อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 842 ขัดขวาง
ตอนที่ 842 ขัดขวาง
ตอนที่ 842 ขัดขวาง
ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท อวี้ชิงลั่วเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกคนด้านหลังดึงกลับมาอีกครั้ง
นางส่งเสียงไม่พอใจ “ไม่ใช่ว่าอยากให้ข้ากลับไปหาทางด้านซ่างกวนจิ่นหรอกหรือ จะดึงข้ากลับมาทำไมอีก”
ไม่กี่วันยังหึงหวงเพราะเรื่องนี้ จะต้องจำกัดเวลาให้นางกลับมาภายในสองวันอยู่เลย
แต่ดูตอนนี้สิ จะผลักไสให้นางออกไปเสียอย่างนั้น เขาเต็มใจหรือ? ไม่กลัวว่านางจะตามซ่างกวนจิ่นไปและไม่กลับมาอีกหรือ?
เย่ซิวตู๋กอดเอวนาง เกยคางไว้บนไหล่ ริมฝีปากบางแตะที่แก้มของนางแล้วกล่าวเบาๆ “ยังไม่ดึกเลย พักผ่อนเสียก่อนเถิด”
แน่นอนว่าเย่ซิวตู๋ไม่เต็มใจให้นางกลับไป ซ่างกวนจิ่นผู้นั้นร้ายกาจและฉลาดเฉลียว การปล่อยให้ชิงเอ๋อร์อยู่ข้างกายเขาช่างไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเอาเสียเลย
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ข้างกายซ่างกวนจิ่นกลับปลอดภัยที่สุด
ชิงเอ๋อร์อยู่ข้างกายเขา นอกจากจะทำให้เขาคอยจ้องจะเขมือบนางแล้ว แต่อย่างน้อยก็จะไม่เป็นอันตราย และยิ่งไม่มีทางต้องมีปัญหาเพราะเขา และตกเป็นเป้าของคนอื่นอีก
เหตุผลเหล่านี้ อวี้ชิงลั่วย่อมรู้ดี
แต่รู้ก็ส่วนรู้ การจะปฏิบัติต่อกันอย่างมีเหตุผลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง กระนั้นในใจของนางกลับไม่พอใจอย่างมาก
“ข้าจะไปดูหนานหนาน” ตอนนี้นางไม่อยากพบหน้าเย่ซิวตู๋ ไม่อย่างนั้นจะใจร้อนข่วนหน้าเขาเอาได้
เย่ซิวตู๋กลับไม่สนใจ จับมือของนางแล้วพาไปยังห้องของหนานหนาน
เจ้าเด็กนั้นยังไม่นอนตามคาด เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเข้ามา ก็ผลักเย่ซิวตู๋ออกโดยไม่กล่าวอันใดทั้งนั้น จากนั้นก็ปีนป่ายขึ้นไปบนตัวนางอีกครั้ง กอดคอของนางไว้และไม่ยอมลงเป็นอันขาด
“คืนนี้ท่านแม่ไม่ไปแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นนอนกับหนานหนานนะ”
“อืม ไม่ไปแล้ว เรามาคุยกันหน่อย” นางกล่าว จากนั้นก็ปิดประตูอย่างเป็นธรรมชาติ… ปิดกั้นเย่ซิวตู๋เอาไว้ข้างนอก
“…” เย่ซิวตู๋ลูบจมูก ชิงเอ๋อร์ยังคงโกรธเขาอยู่
เอาเถอะๆ รอให้ผ่านเรื่องนี้ไปก่อน เขาค่อยคุยกับชิงเอ๋อร์ดีๆ อีกครั้ง
เขาส่ายหัว หันหลังไปที่โถงจิงจู๋ของเหมิงลู่ มีรายละเอียดบางอย่างที่เขาต้องปรึกษาเหมิงลู่เสียหน่อย
จนกระทั่งเขากลับมาอีกครั้ง ไฟในห้องของหนานหนานก็ดับไปแล้ว
เสิ่นอิงตอบ “ทั้งสองคนดูเหมือนจะคุยกันไปไม่น้อย หลังจากนั้นแม่นางอวี้เห็นว่าเวลาดึกมากแล้วเลยดุหนานหนาน ให้เขาเข้านอน จากนั้นก็เงียบลงไปขอรับ”
เสิ่นอิงได้รับคำสั่งให้ปกป้องหนานหนาน ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมาก เขาย่อมคอยอยู่ใกล้ๆ
เสียงดุของแม่นางอวี้ดังเล็กน้อย ต่อให้เขายืนอยู่ด้านนอกก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
หนานหนานเองก็แปลกเช่นกัน ดูเหมือนจะเกรงกลัวแม่นางอวี้ที่สุดในโลกใบนี้แล้ว
อ้อ ไม่สิ หากว่าตามคำพูดที่หนานหนานใช้ นั่นคือความเคารพ เคารพ…
เย่ซิวตู๋พยักหน้า ไม่ได้กล่าวอันใดมาก หันหลังเดินจากไปและเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน
ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม ท้องฟ้าก็สว่างเต็มที่
ตอนเช้าตรู่ ซวงซวงมาเคาะประตูห้องของอวี้ชิงลั่ว
แต่นางรออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ในห้อง
ซวงซวงรู้สึกแปลกพิกล เมื่อวานแม่นางอวี้หลับตลอดทั้งบ่าย ตอนค่ำก็เข้าพักผ่อนเร็ว เหตุใดถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีการเคลื่อนไหวอีก?
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่กล้าบุกเข้าไปโดยตรง เมื่อครุ่นคิดแล้วก็ทำได้เพียงวิ่งไปที่ห้องของซ่างกวนจิ่นแล้วอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้วในทันใด ลุกขึ้นแล้วไปที่ห้องของอวี้ชิงลั่วด้วยตัวเอง
กลอนประตูถูกลงไว้อย่างแน่นหนา ซ่างกวนจิ่นตะโกนเรียกอยู่ด้านนอกสองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบเลยแม้แต่นิด
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีในทันที ผลักประตูเข้าไปโดยไม่กล่าวอันใด
ในห้องว่างเปล่าไร้คน ถึงขนาดไม่มีร่องรอยของการมีคนอยู่ด้วยซ้ำ
ซ่างกวนจิ่นหายใจถี่ขึ้นมาในทันใด หันหน้ามาทันที กล่าวกับเซวียเล่อที่อยู่ด้านหลัง “ไปตามหาเดี๋ยวนี้”
เซวียเล่ออึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจ รีบตอบรับแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
แต่เขาเพิ่งลงไปข้างล่างได้ไม่ทันไร เซวียเฉิงก็วิ่งเข้ามาหา บนหน้าผากมีเหงื่อผุดซึมเล็กน้อย สีหน้าประหลาดใจอย่างมาก
แต่เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าซ่างกวนจิ่น กลับไม่กล้าหายใจแม้แต่น้อย รีบกล่าว “นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้วขอรับ”
“อวี้ชิงลั่วเป็นอะไรไปหรือ?” ซ่างกวนจิ่นเดินหน้าไปก้าวหนึ่งทันที เอ่ยปากถามโดยไม่คิด
เซวียเฉิงตกใจ ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “แม่ แม่นางอวี้เป็นอะไรหรือขอรับ?”
ซวงซวงที่อยู่ด้านข้างตอบสนองรวดเร็ว เห็นท่าทางก็รู้ว่าเรื่องที่เซวียเฉิงกล่าวนั้นแตกต่างจากที่นายท่านคิดอย่างสิ้นเชิง รีบอธิบายออกมา กล่าว “แม่นางอวี้หายตัวไป เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่อันใดอย่างนั้นหรือ”
เซวียเฉิงได้สติกลับมาในทันทีแล้วพยักหน้า กลืนน้ำลายก่อนจะกล่าว “นายท่าน ตอนนี้มีข่าวน่าประหลาดใจแพร่ไปตามท้องถนนขอรับ”
“ข่าวหรือ เรื่องน่ารำคาญเกี่ยวข้องกับท่านประมุขเหมิงลู่อีกแล้วใช่หรือไม่” ซ่างกวนจิ่นโบกมืออย่างไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ในช่วงเวลานี้ ข่าวลือเกี่ยวกับเหมิงลู่ว่าใจแคบอย่างไร ใช้เล่ห์กลทุกอย่างเพื่อให้บรรลุผล และไม่เหมาะสมจะเป็นประมุขของดินแดนเหมิง เขาได้ยินมาเยอะมาก ไม่มีอารมณ์จะฟังอีกต่อไปแล้วจริงๆ
ตอนนี้ที่เขากังวลและสนใจมากที่สุด ก็คืออวี้ชิงลั่วหายไปไหน
ตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ยังไม่ได้ยินว่านางจะออกไปไหน เหตุใดจึงหายตัวไปแล้วเล่า
อีกอย่างเมื่อครู่ซวงซวงก็ไปแตะผ้าห่มดูก็พบว่าเย็นมาก เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนนอนอยู่ตรงนั้นนานมากแล้ว
เซวียเฉิงกลับส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้า “ขอรับ เกี่ยวกับประมุขเหมิงขอรับ แต่เรื่องในครั้งนี้… ก็ยัง ยังเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องซิวด้วยขอรับ”
เย่ซิวตู๋หรือ? จุดสนใจของซ่างกวนจิ่นเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีข่าวลือตามท้องถนน บอกว่าช่วงนี้ท่านประมุขเหมิงไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ทั้งยังมีข่าวลือมากมายในชนเผ่า คนสองฝ่ายมีความคิดเห็นไม่ตรงกันก่อให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ถึงขนาดมีคนถึงแก่ชีวิตเพราะเรื่องนี้ ประมุขเหมิงไม่อยากเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น รู้สึกปวดใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถหาตัวมือสังหารที่ทำร้ายผู้อาวุโสสกุลหมิงได้ ทำให้ข่าวลือยิ่งโหมกระหน่ำเสียจนไม่สามารถหยุดได้ รู้สึกละอายต่อประชาชนที่รักและปกป้องตน ดังนั้นจึงขอสละตำแหน่งประมุข ส่งต่อให้เย่ซิวตู๋ขอรับ”
รูม่านตาของซ่างกวนจิ่นหดลงทันที “ไร้สาระ เย่ซิวตู๋เป็นท่านอ๋องของอาณาจักรเฟิงชางนะ”
ตอนที่เซวียเฉิงได้ยินข่าวลือนี้ สิ่งที่เขาตอบสนองเป็นอย่างแรกก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“ตอนแรกข้าน้อยก็สงสัย แต่หลังจากนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่กลับติดประกาศที่กระดานติดประกาศด้วยตนเอง จึงมีการยืนยันแล้วขอรับ”
ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้วแน่น นี่จะเป็นไปได้อย่างไร เย่ซิวตู๋จะรับตำแหน่งนี้หรือ?
เดี๋ยวก่อน หรือว่าที่อวี้ชิงลั่วหายตัวไปก็เพราะเรื่องนี้ นางรู้แล้วหรือ?
ซ่างกวนจิ่นเม้มปากแน่น สีหน้ายิ่งดูยากเกินหยั่งถึงขึ้นไปอีก
ในตอนนั้นเอง ก็มีผู้อารักขาคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือฉบับหนึ่ง
“ท่านอ๋อง ทางด้านนั้นมีข่าวมาขอรับ”
ซ่างกวนจิ่นเปิดดูทันที ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่ใหญ่ก็เก็บจดหมาย กล่าวกับผู้อารักขาคนนั้น “เจ้าไปบอกกับทางด้านนั้น เงื่อนไขแรก ข้าสามารถช่วยเขาได้ ส่วนเงื่อนไขที่สองนั้น เป็นไปไม่ได้”
“ขอรับ” ผู้อารักขาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกไป
เซวียเฉิงมองผู้อารักขาคนนั้น จากนั้นก็ลดเสียงแล้วถามเบาๆ “นายท่าน ต่อไปให้พวกเราทำอย่างไรขอรับ”
ซ่างกวนจิ่นยกจดหมายในมือขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าว “ก็ย่อมต้องทำตามเงื่อนไขแรกในจดหมายนี้เสียก่อน เซวียเฉิง เจ้าไปรวมตัวเหล่าผู้พิทักษ์ทมิฬทั้งหมดมารับคำสั่งเสีย”
“ขอรับ” เซวียเฉิงประสานมือคำนับ แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นซ่างกวนจิ่นก็กลับไปที่ห้อง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เรียกผู้อารักขาสองคนมา แล้วก็รีบลงมาชั้นล่าง ออกไปทางประตูหลังของโรงเตี๊ยม
แต่เมื่อพวกเขาเพิ่งจะไปถึงประตู ก็มีคนสองคนยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเบาๆ “ท่านอุปราชร่วมมือกับเรื่องนี้ด้วยหรือ เหมิงพั่วตกลงจะให้ผลประโยชน์อันใดกับท่านกัน?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หรือว่าอุปราชคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องวุ่นวายนี่?
ไหหม่า(海馬)