อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 838 เย่ซิวตู๋อยู่ที่ใด
ตอนที่ 838 เย่ซิวตู๋อยู่ที่ใด
ตอนที่ 838 เย่ซิวตู๋อยู่ที่ใด
อวี้ชิงลั่วก้าวไปที่ประตูคฤหาสน์ช้า ๆ และหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
เมื่อมองขึ้นไปที่ประตูตรงหน้า นางก็ก้าวเข้าไปเคาะประตูเบา ๆ
ไม่นานเสียงทุ้มก็ดังมาจากข้างใน “มาแล้ว มาแล้ว ดึกดื่นป่านนี้ เป็นใครมาหากัน?”
อวี้ชิงลั่วไม่ตอบ เมื่อประตูเปิดออก ดวงตาของคนเฝ้าประตูก็เบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นนาง และพูดด้วยความประหลาดใจว่า “แม่ แม่นางถัง… มาได้อย่างไร? ท่านไม่ได้หายตัว? หายตัวไปไม่ใช่หรือขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วยิ้ม “ข้าต้องการพบผู้อาวุโสสกุลเยว่ เขาอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่?”
“โอ้ อยู่ ๆๆ ท่านผู้อาวุโสเพิ่งกลับมาที่คฤหาสน์ได้ไม่นาน ท่านจึงน่าจะยังไม่ได้พักผ่อนขอรับ”
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจเบา ๆ พยักหน้าและก้าวเข้าไปในประตู
คนเฝ้าประตูรู้จักนาง และรู้ว่าผู้อาวุโสให้ความสำคัญกับนางมาก และอนุญาตให้นางเข้าออกจากคฤหาสน์ได้ตามใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ห้ามนางเมื่อนางเข้ามา
หลังจากที่อวี้ชิงลั่วเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ นางก็หน้าไปกระซิบกับคนเฝ้าประตูว่า “อย่าบอกใครเรื่องที่เจ้าเจอข้าคืนนี้ เข้าใจหรือไม่?”
คนเฝ้าประตูตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้จะสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ แม่นางถัง ไม่ต้องกังวล”
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็หันหลังเดินตรงไปยังเรือนที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่อาศัยอยู่
องครักษ์ที่อยู่นอกลานก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นนาง จึงรีบไปรายงาน
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ประหลาดใจมาก และถามด้วยความไม่แน่ใจ หลังจากอยู่ในห้องมาระยะหนึ่งว่า “เจ้าหมายถึงแม่นางถังหรือ? แม่นางถัง หมอปีศาจที่รักษาหรงเอ๋อร์หรือ?”
องครักษ์พยักหน้า “เป็นนางเองขอรับ ตอนนี้นางรออยู่ข้างนอก นางดูกระวนกระวายเล็กน้อยขอรับ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วรีบออกไปต้อนรับนาง เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขาทันที
“แม่นางถัง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวแล้ว เจ้าหายไปหลายวัน แต่เจ้าทำให้หลายคนเป็นห่วงมาก”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตื่นเต้นมากที่ได้พบนาง เขามองนางอยู่ครู่หนึ่งท่ามกลางแสงจันทร์สลัว และเห็นว่าแม้นางจะแต่งตัวแปลก ๆ แต่นางก็ดูปลอดภัยดี น้ำหนักของนางก็ไม่น่าจะลดลง เขาจึงรู้สึกโล่งใจไปชั่วขณะ
“แม่นางถัง วันนั้นเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ใครลักพาตัวเจ้าไป เจ้า…”
“ผู้อาวุโสสกุลเยว่ เรื่องมันยาวมาก ไว้วันหลังข้าจะเล่าให้ท่านฟังนะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าอยากเจอเย่ซิวตู๋ ท่านสามารถพาข้าเข้าไปในคฤหาสน์ประจำเผ่าได้หรือไม่” อวี้ชิงลั่วไม่สนใจมากนัก และขัดจังหวะคำถามของเขา
นางรู้ว่าหนานหนานและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ในคฤหาสน์ประจำเผ่า แต่คฤหาสน์ประจำเผ่ามีกำแพงสูงและการป้องกันที่แน่นหนา นางจึงไม่สามารถเข้าไปเองได้ นับประสาอะไรกับการใช้วิธีลอบเข้าไป ดังนั้นนางจึงต้องมาหาผู้อาวุโสสกุลเยว่ก่อน
ผู้อาวุโสสกุลเยว่อึ้งงันไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังและสง่างามของนาง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ และได้แต่พยักหน้าพูดว่า “ตกลง ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น”
อันที่จริงเขาเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ประจำเผ่า และนอนไม่หลับเพราะข่าวใหญ่ที่กำลังเป็นกระแส
ตอนนี้อวี้ชิงลั่วกำลังจะไปที่นั่น เขาอาจจะเข้าใจบางสิ่งได้ชัดเจนขึ้น
ผู้อาวุโสสกุลเยว่สั่งให้คนเตรียมรถม้าทันที แต่อวี้ชิงลั่วโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ขี่ม้าไปเร็วกว่า”
รถม้ามีเสียงดัง และตกเป็นเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองนางอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาคิดว่านางเป็นหมอปีศาจ และเดิมทีน่าจะสตรีที่เคยท่องยุทธภพมาก่อน ทักษะการขี่ม้าของนางจึงน่าจะดี ดังนั้นเขาจึงตอบตกลง
ทันใดนั้นก็มีคนนำม้าสองตัวมารออยู่นอกประตู
เขาเตรียมใจแล้วเดินตามออกไปที่ประตู
เมื่อเดินออกไปนอกประตูพร้อมกับอวี้ชิงลั่วที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังก้าวเข้าไปถามว่า “แม่นางถังจะไปหาท่านอ๋องซิวเพราะ… เรื่องที่เขาจะสืบทอดตำแหน่งประมุขใช่หรือไม่?”
คืนนี้ท่านประมุขเรียกพวกเขาไปที่คฤหาสน์ประจำเผ่าอย่างเร่งด่วน เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
สิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปและกะทันหันเกินไป นอกจากผู้อาวุโสสกุลหมิงที่หมดสติและผู้อาวุโสสกุลลี่ที่เป็นกบฏ พวกเขาทั้งสี่คนต่างก็ตกตะลึงกับข่าวที่กะทันหัน และพวกเขายังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานาน
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จู่ ๆ ท่านประมุขก็ประกาศสละตำแหน่งกะทันหัน แล้วจะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร?
อีกทั้งเย่ซิวตู๋ยังเป็นองค์ชายแห่งอาณาจักรเฟิงชางด้วย และพวกเขารู้อยู่ในใจว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางก็ให้ความสำคัญกับเขาเช่นกัน
แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะมีปานรูปดอกไม้บนร่างกายของเขาก็ตาม หากเขาต้องการสืบทอดตำแหน่งประมุข เขาก็ต้องหารือกับฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางก่อน
แต่ท่านประมุขได้ตัดสินใจแล้ว และเย่ซิวตู๋ก็ดูเหมือนจะไม่คัดค้านใด ๆ พวกเขาคุยกันอยู่นาน และข้อสรุปของเรื่องนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้ จะมีการประกาศในวันพรุ่งนี้เช้า
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าเบา ๆ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่เข้าใจแผนการของเย่ซิวตู๋ แต่นางเข้าใจดี สิ่งที่นางกังวลไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เป็น… ความปลอดภัยของเย่ซิวตู๋
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่นางถังได้ข่าวนี้มาจากที่ใด? ข่าวนี้… แพร่กระจายเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”
ท่านประมุขกล่าวว่ามีข่าวนี้เป็นที่รู้กันในกลุ่มผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม่นางถังหายตัวไปพักหนึ่ง แม้แต่เย่ซิวตู๋ก็ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหน ทว่าแม่นางถังได้เบาะแสมาจากที่ใด?
อวี้ชิงลั่วไม่สามารถอธิบายคำตอบของคำถามนี้ได้อย่างชัดเจน เย่ซิวตู๋ไม่ได้บอกคนอื่นว่านางพ้นขีดอันตรายแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตอบว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะเจ้าคะ เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือไปที่คฤหาสน์ประจำเผ่าก่อน เจ้าค่ะ” นางพูดแล้วก็ขึ้นม้าอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยักหน้า แล้วกระโดดขึ้นหลังม้า
ม้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่แข็งแกร่งยิ่งนัก เสียงกีบเท้าของมันเบามาก ใช้เวลาไม่นานพวกมันก็พามาถึงหน้าคฤหาสน์ประจำเผ่า
องครักษ์ที่ประตูเห็นเขากลับไปกลับมาก็ผงะไปครู่หนึ่ง และรีบก้าวเข้ามาคำนับ “ผู้อาวุโสสกุลเยว่”
“อืม ข้ามาหาท่านประมุข” ผู้อาวุโสสกุลเยว่แสดงสัญลักษณ์ของเขา แล้วพาอวี้ชิงลั่วไปที่ประตูคฤหาสน์ประจำเผ่า
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้ชิงลั่วมาที่คฤหาสน์ประจำเผ่า ซึ่งเส้นทางภายในนั้นคดเคี้ยวและซับซ้อน ยิ่งเข้าใกล้โถงจิงจู๋ที่ประมุขอาศัยอยู่ มันก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ยืนอยู่นอกโถงจิงจู๋ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เห็นอาเฟิงที่เป็นผู้อารักขาข้างกายประมุขรีบมาหา เมื่อเขาเห็นอวี้ชิงลั่วก็ผงะไปชั่วขณะ
ทันใดนั้น เขาก็พยักหน้าเบา ๆ และพาพวกเขาเข้าไปข้างใน
ตอนนั้นเองที่อวี้ชิงลั่วตระหนักได้ว่า ทางเข้าโถงจิงจู๋ดูเหมือนจะเป็นค่ายกล
มุมปากของนางอดกระตุกไม่ได้ มาตรการรักษาความปลอดภัยของเหมิงลู่นั้น ซับซ้อนยิ่งกว่าของกว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางเสียอีก
“แม่นางถัง โปรดมาทางนี้ ท่านประมุขกำลังรอท่านอยู่ข้างในแล้วขอรับ” อาเฟิงขวางผู้อาวุโสตระกูลเยว่ไว้
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ค่อยพอใจ เขามาที่นี่กลางดึกอย่างง่ายดายหรืออย่างไร? ให้เข้าไปฟังที่มุมมุมหนึ่งด้วยไม่ได้หรือ?
อาเฟิงไม่แสดงออก และเชิญผู้อาวุโสสกุลเยว่ไปที่ห้องโถงด้านข้าง “ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดขอรับ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่สูดหายใจเข้า ก่อนจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน แล้วพูดว่า “ข้ากำลังจะไปหาเสี่ยวอวี้”
“…” ช่วงนี้ผู้อาวุโสสกุลเยว่กลายเป็นเด็กมากขึ้น อาจเป็นเพราะเขาติดต่อกับเด็ก ๆ เยอะขึ้น สติปัญญาของเขาจึงถดถอยลงเล็กน้อยตามไปด้วย
อาเฟิงไม่มีทางเลือก นอกจากพาเขาไปทางเส้นทางอื่น
สุดท้ายนอกโถงจิงจู๋ก็เหลือเพียงอวี้ชิงลั่วอยู่คนเดียว
นางเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง และเสียงทุ้มของเหมิงลู่ก็ดังมาจากข้างใน
อวี้ชิงลั่วผลักประตูเปิดออกและเข้าไป นางไม่คิดจะอ้อมค้อมแต่อย่างใด ถามตามตรงว่า “เย่ซิวตู๋อยู่ที่ใด?”
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จบงานนี้ต้องมีใครตัวลายพร้อยเลยล่ะท่านอ๋อง
ไหหม่า(海馬)