อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 844 รู้มาตั้งแต่ต้น
ตอนที่ 844 รู้มาตั้งแต่ต้น
ตอนที่ 844 รู้มาตั้งแต่ต้น
ซวงซวงและหงเย่สบตากัน จากนั้นก็พากันมองไปยังประตูที่ปิดอยู่
หงเย่อยากจะเข้าไป แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควร
ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น ก็มีเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของอุปราชดังมาจากในห้อง “อวี้ชิงลั่ว เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก”
“เกินไปตรงไหนกัน?” น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วดูเกียจคร้าน นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไขว่ห้างแล้วจิบชา “ท่านอ๋องบาดเจ็บอยู่ ข้าก็เพียงหวังดีต่อท่านอ๋อง จึงไม่ให้ท่านออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก”
“แต่ว่า… ข้าต้อง…”
เขาบอกว่าต้องเข้าห้องน้ำ นางกลับไม่อนุญาต บอกว่าหลังฉากกั้นมีทั้งถังอุจจาระ ถังปัสสาวะ แก้ปัญหาได้ง่ายนิดเดียว
ซ่างกวนจิ่นไม่เคยพบหญิงที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน คำพูดเช่นนี้นางกล้ากล่าวออกมาได้อย่างไร ต่อให้ท่องโลกมานานแล้ว แต่คนในโลกนี้ก็ควรจะหน้าแดงเสียหน่อย และไม่กล้ากล่าวออกมาจึงจะถูก
เหตุใดนางจึง…
แล้วนี่ กล่าวเสร็จแล้วยังไม่ไปอีก
เหตุใดจึงไม่ไป จะดูเขาเข้าห้องน้ำหรือไร?
ซ่างกวนจิ่นเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนอย่างอวี้ชิงลั่ว เรื่องแบบนี้กลับเป็นชายชาตรีสถานะสูงส่งอย่างเขาที่ต้องหน้าแดงเสียเอง
อวี้ชิงลั่วไม่มองสีหน้าดุร้ายของเขา เข้าห้องน้ำอะไรกัน ให้นางใช้หัวแม่เท้าคิดยังเดาออกเลยว่าเขาจะออกไปทำสิ่งใด
อย่างไรหน้าที่ของนางก็คือหยุดเขา ไม่ให้เขาทำเรื่องใดๆ ได้ทั้งนั้น
ซ่างกวนจิ่นหรี่ตา มองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่งอย่างลึกซึ้ง
ในตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงซวงซวงดังเข้ามา “นายท่าน เซวียเฉิงขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
ซ่างกวนจิ่นคิด น่าจะเป็นเรื่องที่คำสั่งของเขาถูกถ่ายทอดลงไปแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป
เพียงแต่… เขามองอวี้ชิงลั่ว เห็นนางยังคงสงบอย่างมาก ท่าทางราวกับไม่ยอมให้ขยับแม้แต่น้อย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
ครู่ใหญ่ก็ค่อยกล่าวกับทางด้านนอก “เข้ามา”
เซวียเฉิงเข้าประตูมาแล้วเห็นอวี้ชิงลั่ว สีหน้าก็ไม่ได้ดูแปลกใจ
เมื่อครู่ซวงซวงแอบบอกเขาไว้แล้ว ในใจเขาก็พอคิดออก ประกบมือทันทีแล้วกล่าว “นายท่าน อาณาจักรจิงเหลยมีเรื่องด่วนต้องรายงานขอรับ”
เขากล่าวแล้วมองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นไม่รู้สิ่งใดทั้งนั้น ถึงขนาดหลับตาลงครึ่งหนึ่ง ขยับศีรษะเล็กน้อย
ซ่างกวนจิ่นคิดหนัก ชะงักไป สุดท้ายก็ทนไม่ไหว น้ำเสียงดูหนักแน่นขึ้นมา “อวี้ชิงลั่ว เจ้าออกไปเสียก่อนเถิด”
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ หลังจากนั้นก็วางถ้วยลงบนโต๊ะ พยักหน้าแล้วกล่าว “เจ้าค่ะ”
นางตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้น ซึ่งทำให้ซ่างกวนจิ่นแปลกใจเล็กน้อย
เขามองอย่างแปลกใจ ขณะที่อวี้ชิงลั่วลุกขึ้น เปิดประตูออกไปด้านนอก คุยกับหงเย่สองสามคำ จากนั้นก็กลับห้องของตน
หญิงผู้นี้เหตุใดจึงแปลกประหลาดเช่นนี้ ตอนแรกไม่ยอมให้ตนออกจากห้องอย่างเด็ดขาด จับตาดูเขาเสียแม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำก็ยังไม่ได้
ตอนนี้เซวียเฉิงเข้ามาพูดประโยคเดียว นางกลับออกไปทันทีอย่างรู้ความ
ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้วแน่น อวี้ชิงลั่วผู้นี้ เขาไม่เข้าใจนางเลยจริงๆ
เดิมทีได้ยินนางเอ่ยชื่อเหมิงพั่ว เขาก็คิดว่านางรู้อะไรบางอย่างมา เหตุใดตอนนี้…
ท่าทางของนางช่างเหมือนหมอปีศาจในข่าวลือเสียจริง อารมณ์แปรปรวนและแปลกประหลาดยิ่งนัก
ทว่าซ่างกวนจิ่นมัวแต่คิดมากไม่ได้ เซวียเฉิงเดินหน้ามารายงานแล้ว “นายท่าน ผู้พิทักษ์ทมิฬถูกจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่มีคนมาบอกว่าสถานการณ์ค่อนข้างร้ายแรง พิธีเข้ารับตำแหน่งจะเริ่มในวันพรุ่งนี้แล้ว พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้วขอรับ”
“อืม” ซ่างกวนจิ่นใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ในใจมีแผนการที่คิดไว้อยู่มากมาย
เซวียเฉิงถามอีกครั้ง “นายท่าน ตอนนี้เรายังไปอยู่หรือไม่ขอรับ”
“ในเมื่อตกลงไปแล้ว ก็ย่อมต้องไป ไปกันเถิด” ซ่างกวนจิ่นสูดหายใจลึกๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
ด้านนอกมีซวงซวงยืนเฝ้าอยู่คนเดียว ซ่างกวนจิ่นมองนาง “แม่นางอวี้กลับห้องไปแล้วหรือ?”
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
“ไม่เห็นนางออกมาใช่หรือไม่”
“หลังจากแม่นางอวี้และหงเย่เข้าไปแล้ว ประตูห้องก็ปิดอยู่ตลอด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เจ้าค่ะ”
ซ่างกวนจิ่นพยักหน้า เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้วก็ขมวดคิ้ว สั่งซวงซวงเอาไว้ “เจ้าคอยดูอยู่ที่นี่ หากแม่นางอวี้มา ก็บอกว่าอาณาจักรจิงเหลยมีเรื่อง ข้าจัดการอยู่ด้านใน รอให้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วจะไปหานาง สรุปก็คือ เจ้าหาวิธีขวางนางไว้ อย่าให้นางเข้าประตูไป”
ซวงซวงคิด งานนี้หนักหนาเหลือเกิน
นายท่านทำให้แม่นางอวี้ติดนิสัยเข้าออกห้องของนายท่านได้ทุกที่ทุกเวลาไปแล้ว นางเป็นเพียงสาวใช้คนเดียว จะขวางนางไว้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แต่ในเมื่อนายท่านกล่าวออกมาเช่นนี้ เรื่องอื่นๆ ก็ทำได้เพียงให้นางคิดหาวิธี
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
จากนั้นซ่างกวนจิ่นก็กวักมือ พาเซวียเฉิงและผู้อารักขาอีกสองคนออกประตูไป
เพียงแต่การกระทำนั้น… เบาหวิวราวกับว่าเป็นขโมย
เซวียเฉิงเห็นเช่นนั้นก็กระตุกมุมปาก เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าเจ้านายของพวกเขาที่ฉลาดและเก่งกาจมาตลอด ดูเหมือนจะกลัวแม่นางอวี้เล็กน้อยกันนะ?
กลุ่มคนออกประตูหลังไปอีกครั้ง จากนั้น… ก็มองเห็นคนสองคนอีกครั้ง
นิ้วของซ่างกวนจิ่นบีบแน่น นางมารอตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะออกมา “ท่านอุปราชฟังสิ่งที่หมออย่างข้ากล่าวแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรืออย่างไร ข้าบอกแล้วว่าห้ามออกไปข้างนอก ท่านอ๋องกลับหันหลังแล้วจากไปหรือ?”
ทั้งยังออกมาแบบไม่ทิ้งร่องรอยด้วย
“ข้าจะไปจัดการธุระของอาณาจักรจิ้งเหลย ถึงแม้ร่างกายจะบาดเจ็บ แต่มันจะรอช้าไม่ได้แล้ว” ซ่างกวนจิ่นตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย อีกอย่าง จริงๆ แล้วแผลบนตัวของเขาก็ดีขึ้นแล้วด้วย
“อ้อ ไปจัดการเรื่องด่วนของอาณาจักรจิงเหลย หรือว่าเรื่องที่ต้องไปรวมตัวกับเหมิงพั่วกันเล่า?” ในเมื่อการพูดอ้อมๆ ใช้ไม่ได้ผล อวี้ชิงลั่วก็คร้านจะพูดมากเช่นกัน จึงกล่าวอย่างเปิดเผยออกมาตรงๆ
แน่นอนว่าคิ้วของซ่างกวนจิ่นกระตุกในทันที “เจ้าพูดไร้สาระอันใดกัน? เหตุใดต้องเอ่ยชื่อเหมิงพั่วออกมาด้วย ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร เหมิงพั่วเป็นคนที่ลักพาตัวเจ้าไปในตอนแรก และเป็นคนที่ทำให้ข้าบาดเจ็บหนัก คนชั่วช้าต่ำต้อยเช่นนั้น ข้าแทบอดใจฟันเขาไม่ไหว แล้วจะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาได้อย่างไร?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มออกมา “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องพูดมากเช่นนี้ก็ได้”
“อวี้ชิงลั่ว เจ้ากลับไปครั้งนี้ เย่ซิวตู๋บอกอะไรกับเจ้ามาใช่หรือไม่? ให้เจ้ามองข้าเช่นนี้ ทั้งยังสงสัยข้าอีก” ซ่างกวนจิ่นทนมองนางยิ้มเช่นนั้นไม่ได้ ยิ้มจนเขารู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว ราวกับว่าเขาทำเรื่องผิดกฎฟ้าดินอย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้… เขาจะทำเรื่องบางอย่างไปจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ถึงขั้นผิดกฎฟ้าดิน เห็นนางยิ้มเช่นนั้นก็รู้สึกเหมือนมองคนได้ทะลุปรุโปร่ง
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องลากเขามายุ่งด้วย ข้าไม่ได้กล่าวสิ่งใดกับข้าทั้งนั้น”
นางหยุดไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวเบาๆ “ข้ารู้ด้วยตัวเองว่าท่านอุปราชมีความคิดอื่น ข้ารู้มาตั้งแต่ต้น ท่านเป็นพวกเดียวกันกับเหมิงพั่ว”
“เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ตั้งแต่ตอนที่ท่านอ๋องปรากฏตัวที่บ้านห่างไกลแล้วช่วยข้าออกมา ข้าก็รู้ได้เลย… เหมิงพั่วจับตัวข้าบอกว่าจะนำตัวไปส่งให้คนอื่น คนผู้นั้นก็คือท่าน ท่านอุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลย ซ่างกวนจิ่น”
รูม่านตาของซ่างกวนจิ่นหดตัวลงในทันที จ้องมองนาง สูดหายใจลึก
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แก้ตัวยังไงดีล่ะอุปราช ความจริงก็คือแผนแตกนานแล้วงี้?
ไหหม่า(海馬)