อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 839 จับตัวสายลับ
ตอนที่ 839 จับตัวสายลับ
ตอนที่ 839 จับตัวสายลับ
เหมิงลู่ถอนหายใจ อวี้ชิงลั่วเข้ามาอย่างผลุนผลันเช่นนั้น เขาเดาก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้านั่งก่อนเถิด ข้าจะคุยกับเจ้าเสียหน่อย”
เขาเดินเข้ามาสองสามก้าว รินชาให้นางด้วยตัวเองแล้วดันไปทางด้านของนาง
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย ยังคงหรี่ตาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าต้องการพบเย่ซิวตู๋”
“เขามีธุระเล็กน้อย อีกเดี๋ยวก็จะกลับมา” เหมิงลู่จนปัญญา กล่าวจบก็เห็นนางหันหลังจะจากไปก็มุ่นคิ้ว เอ่ยปาก “ข้ารู้ เจ้ามาด้วยเรื่องที่เขาต้องรับช่วงต่อการเป็นประมุข”
ฝีเท้าของอวี้ชิงลั่วหยุดลง หันหลังให้เขา มองออกไปยังแสงจันทร์ด้านนอก
“ในเมื่อเย่ซิวตู๋เขียนจดหมายหาเจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้เหตุผลที่เขาทำเช่นนั้นด้วยสิ”
“ข้ารู้ แต่ข้าไม่เห็นด้วย” อวี้ชิงลั่วตอบหนึ่งประโยค จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับมาประจันหน้ากับเขา
ความคิดเช่นนี้ของนาง เหมิงลู่ย่อมรู้ดี
เขาพยักหน้า ยกชุดคลุมแล้วนั่งลงด้านหนึ่ง ค่อยๆ ถอนหายใจแล้วกล่าวเสียงเบา “ข้ารู้ ตอนแรกข้าก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน”
“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดตอนหลังท่านจึงตกลงเล่า การจะจับมือสังหารให้ได้ ก็มีอีกตั้งหลายวิธี”
อวี้ชิงลั่วไม่พอใจเขาเล็กน้อย เดิมทีการที่นางมาที่นี่ เหตุผลเดียวก็คือต้องการตามหาแม่นมเก๋อ แต่สุดท้ายตอนนี้เรื่องราวกลับยิ่งซับซ้อนขึ้น และยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะควบคุมไม่อยู่
นางไม่ได้โง่ ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ข่าวลือมากมายตามท้องถนนก็ล้วนพุ่งเป้ามาที่เหมิงลู่
เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่า ตั้งแต่ต้นนั้น แม้แต่เรื่องการลอบสังหารผู้อาวุโสสกุลหมิง ก็เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามโค่นล้มเหมิงลู่
ส่วนนาง เย่ซิวตู๋ และหนานหนาน ล้วนถูกลากเข้ามาเกี่ยวโดยไม่ตั้งใจ
อีกทั้ง… ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสสกุลหมิงและเย่ซิวตู๋นั้นก็ลึกซึ้งจนเกินไป จะไม่สนใจก็ไม่ได้
เหมิงลู่เงยหน้ามองนางแวบหนึ่ง นั่นสิ เหตุใดเขาจึงต้องตกลง รู้ทั้งรู้ว่าเย่ซิวตู๋จะตกอยู่ในอันตราย เหตุใดจึงต้องตอบตกลงด้วย
มือของเขากำแน่น เป็นเพราะรายชื่อเล่มนั้น ทุกรายชื่อที่อยู่บนนั้นทำให้เลือดของเขาพลุ่งพล่าน ทำให้เขาอยากจะฉีกร่างของมือสังหารออกเป็นชิ้นๆ
เหมิงลู่มองอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปยังขอบเตียง หยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากใต้หมอนแล้วยื่นใส่มือนาง
“เจ้าดูนี่สิ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว งงงวย แต่ก็ยังยื่นมือออกไปรับ พลิกดูสองสามหน้าก็แสดงสีหน้าแปลกใจ
“นี่คือ…” เวลาที่เหล่าเด็กๆ ตายในนี้นั้นค่อนข้างแปลกนัก
เหมิงลู่สูดหายใจลึกๆ จนถึงตอนนี้ เพียงคิดถึงเด็กเหล่านี้ที่ถูกฆ่า เขาก็ยากที่จะสงบใจได้
“เหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่มีปานรูปดอกไม้ ดินแดนเหมิงช่วงยี่สิบปีมานี้ไม่เคยมีปรากฏเลยสักคน กลับถูกเก็บเอาไว้ในนี้ทั้งหมด” ทุกครั้งที่เห็นชื่อที่อยู่บนนั้น เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เด็กที่ถูกทำร้ายเหล่านี้ ล้วนหายไปภายในหนึ่งชั่วยามหลังจากเกิดมา เหตุผลเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของใครบางคน
รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลง เด็กเหล่านี้ล้วนถูกคนฆ่าหมดแล้วหรือ
อวี้ชิงลั่วสามารถอดทนต่อสิ่งอื่นได้มากมาย สามารถปฏิบัติต่อหลายๆ เรื่องได้อย่างเฉยเมย… แต่ทว่านางอดไม่ได้ที่จะต้องมองดูเด็กที่อายุยังน้อยและสดใสนักกลับต้องมาถูกคนฆ่าเช่นนี้
ยากเพียงใดกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้ นางย่อมรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น
แต่ทว่า…
นางกำมือแน่น ในใจเต้นแรงจนแทบจะหายใจไม่ออก
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงปานรูปดอกไม้บนร่างหนานหนาน นางก็ยินดียิ่งนักที่ไม่ได้พบเย่ซิวตู๋และอยู่กับเขามาตั้งแต่แรก
ไม่อย่างนั้น… เกรงว่าหนานหนานจะไม่รอดชีวิต
เช่นนั้นแล้ว เหมิงหลัวอวี้ก็ควรขอบคุณเหมิงเคอ
“แม่นางอวี้ ข้ารู้ว่ายังมีอีกหลายวิธีให้ตามหามือสังหาร แต่นี่คือวิธีที่เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าคนที่บ้าคลั่งผู้นี้จะทำเรื่องอันใดขึ้นมาอีก”
อวี้ชิงลั่วเงียบไป เหตุผลเหล่านี้… นางล้วนเข้าใจ
แต่การเข้าใจก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนจะวางใจให้เย่ซิวตู๋ไปพบกับอันตรายได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ต่อให้เย่ซิวตู๋มีความสามารถมาก แต่อย่างไรก็ยังกลัวจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นอยู่ดี
“แม่นางอวี้ เจ้า… ข้ารู้ว่าเจ้าคงรับไม่ได้ไปสักพัก เจ้า เจ้าไปคิดให้ดีก่อนเถิด” เหมิงลู่เองก็ไม่รู้ว่าจะหว่านล้อมนางอย่างไร
หลายปีมานี้เขาก็พอเข้าใจนิสัยของอวี้ชิงลั่ว ดูจากการที่นางวางยาตนเพราะเรื่องของหนานหนานเมื่อครั้งก่อน นางคือคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วลูบระหว่างคิ้ว จากนั้นก็ถามเสียงต่ำอีกครั้ง “เย่ซิวตู๋อยู่ไหนหรือเจ้าคะ”
“…” เหมิงลู่อดไม่ได้ที่จะมุมปากกระตุก เหตุใดนางจึงยังจำคำถามนี้ได้อยู่เล่า
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “เขาอยู่ที่เรือนเฮ่อหลาน”
อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างมีเลศนัย เมื่อครู่ยังบอกว่าเขามีธุระต้องออกไปข้างนอกอยู่เลยไม่ใช่หรือ
ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหมิงลู่ กระแอมครั้งหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนี
จากนั้นก็ออกจากประตูไป เรียกเอาเฟิงมา “เจ้าพาแม่นางอวี้ไปเรือนเฮ่อหลานเสีย”
อาเฟิงสงสัยเล็กน้อย ท่านประมุขบอกไว้ว่าไม่ให้แม่นางอวี้พบท่านอ๋องซิวไม่ใช่หรือ
ถึงแม้ในใจจะสงสัย แต่เขาก็ยังพาอวี้ชิงลั่วไปพบเย่ซิวตู๋อย่างเชื่อฟัง
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ตรงหน้าเรือนเฮ่อหลาน สูดหายใจเล็กๆ จากนั้นก็กล่าวกับอาเฟิง “เจ้ากลับไปเถิด เดี๋ยวข้าเข้าไปเอง”
“ขอรับ” อาเฟิงรับคำสั่ง จากนั้นก็คำนับแล้วถอยออกไป
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไป
เสิ่นอิงและเหวินเทียนที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นนางก็ตัวแข็งทื่อไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบสนอง รีบเข้ามาต้อนรับ
อวี้ชิงลั่วกลับโบกมือ ให้พวกเขาอยู่ที่เดิมไม่ต้องเดินมา
พวกเขาสบตากัน นึกถึงเรื่องที่นายท่านทำไปวันนี้ ในใจก็พอคิดได้บ้าง รู้สึกว่าอีกเดี๋ยวแม่นางอวี้จะต้องคลุ้มคลั่งเป็นแน่
ทั้งสองคนยืนที่ตำแหน่งเดิมอย่างรู้ความ ไม่มีความคิดอื่นใดทั้งนั้น
อวี้ชิงลั่วเดินมุ่งหน้าไปอีกสองสามก้าว เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเล็กๆ ดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลก็พากันส่งเสียงเสียดสีไปมา
อวี้ชิงลั่วตกใจ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วมอง
ทางด้านนั้นหยุดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อวี้ชิงลั่วมุ่นคิ้ว ยกหูขึ้น
“มาจริงๆ ด้วย หนานหนาน ตอนนี้ทำอย่างไรดี”
อวี้ชิงลั่วอึ้ง น้ำเสียงเช่นนี้น่าจะเป็นเหมิงหลัวอวี้ เบามาก นางได้ยินไม่ชัด ไม่เข้าใจนัก
หนานหนานใจร้อนมาก รีบปิดปากของนาง น้ำเสียงลดลงจนต่ำจนไม่สามารถต่ำได้อีกแล้ว “น้องอวี้ เสียงเจ้าดังเกินไปแล้ว นางจะได้ยินนะ”
เหมิงหลัวอวี้หดคอ เมื่อครู่นางตื่นเต้นจึงควบคุมน้ำเสียงไม่ได้
นางชำเลืองมองหนานหนานอย่างรู้สึกผิด จากก็นั้นก็อ้าปากออกมา แล้วเอ่ยอย่างไร้เสียง “เช่นนั้นตอนนี้… ควรทำอย่างไรเล่า”
“รอให้นางเดินมาก่อนเราค่อยลงมือ” หนานหนานกล่าวเบาๆ “ข้าบอกแล้ว จะต้องจับสายลับในคฤหาสน์ประจำเผ่านี้ให้โดยเร็วที่สุด จะได้ไม่เป็นปัญหาใหญ่เกินไป เจ้าดูสิ ข้าเพิ่งปล่อยข่าวไม่เท่าไร บอกว่าพวกเราได้รับเบาะแสของมือสังหารที่ลอบทำร้ายท่านปู่ทวดแล้ว ในตอนดึกเช่นนี้ จะต้องมีคนมาบุกแน่”
“อืมๆ หนานหนานเจ้าฉลาดจริงๆ” เหมิงหลัวอวี้พยักหน้า “นี่ คนผู้นั้น เหมือนจะเป็นผู้หญิงนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กลายเป็นสายลับไปซะแล้วชิงลั่ว จะแก้ตัวยังไงเนี่ย
ไหหม่า(海馬)