่โบกมือและยกมือขึ้นเช็ดมุมปากตนเอง แล้วสูดหายใจเข้าและรู้สึกดีขึ้นมาก เขาหลับตาพูดว่า “ขอบใจ”
เมื่อสักครู่นี้ลมปราณและเลือดของเขาพลุ่งพล่าน ทำให้เขาไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ทันที เกือบจะทำให้เกิดหายนะเสียแล้ว
หนานหนานรีบหยิบยาออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นยาเม็ดให้เขา “ท่านปู่ลู่ แม่ของข้ามอบให้ข้าไว้ตอนที่ท่านสอนกำลังภายในให้ข้า แม่ของข้ากลัวว่าจะเกิดอะไรผิดปกติกับข้า ท่านแม่จึงให้ยานี้กับข้าไว้เยอะเลย ข้าไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร ดังนั้นท่านสามารถกินมันได้ขอรับ”
เหมิงลู่ส่ายหน้า และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร เจ้าเก็บมันไว้เถิด อีกสักพักข้าก็จะหายดี”
อวี้ชิงลั่วปรุงยานี้ให้หนานหนานเป็นพิเศษ หากให้เขากินก็คงไม่เหมาะ
หลังจากพูดจบ เหมิงลู่ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง แล้วหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์
เย่ซิวตู๋มองเขาด้วยความกังวล เหมิงลู่เป็นคนที่สงบนิ่งและมั่นคงมาโดยตลอด มีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้เขาตบะแตกเช่นนี้ได้
แม้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับเขาจากภายนอกจะไม่เป็นที่น่าพอใจนัก และถึงกับวิพากษ์วิจารณ์เขาด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังคงใจเย็นขณะใช้เวลาทำในสิ่งที่ต้องทำทีละขั้นตอน เพื่อค้นหาผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง และปรึกษาหารือด้วยท่าทางสงบ
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้เหมิงลู่โกรธถึงขีดสุด
เย่ซิวตู๋ลอบถอนหายใจ เมื่อเขาเห็นว่าสีหน้าของเหมิงลู่กลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็ก้าวไปข้างหน้า
เหมิงลู่เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของเขายังซีดอยู่เล็กน้อย ขณะพูดเสียงเบาว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารู้ตัวเองดี”
พูดจบแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเดิม แล้วหยิบหนังสือที่เย่ซิวตู๋หยิบมาจากพื้น ตอนที่เขาปามันลงไป นัยน์ตาของเขาเศร้าหมอง
“เจ้าพูดถูก ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน เจ้าของหนังสือไม่ได้ระบุชื่อไว้ แม้ว่าเขาจะถูกฆ่าตายก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ในเวลานั้นเขาจะจบชีวิตลงพร้อมสมญานามวีรชนผู้กล้าหาญและเสียสละ”
ดังนั้นคราวนี้จำเป็นต้องโจมตีด้วยการโจมตีครั้งเดียว และกวาดล้างทุกคนให้สิ้นซาก
“ท่านประมุข ข้ามีความคิดขอรับ” เย่ซิวตู๋คิดเช่นเดียวกับเขา เนื่องจากเรื่องนี้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว จึงต้องมีหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีสายลับในบ้านของเด็กที่ถูกฆาตกรรมในหนังสือ
ดังนั้นหากต้องการจับตาย ก็ต้องกำจัดก้อนเนื้อร้ายทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่รู้จบ
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เหมิงลู่เท่านั้นที่โกรธแค้น ทันทีที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงถูกลอบสังหาร คนผู้นั้นก็ได้สร้างความโกรธแค้นให้เย่ซิวตู๋แล้ว
เหมิงลู่หันมามองเขา “บอกมาสิ เจ้ามีความคิดเช่นไร?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังกุ้ยเฟยมันจิตป่วยจริงๆ สั่งฆ่าเด็กที่มีปานดอกไม้หมดเลย ไม่เว้นกระทั่งลูกตัวเองกับพ่อตัวเองด้วย
ไหหม่า(海馬)