อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 850 เจ้าควรขอบคุณข้า
ตอนที่ 850 เจ้าควรขอบคุณข้า
ตอนที่ 850 เจ้าควรขอบคุณข้า
การเคลื่อนไหวนี้กะทันหันเกินไป แม้เผิงอิงจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ก็ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาโซเซไปด้านข้างเล็กน้อยจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นทันที มองไปยังซ่างกวนจิ่น “ท่าน…”
“เจ้าวางใจเถิด ในเมื่อข้ารับปากแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในดินแดนเหมิง ข้าก็จะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ต้องบอกอะไรกับเจ้าเสียหน่อย ไม่ต้องประหม่าถึงเพียงนั้น”
สีหน้าของซ่างกวนจิ่นเปลี่ยนไปอีกครั้ง ดูอ่อนโยนลง
เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าอวี้ชิงลั่ว ก็จะเป็นเช่นนี้เสมอ
เซวียเฉิงเห็นดังนั้น ก็ถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเงียบๆ
เผิงอิงยังไม่วางใจ หลังจากยืนขึ้นจากพื้นได้ก็เข้ามาใกล้ทางด้านอวี้ชิงลั่วอีก
“แม่นางอวี้ จะไว้ใจไม่ได้นะขอรับ”
ซ่างกวนจิ่นแค่นหัวเราะ ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง คิดจะลงมืออีก
อวี้ชิงลั่วรีบกล่าวเพื่อหยุดเขา “เผิงอิง เจ้าถอยไปก่อน วางใจเถิด ท่านอุปราชไม่ทำอะไรข้าหรอก”
“นั่นสิ ในร่างข้ายังมีพิษของเจ้าอยู่เลย” ซ่างกวนจิ่นตอบอย่างเหน็บแนม
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ สีหน้าของเขาก็ดูดุร้ายมากขึ้น
อวี้ชิงลั่วหันหน้ามาเงียบๆ จะว่าไปแล้วก็ยังรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
เผิงอิงมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็ถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่วางใจนัก
เพียงแต่แววตายังคงจับจ้องอยู่ที่ซ่างกวนจิ่น ราวกับว่าหากเขามีการเคลื่อนไหวอันใดที่ไม่ดีเกิดขึ้นก็จะลงมือโจมตีทันที
ถึงแม้จะรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่างกวนจิ่น แต่การปกป้องอวี้ชิงลั่วและหงเย่เป็นหน้าที่ของเขา
ในตรอกนั้นเงียบมาก อวี้ชิงลั่วมองไปยังหงเย่ที่ลมหายใจเริ่มคงที่ ชักมือที่เปื้อนเลือดกลับมา
ซ่างกวนจิ่นเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าจากตัวแล้วยื่นให้นาง “เช็ดเสีย”
“…” มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างรุนแรง ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แห้งผาก ไม่มีน้ำเลยสักนิด เช็ดไปจะมีประโยชน์อันใด
เพียงแต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของซ่างกวนจิ่น นางก็เช็ดมือพอเป็นพิธี
เมื่อเห็นว่าสีจางลงเล็กน้อยแล้ว ในที่สุดซ่างกวนจิ่นก็ถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง
ถามว่า “เจ้าชอบอะไรในตัวเย่ซิวตู๋กันแน่? อำนาจ ตำแหน่ง สถานะ เขามี ข้าก็มีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังเป็นเพียงท่านอ๋องคนหนึ่ง ข้อจำกัดทางสถานะของเขาก็ไม่ใช่เล็กน้อย ข้าให้เจ้าได้มากกว่า หรือว่าเป็นเพราะเจ้ามีลูกให้เขาอย่างนั้นหรือ?”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าคำถามของเขานั้นช่าง… งี่เง่าจริงๆ
“เช่นนั้นท่านอ๋อง ท่านชอบอะไรในตัวข้ากัน ข้าไม่ใช่หญิงสาวสูงส่งจากครอบครัวมีเกียรติ จะเรียกว่าเป็นหญิงสาวสูงส่งยังไม่ได้ แน่นอนว่าข้าน่ะงดงามพอตัว ทั้งยังเป็นหมอปีศาจ มีความสามารถและฉลาดอยู่บ้าง แต่ข้อดีเหล่านี้ สตรีคนอื่นก็มีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว ทั้งยังมีบุตรชายที่โตเพียงนั้นแล้วด้วย”
ซ่างกวนจิ่นอึ้งไป ในใจคิดว่าเหตุใดนางยังไม่ลืมที่จะชื่นชมตนเองในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
เขาขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ส่งเสียงพึมพำ กล่าวเบาๆ “ข้าเอง… ก็ไม่รู้เช่นกัน”
กระทั่งว่าเขาชอบนางตั้งแต่ตอนไหน ก็ยังไม่รู้เลย
รู้สึกเพียงว่าทุกครั้งที่พบกัน ความปรารถนาในใจก็แข็งกล้าขึ้น ไม่เคยคิดเลยว่านางมีลูกหรือไม่
คิดดูแล้ว ต่อให้มีแล้วอย่างไร มันสำคัญอย่างไร เพียงเขาไม่สนใจก็จบแล้ว
ขอเพียงแย่งนางมาได้ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม เมื่อเป็นสตรีของเขาแล้วก็ค่อยว่ากัน
แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ยังโลภมากอีก ได้ตัวคนมาก็ยังไม่พอ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นนางปกป้องเย่ซิวตู๋ถึงเพียงนั้น เขาก็รู้สึกหึงหวงเป็นอย่างมาก และต้องการหัวใจดวงนั้นของนาง ทั้งหมดในหัวใจที่คิดถึงแต่เขาเพียงคนเดียว เป็นห่วงเขาคนเดียว ยอมทุ่มเทเพื่อเขาเพียงคนเดียว
แต่ยิ่งโลภมากเท่าไร สิ่งที่กลัวก็มีมากขึ้นเท่านั้น
หลายครั้งที่เขาเองก็รู้สึกว่าการกลัวและประหม่าเช่นนี้ไม่ดีนัก เปลี่ยนไปจนไม่มีความโหดเหี้ยมและเด็ดขาดที่อุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยควรมีเลย
เพียงแต่มีบางสิ่ง ที่ไม่ว่าเขาจะควบคุมตนเองได้เก่งเพียงใด ก็ไม่สามารถควบคุมได้
อวี้ชิงลั่วเห็นเขาเงียบไป ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ กล่าวเสียงต่ำ “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าชอบเย่ซิวตู๋ที่ตรงไหน”
ริมฝีปากของซ่างกวนจิ่นเม้มแน่น มองอวี้ชิงลั่วแล้วส่งเสียงฮึดฮัด “ขนาดเจ้าเองก็ยังไม่รู้ แม้แต่จะปกป้องเจ้าเขาก็ยังทำไม่ได้ มีอะไรให้ชอบกัน”
“เขาปกป้องข้าไม่ได้ตรงไหนกัน” อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาอย่างดุดัน
“วันนี้หากไม่ได้ข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดชีวิตจากเงื้อมมือของเหมิงพั่วได้หรือ อย่าฝันไปหน่อยเลย” ซ่างกวนจิ่นจ้องมองนางอย่างเย้ยหยัน
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าไม่เข้าใจคนผู้นี้จริงๆ ก่อนหน้านี้พูดคุยยังใช้น้ำเสียงนุ่มนวล ทำท่าทางเศร้าเสียใจอย่างมาก ต่อมากลับเริ่มบ้าคลั่ง เหน็บแนมเสียเหมือนว่าอยากจะเหยียบนางให้จมดิน
นางจ้องมองซ่างกวนจิ่นกลับอย่างดุดัน กล่าวขึ้น “แต่ก็เห็นแล้วนี่ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่”
กล่าวราวกับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเย่ซิวตู๋ หากไม่ใช่เพราะเขาร่วมมือกับเหมิงพั่ว นางจะต้องมารั้งเขาอยู่ที่นี่หรือ
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ก็เป็นความผิดของเขาเองนั่นแหละ
ซ่างกวนจิ่นสำลักด้วยความโกรธ “เช่นนั้นเจ้าก็ควรขอบคุณข้า” หญิงผู้นี้ผิดปกติอันใดหรือ จำเป็นต้องปกป้องเขาขนาดนั้นเลยหรือไร นางไม่รู้หรือว่าตนนั้นเกือบจะตายไปแล้ว
“ขอบคุณ” อวี้ชิงลั่วทำเหมือนคล้อยตาม
เซวียเฉิงและเผิงอิงทั้งสองคนที่ห่างไปไม่ไกลกระตุกมุมปาก เหตุใดพอฟังไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกเหมือนว่าทั้งสองคนเริ่มโต้เถียงกันแล้วเล่า
ซ่างกวนจิ่นโกรธนางมาก สะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วตะโกนบอกเซวียเฉิงและคนอื่นๆ “ไปกัน”
เซวียเฉิงรีบหันหน้าแล้วเดินตามไป “นายท่าน จะไปไหนหรือขอรับ”
“ที่ดินแดนเหมิงไม่มีธุระอะไรของข้าแล้ว ย่อมต้องกลับอาณาจักรจิงเหลย” ซ่างกวนจิ่นกล่าวแล้วหันหน้ามาอีกครั้ง มองอวี้ชิงลั่วอย่างลึกซึ้ง
อวี้ชิงลั่วตะลึงไปครู่หนึ่ง กลับอาณาจักรจิงเหลยหรือ? เขากลับไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?
ไม่เพียงแค่นาง เซวียเฉิงและคนอื่นๆ ก็ประหลาดใจ นายท่านตัดสินใจจะยอมแพ้จริงๆ หรือ?
มองด้านหลังของซ่างกวนจิ่นเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกครั้ง เซวียเฉิงก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา
หลังจากร่างของเขาลับตาไป ก็ถอนหายใจเบาๆ เดินกลับมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่วแล้วกล่าวเสียงต่ำ “แม่นางอวี้ นายท่านรับปากท่านแล้ว ย่อมทำให้ได้ ตอนนี้เหมิงพั่วตายไปแล้ว แม่นางอวี้ ยาแก้พิษของนายท่าน…”
“พิษของเขาหายแล้ว ยาที่ข้าให้เขาตอนนั้นเดิมทีก็เป็นยาแก้พิษ” ในโลกนี้จะมียาแก้พิษ บรรเทาพิษมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร?
หลังจากนางหยุดไม่ให้เขาพูดคำเหล่านั้นแล้ว ก็เลือกที่จะเชื่อเขา นำยาแก้พิษให้เขา
เซวียเฉิงตะลึง ความปีติยินดีฉายในแววตา รีบพยักหน้าให้อวี้ชิงลั่ว “แม่นางอวี้ ขอบคุณมาก”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก นี่ก็ผิดปกติเช่นกัน ยังจะมาขอบคุณนางอีก
นางส่ายหน้า ขณะเซวียเฉิงแทบรอไม่ไหวที่จะเดินตามเข้าไป
แต่เมื่อเขาเพิ่งเดินมาถึงข้างกายซ่างกวนจิ่น ก็พบว่าร่างของเขาโซเซไปมาผิดปกติ
เซวียเฉิงตกใจ รีบเดินหน้าไปสองก้าว
“นายท่าน…”
ซ่างกวนจิ่นหายใจเข้าลึกๆ เดินหน้าไปสองสามก้าว สุดท้ายก็ไปหยุดกะทันหันเมื่อถึงบันได กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ไปตามหมอหลวงมา”
ทันทีที่กล่าวจบ ในหัวของเขาก็ว่างเปล่า คนทั้งคนหมดสติไปในทันใด
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่าทางของอุปราชนี่มันอาการของคนที่พยายามคว้าฟางเส้นสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้ชัดๆ
ไหหม่า(海馬)