อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 837 ออกเดินทางกลางดึก
ตอนที่ 837 ออกเดินทางกลางดึก
ตอนที่ 837 ออกเดินทางกลางดึก
“แม่นางอวี้… เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?” เจียงเอ๋อร์ถามด้วยความลังเล
มือของอวี้ชิงลั่วบีบซองจดหมายแน่น แล้วเปลี่ยนสีหน้านับครั้งไม่ถ้วน
จากนั้นครู่หนึ่งนางก็ถอนหายใจ ก่อนมองเจียงเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้ม ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร”
ให้ตายเถิดเย่ซิวตู๋ เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อจริง ๆ หรือ???
กระดูกนิ้วของอวี้ชิงลั่วส่งเสียงลั่นดังกร๊อบ ตอนนี้นางแทบรอไม่ไหวที่จะรีบไปหาเย่ซิวตู๋และตบเขาแรง ๆ สักที
สายตาของเจียงเอ๋อร์จับจ้องที่กระดูกนิ้วของนาง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และเริ่มถอยหลังไปเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้บนใบหน้าของแม่นางอวี้ มันเป็นสีหน้าที่น่ากลัวมาก และน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคุณชายเย่เสียอีก
หลังจากนั้นไม่นาน อวี้ชิงลั่วก็เก็บกระดาษจดหมายนั้นไว้ แล้วพูดกับเจียงเอ๋อร์ว่า “เจ้ากลับไปก่อน”
“โอ้” เจียงเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความงุนงง แล้วหันหลังกลับ หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาจึงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และพูดเบาๆ ว่า “เช่นนั้น… ตอบกลับ…”
“ไม่ ต้อง!!” อวี้ชิงลั่วกัดฟัน
เจียงเอ๋อร์หดคอโดยไม่ได้เอ่ยคำใดอีก แล้วหันหลังเดินออกจากตรอกไป
ท่านพ่อบอกไว้ว่าบางคราสตรีก็น่ากลัว ตอนนี้เขา… ได้เห็นแล้ว
คุณชายเย่ยังบอกด้วยว่าเขาต้องการจดหมายตอบกลับ แต่ถ้าแม่นางอวี้ไม่ตอบกลับ เขาก็ควรจะกลับไปบอกเรื่องนี้
จากนั้นครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วก็ถือสาลี่เดินกลับไปที่โรงเตี๊ยม
ไม่นานนางก็ค่อย ๆ ได้สติ มองลูกสาลี่ในมือแล้วตบหน้าผากตัวเอง เมื่อสักครู่นี้นางคิดว่าจะให้ลูกสาลี่กับเจียงเอ๋อร์…
มันเป็นเพราะเจ้าบ้าเย่ซิวตู๋ เขาบอกนางว่าอย่าเพิ่งกลับไปคืนนี้ หากอยู่ใกล้เขา มันจะอันตรายเกินไป
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าจะตกอยู่ในอันตราย เหตุใดจึงยังคิดใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่ออีกเล่า? เหยื่อล่อน้องสาวเจ้าน่ะสิ ความแตกต่างของการทำเช่นนี้กับความตายคืออะไร?
อวี้ชิงลั่วกำมือแน่น จนแทบจะฉีกผ้าที่ห่อลูกสาลี่ออกเป็นชิ้น ๆ
ซวงซวงรออยู่ที่ประตูโรงเตี๊ยมอยู่พักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นนางเข้ามาก็ทักทายทันทีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “แม่นางอวี้ ท่านกลับมาแล้ว โปรดมอบสาลี่เหล่านี้ให้กับข้าน้อย แล้วข้าน้อยจะนำไปแช่เย็นให้เจ้าค่ะ อีกสักครู่ข้าน้อยจะนำสาลี่เย็นไปให้แม่นางอวี้ที่ห้องของแม่นางเอง”
เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนหน้าผากของซวงซวง นายท่านบอกไว้ว่าหากแม่นางอวี้ออกไปข้างนอกโดยไม่สวมหมวก นางอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
แม้เซวียเล่อจะบอกว่าแม่นางอวี้เพิ่งออกไปซื้อสาลี่สองสามลูกนอกโรงเตี๊ยม และจะกลับมาในไม่ช้า
แต่นางก็ยังกังวลอยู่ ทว่าตอนนี้อวี้ชิงลั่วกลับมาแล้ว นางจึงค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อวี้ชิงลั่วไม่มีความคิดอื่นใด ส่งลูกสาลี่ในมือให้ซวงซวง แล้วรีบกลับไปที่ห้องของนาง
ซวงซวงรู้ว่านางยังคงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ จึงไม่ถามอะไรอีก และถือลูกสาลี่ไปขอก้อนน้ำแข็งจากเถ้าแก่
ทันทีที่อวี้ชิงลั่วเข้าไปในประตู นางก็หยิบกระดาษจดหมายออกมาอย่างระมัดระวัง และอ่านอีกครั้ง ยิ่งอ่านมากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกแย่มากเท่านั้น นางเสียใจที่ไม่ได้กลับไปก่อนหน้านี้ หากนางอยู่เคียงข้างเย่ซิวตู๋ นางก็จะยังสามารถห้ามเขาได้เมื่อเขาตัดสินใจอย่างน่าผิดหวังเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วรู้สึกปวดหัวมากขึ้น นางใส่จดหมายพร้อมกับซองจดหมายลงในกระถางธูป หลังจากนั้นไม่นาน มันก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
โชคดีที่ซวงซวงจุดธูปหอมในห้องของนาง กลิ่นไหม้จึงถูกกลบทันที
เมื่อซวงซวงเข้ามา สีหน้าของอวี้ชิงลั่วก็กลับมาเป็นปกติ
หลังจากกัดกินสาลี่เย็นแล้ว ความรู้สึกเย็นสดชื่นก็กระจายไปทั่วทั้งปาก ทำให้นางตื่นตัวขึ้นทันที
นางตัวสั่นขณะที่ซวงซวงกำลังดูอยู่ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แม่นางรู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ? สาลี่ที่แม่นางเลือกมานั้นดีมาก ลูกใหญ่ เนื้อฉ่ำนุ่ม เหมาะสำหรับทำสาลี่เย็น มันสดชื่นและกรุบกรอบยิ่งนักเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วคลี่ยิ้ม แล้วกัดไปอีกสองคำ ก่อนพยักหน้าพูดว่า “ฝีมือเจ้าก็ดีมากเช่นกัน”
ซวงซวงหัวเราะ นางทำความสะอาดโต๊ะ ก่อนหยิบถาดเดินจากไป
อวี้ชิงลั่วกินอีกสองสามคำ เมื่อรู้สึกอิ่มก็ย้ายเก้าอี้มานั่งริมหน้าต่าง เท้าคาง… นั่งรับลม
เดิมทีนางกังวลว่าเย่ซิวตู๋จะพบบาดแผลที่แขนของนาง แต่ตอนนี้นางไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว
แต่มีเรื่องบางอย่างที่เจ็บปวดยิ่งกว่าเกิดขึ้น ซึ่งทำให้นางปวดหัวมากกว่าเดิม
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ และรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว
กระถางธูปที่ซวงซวงนำมาให้มีประโยชน์จริง ๆ หลังจากที่อวี้ชิงลั่วนั่งข้างหน้าต่างสักพัก นางก็เกือบจะผล็อยหลับไป
หลังจากนั้นไม่นานนางก็รู้สึกตัวว่าง่วงมาก และตรงไปที่เตียง
ข้างนอกยังมีเสียงอยู่บ้าง แต่อวี้ชิงลั่วนอนหลับสนิท
จนกระทั่งตอนค่ำ นางถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงเคาะประตู
ซวงซวงเข้ามาพร้อมกับน้ำสำหรับให้นางล้างหน้า
อวี้ชิงลั่วยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ซวงซวง เจ้าไม่ใช่สาวใช้ของข้า เจ้าไม่ต้องรับใช้ข้าหรอก เจ้าแค่ต้องปรนนิบัติเจ้านายของเจ้าให้ดี”
ซวงซวงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยรอยยิ้ม “มันเป็นคำสั่งของนายท่านเจ้าค่ะ การดูแลแม่นางอวี้เป็นหน้าที่ของข้าน้อย ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ช่างมันเถิด แค่ใช้น้ำนี้ล้างหน้า ถ้าซ่างกวนจิ่นให้นางทำเช่นนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่เช่นนั้น หากสุดท้ายซวงซวงต้องถูกซ่างกวนจิ่นตำหนิ ก็จะถือว่าเป็นความผิดของนางเอง
หลังจากเช็ดหน้าแล้ว อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกสดชื่น
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง อวี้ชิงลั่วมองสาวใช้ แล้วถามว่า “ซ่างกวนจิ่นอยู่ที่ใด?”
ซวงซวงขมวดคิ้ว นางยังคงไม่พอใจเมื่อได้ยินคนอื่นเรียกเจ้านายของนางด้วยชื่อจริง
แต่ดูเหมือนว่านายท่านจะชอบให้แม่นางอวี้เรียกเขาเช่นนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็พูดอะไรมากไม่ได้
“นายท่านกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง และเพิ่งรับประทานอาหารเย็นไปเจ้าค่ะ” ซวงซวงตอบ “นายท่านบอกว่าหากแม่นางต้องการกินอะไรตอนกลางคืน ก็แค่บอกพวกข้าน้อย หากแม่นางอารมณ์ไม่ดีก็สามารถพักผ่อนในห้องต่อได้ หากมีอะไรก็เพียงแค่เรียกข้าน้อยได้เสมอเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “ข้ายังเหนื่อยนิดหน่อย เจ้าไปที่ครัวเพื่อทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้ข้าสดชื่นขึ้นก็ได้ หลังจากกินข้าวแล้ว ข้าจะได้นอนแต่หัวค่ำ”
“เจ้าค่ะ” ซวงซวงออกไปแล้ว แต่อวี้ชิงลั่วมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีเชือกอยู่ในห้อง
หลังอาหารเย็น อวี้ชิงลั่วนอนอยู่บนเตียงอยู่นาน นางเอากระถางธูปในห้องออกไปแล้ว ของในนั้นมีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลายและสะกดจิต ถ้านางได้กลิ่นมันมากเกินไป นางจะต้องหลับไปอีกครั้งแน่
จนถึงกลางดึกที่ไม่มีแม้แต่เสียงบนถนน
จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็มัดชุดของนางให้แน่นขึ้น เมื่อรู้สึกว่ากลับมาเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวขึ้นแล้ว นางก็เปิดหน้าต่าง
ด้านล่างของห้องนางคือถนน อวี้ชิงลั่วโหนเชือกที่ผูกไว้กับขอบหน้าต่าง และโรยตัวลงมาจากหน้าต่างเสียงดัง ‘ฟึ่บ’
หลังจากเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็น นางก็เขย่าเชือกเพื่อดึงลงมา แล้วพับทบเพื่อคล้องไว้รอบเอว
วินาทีต่อมา แผ่นหลังบาง ๆ ของนางก็หายไปที่มุมถนน มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่อย่างรวดเร็ว
…………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แอบหนีไปตอนกลางดึกเพราะท่านอ๋องแท้ๆ ว่าแต่จะไม่มีใครดักโจมตีกลางทางเหรอ
ไหหม่า(海馬)