อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 854 หนานหนานไร้กำลัง
ตอนที่ 854 หนานหนานไร้กำลัง
ตอนที่ 854 หนานหนานไร้กำลัง
จู่ๆ คนในห้องก็หันมาทางเขา และเห็นหนานหนานถือแมงป่องตัวหนึ่งอยู่ในมือ ค่อยๆ วิ่งไปตรงหน้าเย่ซิวตู๋
“ท่านพ่อ นี่เป็นข้อความที่ท่านแม่ส่งมา ท่านแม่บอกว่าทุกอย่างปลอดภัยดี แต่เป็นห่วงอย่างมากว่าทางด้านเราจะนี้มีอันตราย ท่านแม่อยากเข้ามาแต่เข้าไม่ได้ ร้อนรนใจมากขอรับ”
“…” ทุกคนในห้องล้วนจ้องเขม็งไปยังแมงป่องที่อยู่ในมือเขา กระตุกมุมปาก
เจ้าแมงป่องนั้นพูดไม่ได้ บนร่างกายก็ไม่มีข้อความใดๆ หนานหนานอ่านข้อความเหล่านี้ได้จากตรงไหนกัน
เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกไป แมงป่องตัวนั้นคลานจากมือของหนานหนานไปสู่มือของเขาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเย่ซิวตู๋อ่อนโยนลงในทันที ผงสีเขียวติดอยู่ด้านหลังของแมงป่อง ตอนนี้เป็นช่วงเย็นแล้ว เห็นได้ชัดว่าทางด้านชิงเอ๋อร์นั้นราบรื่นดีทุกอย่าง
เขาแอบโล่งใจอยู่บ้าง ซ่างกวนจิ่นผู้นั้นถึงแม้จะน่าชิงชัง แต่ในใจกลับเหมือนกันกับเขา ไม่มีทางทำอะไรชิงเอ๋อร์เป็นแน่
เสี่ยวไป๋เหอส่ายหางอยู่บนฝ่ามือของเขา ทุกคนเองก็มองอย่างประหลาดใจ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เย่ซิวตู๋ก็ส่งเสี่ยวไป๋เหอให้หนานหนานอีกครั้ง กล่าวเบาๆ “ส่งข้อความกลับให้แม่เจ้า บอกว่าทางด้านเราปลอดภัยดีทุกอย่าง นางจะได้ไม่ต้องกังวล”
“ขอรับ” หนานหนานรับแมงป่องและจากไปอย่างตื่นเต้น
แววตาของทุกคนมองออกไปอีกครั้ง อยากจะรู้จริงๆ ว่าพวกเขาทำให้แมงป่องที่พูดไม่ได้นั้นรายงานความปลอดภัยได้อย่างไร
แต่หนานหนานซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง หันหลังให้พวกเขาพลางกระดกก้น ไม่รู้กำลังทำอันใดอยู่
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าแมงป่องก็ส่ายหางแล้วจากไป
เย่ซิวตู๋มองเจ้าแมงป่องจากไปไกล แววตาก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคมมากขึ้น
เขาเงยหน้า เดินออกจากโถงจิงจู๋ มองออกไปยังผู้อาวุโสสกุลลี่และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกห่างออกไปหลายสิบหมี่ที่อยากจะเข้ามาแต่ก็กลัวค่ายกล จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
เพียงผู้อาวุโสสกุลลี่เห็นเขา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีทันที ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เย่ซิวตู๋ ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้วหรือ? ว่าอย่างไร ไม่หดหัวอยู่ในกระดองแล้วหรือ?”
เพียงเขาโบกมือ ด้านนอกของโถงจิงจู๋ก็เต็มไปด้วยนักธนูในทันที พากันเล็งศรมาที่เขา
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว เขาเพียงแค่ดื่มชาอยู่ด้านใน และพูดคุยกับเหมิงลู่และคนอื่นๆ ครู่เดียวเท่านั้น แต่เพียงอีกฝ่ายเอ่ยปาก เขาก็กลายเป็นเต่าหดหัวเสียแล้วหรือ?
หนานหนานอยู่ในห้องก็ย่อมได้ยินเช่นกัน
ทันทีที่เขาวางแมงป่องลงบนพื้น เด็กน้อยก็มายืนอยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋ มือน้อยๆ ที่ชี้ไปทางผู้อาวุโสสกุลลี่สั่นไหว “เจ้าสิเต่าหัวหด พวกเจ้าทุกคนล้วนหดหัวอยู่ในกระดอง พวกเจ้าน่ะอยู่ในกำมือของข้า คนอย่างเจ้าที่ต่อสู้เด็กคนหนึ่งยังไม่ได้ ถูกจับก็แล้ว ถูกช่วยออกมาก็แล้ว กลับยังไม่กล้าโผล่หน้ามาแม้แต่น้อย เจ้ายังกล้ามาปากดีอยู่นี่อีกหรือ อ๋อ ไม่สิ นี่เขาเรียกว่าผายลมต่างหาก เหม็นจะตายอยู่แล้ว”
เย่ซิวตู๋ก้มลงเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบหัวเด็กน้อย
หนานหนานเงยหน้ายิ้มให้ท่านพ่อของตน เหมือนกับว่าได้รับพลังอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม “หากเจ้าเก่งจริงก็เข้ามาสิ เข้ามาเลย ข้าจะดูว่าเจ้าจะเข้ามาในนี้ได้หรือไม่ ฮ่าๆๆ คงไม่กล้าล่ะสิ คนขี้ขลาด เจ้านั่นแหละที่ปล่อยให้คนของเจ้าเป็นอันตราย ส่วนตนก็หลบอยู่ด้านหลังแล้วดีแต่พูด”
เขากล่าว จากนั้นก็ตะโกนใส่เหล่าผู้อารักขาข้างกายของผู้อาวุโสสกุลลี่ “พวกเจ้าอย่าถูกเขาหลอกเอาเลย คนอย่างเขาก็เป็นแค่คนขี้ขลาดกลัวตาย หากมีอันตรายใดจะต้องใช้พวกเจ้าเป็นเกราะป้องกันแน่ เจ้านายเช่นนี้อย่าไปติดตามเลย พวกเจ้ามาขอพึ่งท่านพ่อข้าแทนเถิด ท่านพ่อข้าดีกับลูกน้องอย่างมาก พวกเจ้าดูพวกท่านลุงโม่และท่านลุงเหวินของข้าสิ แต่ละคนล้วนอยู่ดีกินดี ดูมีราศี อ้วนท้วนสมบูรณ์ ก็รู้แล้วว่าท่านพ่อของข้ารักใคร่พวกเขาเพียงใด”
“…” เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก ใช้คำว่ารักใคร่คงไม่ค่อยดีกระมัง
“…” โม่เสียนและเหวินเทียนที่อยู่ด้านหลังก็อยากจะหาทางแทรกเข้าไปเช่นกัน พวกเขาอ้วนท้วนสมบูรณ์ตรงไหนกัน เจ้าเด็กนี่ไม่รู้จักใช้คำแล้วยังจะใช้แบบส่งเดชอีก ถึงแม้ว่าจะกินดีอยู่ดีหน่อยจริงๆ ก็เถอะ
“…” ทุกคนเงียบไป เหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกหลอนไปว่าการส่งหนานหนานออกมาก็จะช่วยทำลายขวัญกำลังใจของอีกฝ่ายได้กันนะ
ผู้อาวุโสสกุลลี่ถูกหนานหนานด่าว่าเสียจนใบหน้าขึ้นสีแดง มือและนิ้วสั่นระริก คิดจะเอ่ยปากด่ากลับ
หนานหนานกลับตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาทะเลาะกับเด็กอย่างข้าอีกหรือ? มีหน้ามาโต้เถียงกับข้าด้วยหรือ? ต่อให้ชนะก็ชนะอย่างไม่สมศักดิ์ศรี ก็จะถูกคนเขาเย้ยหยันอยู่ดี”
คำพูดที่มาถึงตรงริมฝีปากของผู้อาวุโสสกุลลี่ถูกกลืนกลับลงไปในทันที จ้องมองหนานหนานอย่างดุร้าย กล่าวเย้ย “ข้าไม่ลดตัวลงไปเถียงกับเด็กอย่างเจ้าหรอก” อย่างไรเขาก็จะไม่มีทางไว้ชีวิตอีกฝ่ายเป็นคนแรกแน่ๆ
ผู้อาวุโสสกุลลี่คิด จากนั้นก็หันไปมองทางด้านเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “เจ้า…”
“แม้แต่กับข้าก็ยังเถียงไม่ชนะหรือ เจ้าไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว แม้แต่คำพูดของเด็กคนเดียวเจ้าก็ยังหักล้างไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อ๋า ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่มั่นใจล่ะสิ ใช่ เจ้าไม่มั่นใจ” หนานหนานตะโกนเสียงดังขัดประโยคทันที
แววตาผู้อาวุโสสกุลลี่วาวโรจน์ขึ้น เจ้าเด็กเวรนี่ อีกเดี๋ยวเมื่อตกอยู่ในน้ำมือเขาก็อย่าร้องแล้วกัน
เย่ซิวตู๋ เหมิงลู่และคนอื่นๆ ล้วนก้มหน้าอมยิ้ม หากผู้อาวุโสสกุลลี่อธิบายตนเองกับเขา ก็ถูกเขาบอกว่าชนะอย่างไม่สมศักดิ์ศรี หากไม่ต่อปากต่อคำกับเขาก็ถูกหาว่าเป็นคนขี้ขลาดไร้ประโยชน์ นี่ช่าง…ลำบากอย่างมากจริงๆ
“เจ้าเด็กบ้า รอเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าเสีย อีกเดี๋ยวข้าจะจัดการกับเจ้าเป็นคนแรก” ผู้อาวุโสสกุลลี่หายใจหอบถี่ ผ่านไปครู่หนึ่งก็กล่าวประโยคนั้นออกมาอย่างดุร้าย
“เจ้ายังขู่ข้าอีกหรือ เจ้าเป็นถึงลูกผู้ชาย มาขู่เด็กห้าขวบ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปเจ้าจะยังมียางอายอยู่อีกหรือ?” หนานหนานตะโกนออกมา “อีกอย่าง พ่อของข้าก็อยู่ตรงนี้ เจ้าไม่บอกว่าจะจัดการพ่อข้า เพียงแต่มุ่งเป้ามาหาเด็กที่ไร้กำลังอย่างข้า เจ้ายังรู้จักอายอยู่หรือไม่ คนอย่างเจ้ามันเป็นพวกชอบรังแกคนตัวเล็ก ทำร้ายคนอ่อนแอ… อ้อ นอกจากนี้ยังกลัวพ่อข้าอีก”
“อวี้ฉิงหนาน วิชาต่อสู้ของเจ้าสูงส่งเช่นนั้น ยังถือว่าเป็นคนไร้กำลังอยู่อีกหรือ”
หนานหนานเอียงคอแล้วกะพริบตา กล่าวอย่างไร้เดียงสามาก “อ้อ ก็จริง อย่างไรข้าก็เคยต่อสู้ชนะเจ้ามาก่อน เช่นนั้นแล้ว เจ้ายังไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าข้าที่ไร้เรี่ยวแรงเสียอีก เจ้าว่าเจ้ามีชีวิตอยู่มาตั้งนานขนาดนี้ เจ้าไม่อายหรือ?”
“เจ้า…”
เหมิงลู่และคนอื่นๆ แอบหัวเราะ อืม คำพูดไร้ยางอายบางอย่าง ดูเหมือนว่าพอเป็นเด็กพูดออกมาแล้ว…จะมีพลังมากกว่า
ผู้อาวุโสสกุลลี่รู้สึกเพียงว่าเขาหายใจไม่ออก อดไม่ได้ที่จะเดินหน้ามาสองสามก้าว
เพียงแต่หลังจากไม่กี่ก้าวนั้นเขาก็หยุดอีกครั้ง ให้ตายเถิด เขาโกรธมากเสียจนลืมค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าไป
เขาหันหน้ากลับมาในทันที แต่ผู้อารักขาที่อยู่ข้างกายของเขานั้น ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจจะหยุดเขา แม้แต่แววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ให้ตายเถิด เจ้าเด็กนั่นถึงแม้จะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและไร้ยางอาย แต่คำพูดที่กล่าวออกมานั้นส่งผลกระทบต่อพวกเขาเหล่านี้จริงๆ
คนเหล่านี้จิตใจไม่แข็งพอ ไอ้พวกไร้ประโยชน์
“พวกเจ้ายังมัวยืนงงทำไมอยู่อีก ยิงธนูเสีย” ผู้อาวุโสสกุลลี่โมโหเพราะความอับอาย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ตรงหน้าก็มีคนคนหนึ่งเดินมา สีหน้าสงบนิ่ง ยกมือขึ้นแล้วกล่าว “ช้าก่อน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สกิลแรพด่าของหนานหนานสุดยอด ได้มาจากแม่สินะ
ใครมาอีกเนี่ย
ไหหม่า(海馬)