อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 852 ดูไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ 852 ดูไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ 852 ดูไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วไม่กล้ารอช้า รีบกล่าวกับคนขับ “ไปคฤหาสน์ประจำเผ่า”
คนขับผู้นั้นเริ่มลำบากใจขึ้นมา กล่าวอย่างระมัดระวัง “แม่นาง เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้ว ตอนนี้ทางด้านนั้น… ไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก พวกเรา…”
“ข้าให้เจ้าไปก็ไปสิ เร็วหน่อย” น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วทุ้มต่ำขึ้นมาในทันใด
เย่ซิวตู๋ถูกจับหรือ? ไม่…เป็นไปไม่ได้ เย่ซิวตู๋จะถูกจับง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร
อีกอย่าง ถูกอสนีบาตจนขาดท่อนอะไรกัน ช่างน่าขำเกินไปแล้ว
ต่อให้เมื่อครู่ได้ยินเสียงฟ้าร้องหนักหน่อย แต่กับคนอย่างเหมิงลู่นั้น จะหลบไม่ได้เชียวหรือ
ทั้งหมดนี้ เกรงว่าจะเป็นแผนการของคนอื่น การถูกฟ้าผ่านั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
นางเพียงแต่กลัวว่าพวกเหมิงลู่จะถูกลอบสองหาร
เพียงนึกถึงเรื่องนี้ อวี้ชิงลั่วก็ยิ่งเป็นกังวล น้ำเสียงเย็นชาขึ้นอีก “รีบไป”
คนขับผู้นั้นผงะไป ตัวสั่น หวาดกลัวนางขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนี้เขาไม่กล้ากล่าวอันใดทั้งสิ้น รีบขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ประจำเผ่า
ระหว่างทางก็ได้พบทหารอีกกลุ่มหนึ่ง ถือฆ้องและกล่าวคำพูดเดียวกัน
ถึงแม้ตามข้างถนนจะมีคนน้อย แต่ถึงแม้จะอยู่ในบ้านของตนเอง ก็ล้วนได้ยินคำเหล่านี้
มีคนไม่น้อยที่เปิดประตูแล้วชะโงกหน้าออกมาดูด้านนอก สีหน้าประหลาดใจและหวาดกลัว แต่ไม่มีใครกล้าออกมาถามให้กระจ่าง
อวี้ชิงลั่วบีบนิ้วแน่น หวังเพียงว่ารถม้าจะมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วที่มากขึ้น มากขึ้นอีกหน่อย
แต่ทว่ารถม้ากลับจอดลงเมื่ออยู่ห่างจากคฤหาสน์ประจำเผ่าไปสองสามร้อยหมี่ สีหน้าของคนขับซีดลงทันที รีบเปิดม่านแล้วกล่าว “แม่นาง ด้านนอกคฤหาสน์ประจำเผ่าล้วนเต็มไปด้วยผู้อารักขาอยู่กันเต็มไปหมด หากเราไปกันเช่นนี้จะต้องถูกจับเป็นแน่”
คนขับเองก็เข้าใจดีว่าในเมืองหลวงนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
ถึงแม้เมื่อครู่จะได้ยินเรื่องเช่นนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ
เขาเข้าใจดี ว่าคฤหาสน์ประจำเผ่าในตอนนี้เป็นสถานที่ที่เกิดเหตุ
คนขับขลาดกลัว ไม่กล้าตรงไปข้างหน้าอีก กล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “แม่นาง ข้าไม่เอาเงินท่านแล้ว ข้าไปไม่ได้แล้วจริงๆ การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ทำไม่ได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วเห็นเขาเป็นเช่นนั้น จากนั้นก็มองไปยังผู้อารักขารอบๆ คฤหาสน์ประจำเผ่าที่อยู่ไม่ไกล คิ้วก็เลิกขึ้น
เจียงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ จับมือนางอย่างระมัดระวัง กล่าวเสียงต่ำ “ท่านน้าชิง ทำอย่างไรดีขอรับ”
“ลงจากรถเสียก่อน” นางเองก็ไม่ทำให้คนขับลำบากใจ ในเมื่อไม่กล้าเข้าไป ก็ปล่อยเขากลับไปเสีย
นางกล่าวจบก็พาเจียงเอ๋อร์กระโดดลงจากรถม้า คนขับไม่กล่าวอันใดทั้งนั้น หันหัวรถม้ากลับหลังแล้ววิ่งออกไปอย่างแทบทนไม่ไหว ไม่เห็นแม้แต่มือของอวี้ชิงลั่วที่ยื่นค่ารถให้
เจียงอ๋อร์มองแล้วก็หัวเราะคิกคัก “ขี้ขลาดจัง…”
เขากล่าวจบ ทันใดนั้นก็หยุดชะงักเงยหน้ามองอวี้ชิงลั่ว และเห็นว่านางขมวดคิ้วด้วยความกังวล ราวกับว่าไม่ได้ฟังที่เขากล่าวเลยแม้แต่น้อย
เจียงเอ๋อร์เองก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเช่นกัน เขาเป็นคนฉลาด สองสามวันมานี้ที่ได้อยู่กับท่านประมุขแห่งดินแดนเหมิง ก็พอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นคนเช่นไร
เสียงฆ้องตามถนนนั้น เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนต้องการหาอำนาจและช่วงชิงบัลลังก์
ท้องฟ้าในดินแดนเหมิงนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ถอยก่อน” อวี้ชิงลั่วเงียบไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นก็ดึงเจียงเอ๋อร์มาหลบอยู่ใต้ร่มไม้ด้านข้าง
เจียงเอ๋อร์อึ้ง ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ก็เห็นว่าไม่ไกลนักมีชายคนหนึ่งกำลังพูดคุยกับเหล่าผู้อารักขาเหล่านั้นอยู่ ดูท่าแล้วสถานะน่าจะสูงส่ง
อวี้ชิงลั่วกลับตกใจอย่างมาก นางรู้จักคนผู้นั้น นางเคยพบเขาที่จวนผู้อาวุโสสกุลหมิง เช่นนั้นก็แปลว่า…เป็นศัตรู
เช่นนั้นแล้ว คนที่อยู่ด้านนอกนี้ก็เป็นศัตรูเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วแน่นขึ้น ดังนั้นพวกเหมิงลู่และเย่ซิวตู๋ ตอนนี้ก็ล้วนแต่ติดอยู่ในคฤหาสน์ประจำเผ่า อยู่ในกับดักเสียแล้วหรือ?
ข่าวที่ว่าเหมิงลู่ตายแล้วที่ได้ยินข้างถนน เป็นเรื่องจริงหรือไม่กันแน่?
ตอนนี้อวี้ชิงลั่วกังวลมาก เกรงว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ก้มลงนำขวดกระเบื้องเคลือบออกมา เทแมงป่องตัวน้อยที่อยู่ข้างในออก
เจียงเอ๋อร์เฝ้าดูการกระทำของนางอยู่ข้างๆ งุนงงเล็กน้อย “ท่านน้าชิง…”
“ตอนนี้เรารอฟังข่าวอยู่ที่นี่ก่อน” อวี้ชิงลั่วสูดหายใจลึกๆ ตอนนี้เรื่องยังไม่กระจ่าง นางเองก็ยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัดนัก ตรวจสอบเสียก่อนค่อยว่ากัน
ถึงแม้ตอนนี้ในใจจะกังวลจนอยากจะกางปีกบินเข้าไปเอามากๆ ก็ตาม
อวี้ชิงลั่วเองก็พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อควบคุมอารมณ์นั้น ให้ตนใจเย็นลง ไม่หุนหันพลันแล่น
เจียงเอ๋อร์ทำได้เพียงพยักหน้า แต่ในใจกลับกังวลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ
ผู้อารักขาทางด้านนั้นสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อครู่จู่ๆ ฝนก็ตกหนัก ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัวจึงเปียกโชกกันไป ถึงแม้ตอนนี้จะมีเสื้อกันฝน แต่ด้านในก็ดูเหมือนจะไม่ได้เปลี่ยน แต่ถึงจะไม่สบายตัวอย่างมากก็ยังคงยืนเฝ้าอยู่เช่นเดิม ไม่มีใครขยับแม้แต่น้อย
ดูท่าแล้ว สถานการณ์น่าจะร้ายแรงหนักกว่าเดิม
ทั้งยังมีคนที่มาคุยด้วยเมื่อครู่อีก ท่าทางดูหยิ่งยโสและมั่นใจ เห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจลึกๆ กำลังคิดหาทางหนีทีไล่
เจียงเอ๋อร์เม้มปาก จ้องมองแมงป่องที่กำลังคลานไปข้างหน้าเขม็งพลางเอียงคอ
เสี่ยวไป๋เหอคลานไปมา เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็หายไปจากสายตาของอวี้ชิงลั่วและเจียงเอ๋อร์
มันตัวเล็ก ทั้งยังยืดหยุ่น สามารถแทรกเข้าไปในรอยแตกเล็กๆ เหล่านั้นได้อย่างชำนาญ
ผู้อารักขาที่เฝ้าประตูอยู่เหล่านั้นย่อมไม่มีใครมองเห็นมัน และไม่มีใครสนใจมันอีกด้วย
ดังนั้น เมื่อเสี่ยวไป๋เหอปรากฏตัวในคฤหาสน์ประจำเผ่า มันก็เดินกรีดกรายอย่างมาก
การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็ว ส่ายหางไปมา จากนั้นก็มุ่งหน้าไปทางด้านขวาอย่างมั่นใจ
ทางนั้นเป็นทิศทางของโถงจิงจู๋ ด้านนอกของโถงจิงจู๋นั้นล้วนมีคนมากมายล้อมอยู่
แน่นอนว่าผู้รับผิดชอบก็คือผู้อาวุโสสกุลลี่ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาก่อนหน้านี้
เขายืนอยู่ตรงก้อนหินด้านนอก สายตามองประตูใหญ่อย่างเย็นชา สีหน้าบูดบึ้ง “เหมิงลู่ ถึงยามหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เจ้ายังจะซ่อนอยู่ข้างในทำไมอีก”
“เพียงค่ายกลของเจ้า คิดว่าจะขวางไว้ได้ตลอดไปหรือ”
“ต่อให้พวกข้าเข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าก็อย่าคิดจะออกมาเลย ตอนนี้ที่นี่มีพลธนูล้อมอยู่ เพียงพวกเจ้าออกมา ก็จะถูกยิงราวกับอยู่ในรังแตนเป็นแน่”
“ข้าแนะนำให้เจ้าออกมาอย่างเชื่อฟังเถิด ทั้งคฤหาสน์ของเจ้าจะได้ไม่ต้องทนทรมานกัน”
“แต่ก็ไม่เป็นไร ข่าวเรื่องเจ้าถูกฟ้าผ่าได้แพร่กระจายออกไปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน เราก็จะได้ประมุขคนใหม่แล้วล่ะ ถึงตอนนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะไม่มีใครจำเจ้าได้อีก”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสสกุลลี่นั้นดูเย็นชาอยู่เสมอ เขาพูดอยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบอันใด ในใจก็เริ่มโกรธ
แต่เขาทลายค่ายกลนี้ไปไม่ได้ เมื่อครู่นี้มีสองสามคนที่เข้าไปในค่ายกลนั้น สุดท้ายก็ตายอย่างน่าอนาถ
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะด่าว่ารุนแรงเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
ส่วนด้านในโถงจิงจู๋ในตอนนี้ กลับมีคนมากมายยืนอยู่
เย่ซิวตู๋นั่งอยู่ตรงกลาง ค่อยๆ ดื่มชา ดูไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องต้องมีแผนสำรองอะไรไว้แน่ๆ ถึงได้ดูใจเย็นขนาดนี้ นี่กำลังล่อปลาตัวใหญ่ออกมาสินะ
ไหหม่า(海馬)