อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 851 ถูกอสนีบาตจนขาดท่อน
ตอนที่ 851 ถูกอสนีบาตจนขาดท่อน
ตอนที่ 851 ถูกอสนีบาตจนขาดท่อน
เซวียเฉิงตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
รีบออกไปตามตัวอวี้ชิงลั่วโดยไม่คิดแม้แต่น้อย แต่ด้านนอกกลับไม่มีร่างของนางอยู่แล้ว
เขาสบถอย่างดุร้าย คิดถึงคำกล่าวก่อนหมดสติของนายท่านแล้วก็รีบไปยังโรงเตี๊ยมเดิมที่หมอหลวงหลูพักอยู่
โชคดีที่หมอหลวงหลูบอกว่าไม่ได้ป่วยร้ายแรงอันใด เพียงแต่… ก่อนหน้าถูกพิษ หลังจากนั้นก็ถูกเหมิงพั่วทำร้ายบาดเจ็บอีก
โรงเตี๊ยมตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้งทันที ซวงซวง เซวียเฉิง และคนอื่นๆ ต่างก็ทำงานกันอย่างหนัก
และเพราะการต่อสู้กันอย่างนองเลือดที่ประตูหลัง ทำให้เจ้าของ พนักงาน รวมไปถึงแขกในโรงเตี๊ยมต่างก็พากันหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยกลัวว่าจะถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้นไม่ว่าต้องการจะทำอะไรก็ต้องทำเอาเอง ลำบากหน่อย
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ อวี้ชิงลั่วไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากนางเห็นซ่างกวนจิ่นเข้าไปแล้ว ก็รีบให้เผิงอิงพาหงเย่กลับไปก่อน
เดิมทีเผิงอิงมาที่นี่ด้วยรถม้า แต่ตอนนี้ได้อุ้มหงเย่ไว้ในอ้อมแขนแล้วรีบกลับไปโดยไม่กล่าวอันใดทั้งนั้น
พวกเขาสองสามคนไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ประจำเผ่า แต่ไปที่โรงเตี๊ยมที่อวี้ชิงลั่วพักอยู่ก่อนหน้านี้
หงเย่ยังคงหมดสติ ถึงแม้อวี้ชิงลั่วจะรักษาอาการบาดเจ็บของนางแล้ว แต่ก็ยังเป็นกังวลอย่างมาก
แต่ในใจของนางยังกังวลทางด้านเย่ซิวตู๋ จึงวางใจไม่ได้ อยากจะไปดูที่คฤหาสน์ประจำเผ่าเสียหน่อย
ดังนั้นจึงอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พัวพันกันอุตลุดอย่างมาก
เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงตอนค่ำ ทางด้านเย่ซิวตู๋ก็ยังไม่มีการส่งข่าวใดๆ มา
อวี้ชิงลั่วเริ่มนั่งไม่ติดที่ หลังจากกินข้าวไปเล็กน้อยก็สั่งเผิงอิงว่า “เจ้าคอยดูหงเย่อยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูที่คฤหาสน์ประจำเผ่าเสียหน่อย”
“ไม่ได้ขอรับ” เผิงอิงขมวดคิ้ว “แม่นางอวี้ นายท่านสั่งข้าน้อยไว้ ว่าต้องปกป้องแม่นางอวี้ให้ดี ห้ามปล่อยแม่นางอวี้ไว้คนเดียวเด็ดขาด แม่นางอวี้จะไปที่ใด ข้าน้อยก็ต้องตามไปด้วยขอรับ”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ มองไปยังหงเย่ที่นอนอยู่บนเตียง ถามเบาๆ “เช่นนั้นเจ้าจะทิ้งหงเย่ได้หรือ?”
เผิงอิงย่อมทำไม่ลง ด้วยกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนาง ถึงตอนนั้นหงเย่ฟื้นขึ้นมาแล้วต้องการสิ่งใด ไม่มีใครอยู่ข้างกายจะไม่ดี
เขาเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน
“เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลนางเสีย ข้ามีแผนของข้า อีกอย่าง เหมิงพั่วก็ตายไปแล้ว ซ่างกวนจิ่นก็ไม่เป็นภัยแล้ว เจ้ายังกังวลอะไรอีก”
“แต่ว่า…”
อวี้ชิงลั่วโบกมือ ไม่ให้เขาพูดมากกว่านี้ “หากเจ้ายังมัววอแวเช่นนี้ ระวังข้าจะวางยาเจ้า ถึงตอนนั้นข้าก็จะไปอยู่ดี”
จากนั้นเผิงอิงจึงหุบปากอย่างเชื่อฟัง เขารู้ว่าอวี้ชิงลั่วพูดจริงทำจริง เรื่องแบบนี้นางก็ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก
ในตอนนั้นจึงทำได้เพียงถอนหายใจ พยักหน้า ยอมให้อวี้ชิงลั่วออกไปตามลำพัง
ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว อวี้ชิงลั่วสวมหมวกขุนนางเดินไปตามถนน แต่รู้สึกว่ามันเงียบและอ้างว้างเล็กน้อย
ท้องถนนที่ปกติจะคึกคัก ตอนนี้กลับไม่มีเสียงแม้แต่น้อย คนที่เดินสัญจรไปมาต่างก็เดินอย่างรีบเร่ง
ดูท่า แม้แต่คนที่ปกติแล้วไม่สนใจในเรื่องภายนอก ก็รู้ดีว่าตอนนี้บรรยากาศในเมืองเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วหารถม้าธรรมดาคันหนึ่ง ขณะกำลังจะขึ้นรถ ก็มีคนตรงเข้ามาอย่างรีบเร่งจากข้างหน้า
นางเพ่งมอง และพบว่าเป็นขอทานน้อยเจียงเอ๋อร์นั่นเอง
เมื่อเห็นนาง เจียงเอ๋อร์ก็มีแววตาเป็นประกาย รีบวิ่งเข้ามาหา
คนขับรถด้านข้างก็เห็นเขา กลัวว่าเขาจะมาชนแขกของตน ก็รีบจะไปขวางไว้
แต่อวี้ชิงลั่วโบกมือ กวักมือเรียกเจียงเอ๋อร์เข้ามา
“แม่นางอวี้”
อวี้ชิงลั่วยิ้มออกมา “ข้าใส่หมวกมา เจ้าก็จำข้าได้หรือ”
เจียงเอ๋อร์ลูบหัวแล้วหัวเราะออกมา “แม่นางอวี้มีรังสีพิเศษอยู่ ได้เจอกันหลายครั้งก็จำได้แล้วขอรับ”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ดูเหมือนเขามีไหวพริบและเข้าใจพูดมากกว่าเดิม
ก็จริง หากจะอยู่รอดในตลาดนี้ ก็จะต้องยืดหยุ่นหน่อยจึงจะดี ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังเป็นสายลับของเหมิงลู่อีกด้วย
“แม่นางอวี้ ท่านจะไปคฤหาสน์ประจำเผ่าหรือขอรับ”
“อืม” อวี้ชิงลั่วขึ้นรถม้า และพาเขาขึ้นมาด้วย
เพียงเจียงเอ๋อร์นั่งลง ก็พูดเบาๆ ข้างๆ นาง “แต่ตอนนี้เข้าไปที่คฤหาสน์ประจำเผ่าไม่ได้ขอรับ”
อวี้ชิงลั่วหันหน้ามาอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น”
เจียงเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ ก่อนหน้านี้ข้าไปดูมาแล้ว ก็พบว่าทั้งคฤหาสน์ประจำเผ่ามีการคุ้มกันแน่นหนา ด้านนอกมีผู้อารักขา ไม่เพียงแต่คฤหาสน์ประจำเผ่า แต่ยังมีจวนของเหล่าผู้อาวุโส ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันขอรับ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว สงสัยว่าเหมิงลู่และเย่ซิวตู๋คิดจะทำสิ่งใดกันอยู่กันแน่
ในเมื่อจะล่องูออกจากรู เช่นนั้นก็ไม่ควรป้องกันแน่นหนาเช่นนั้น
ขณะคิด จู่ๆ บนหัวก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นกึกก้อง
เจียงเอ๋อร์ตกใจมาก แทบจะปิดหูแล้วไปซ่อนตัว
ต่อจากนั้นฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมา ตามด้วยเสียงคำรามกึกก้อง ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดไปหมด
คนขับรถหลบไม่ทัน ทำให้ศีรษะและใบหน้าของเขาเปียกชุ่ม รีบหันหน้ามากล่าว “แม่นาง ฝนตกหนักเกินไปแล้ว ไปหลบเสียก่อนเถิด”
เจียงเอ๋อร์เองก็กล่าว “เดี๋ยวไม่นานฝนก็คงหยุดขอรับ หากเดินทางในสภาพอากาศเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้ม้าตกใจขอรับ”
“อืม” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองไปด้านนอกก็ร้อนรนใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า ให้คนขับรถรีบนำรถไปหลบฝนที่ใต้ชายคาบ้าน
สุดท้ายแล้วฝนก็เป็นดังเช่นที่เจียงเอ๋อร์กล่าว ไม่นานนักก็หยุดลง
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจโล่งอก ให้คนขับออกเดินทางต่อ
ใครจะรู้ว่าเมื่อคนขับรถม้าขึ้นไปนั่ง ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมากลุ่มหนึ่งก็เดินมาจากระยะไกล
ในมือของหัวหน้าผู้นั้นถือฆ้องและไม้ตี เคาะเป็นเสียง ‘ก๊องๆๆ’ ดังลั่น
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดกัน แม่นาง เรารอเสียหน่อยเถิด รอพวกเขาไปแล้วเราค่อยไป” คนขับเป็นคนซื่อสัตย์และขี้กลัว เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็คิดจะถอย
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า มองไปยังทหารกลุ่มนั้นแล้วขมวดคิ้วแน่น ในใจยิ่งเป็นกังวล
แน่นอนว่าต่อจากนั้นก็ได้ยินหัวหน้าทหารตีฆ้อง กล่าวเสียงดัง “ท่านประมุขเหมิงลู่ทำผิดกฎธรรมชาติ ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ฆ่าผู้อาวุโสสกุลหมิงผู้มีบารมี กักขังผู้อาวุโสสกุลลี่ที่กล้าหาญและภักดี สวรรค์ย่อมไม่ปล่อยไป”
“วันนี้ที่จวน อาชญากรรมของเขาถูกเปิดโปง แม้แต่สวรรค์ยังไม่อนุญาตให้เขาอยู่ในโลกนี้ สุดท้ายก็ถูกอสนีบาตจนขาดท่อนและตายอย่างโหดร้าย”
อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้างในทันใด ฟ้าผ่าหรือ
นางรีบสบตากับเจียงเอ๋อร์ ยังไม่ทันได้ครุ่นคิด เสียงฆ้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เย่ซิวตู๋ ท่านอ๋องแห่งอาณาจักรเฟิงชาง และเหมิงลู่สมรู้ร่วมคิดกันทำเรื่องชั่วช้า ฆ่าญาติของตนเองได้ ไร้ปรานีและอกตัญญู จะต้องถูกลงโทษ ไม่สมควรได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุข ผู้อาวุโสสกุลเยว่และผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเองก็ช่วยทรราช ตอนนี้ล้วนถูกขังคุก”
รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลงทันใด ดวงตาแทบถลนออกมา
“ด้วยการตัดสินใจของผู้อาวุโสสกุลลี่ ผู้อาวุโสสกุลปู้ และผู้อาวุโสสกุลเซิง จึงตัดสินให้เหมิงจื้อเฉิง บุตรชายของผู้อาวุโสสกุลหมิงรับตำแหน่งประมุขชั่วคราว จนถึงวันที่มีการเลือกผู้มีคุณธรรมอีกครั้ง เพื่อกอบกู้ดินแดนเหมิงของเรา”
อวี้ชิงลั่วมือสั่นขึ้นมา เหตุใด… เรื่องราวจึงมาถึงขั้นนี้ได้?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ้า เกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่เป็นแผนของท่านอ๋องหรือเปล่า หรือว่ามีใครมาซ้อนแผน?
ไหหม่า(海馬)