อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 856 เปลี่ยนไปในทันที
ตอนที่ 856 เปลี่ยนไปในทันที
ตอนที่ 856 เปลี่ยนไปในทันที
จากนั้นเขาก็เห็นว่าด้านหลังของหญิงผู้นั้น กลับเป็นผู้อารักขาที่ใช้ดาบจ่อคอควบคุมนางเมื่อครู่
เหมิงจื้อเฉิงโกรธมาก “เจ้าทำอะไร?”
หลังผู้อารักขาผู้นั้นช่วยหญิงคนนั้นไว้ได้ก็ผลักนางไปไว้ด้านหลังของตน มองเหมิงจื้อเฉิงด้วยสายตาเย็นชาแล้วกล่าว “คนจิตใจโหดร้ายไร้ปรานีอย่างท่าน จะคู่ควรเป็นประมุขได้อย่างไร?”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้ากล้าหักหลังข้าหรือ?” เหมิงจื้อเฉิงโมโหมาก ยกมือขึ้นจะฟาดเข้าใส่ผู้อารักขาผู้นั้น
ผู้อารักขาผู้นั้นไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงจื้อเฉิง
ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของเหมิงจื้อเฉิงยังมีผู้อาวุโสสกุลลี่ รวมถึงผู้อารักขาคนอื่นๆ สองสามคนนั้นพากันล้อมเขาไว้ เขาจึงตกเป็นรองอย่างรวดเร็ว
ดวงตามองไปยังมือของผู้อาวุโสสกุลลี่ที่กำลังจะโจมตีเข้าใส่กลางอกเขา ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งพุ่งตรงมาแล้วผลักมือเขาออกไป จากนั้นก็ต่อสู้กับผู้อาวุโสสกุลลี่อุตลุด
ผู้อารักขาคนนั้นถอนหายใจโล่งอก มองไปยังเย่ซิวตู๋ที่โจมตีผู้อาวุโสสกุลลี่จนถอยไปสามก้าว เหงื่อเย็นพลันหยุดไหล
ตอนนี้ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเองก็มาอยู่ตรงข้างกายเขาแล้ว กล่าวขอบคุณกับเขาคำหนึ่ง จากนั้นก็ปกป้องภรรยาของตน หันหลังกลับไปยังโถงจิงจู๋อีกครั้ง
หลังจากวางนางไว้ข้างกายเหมิงหรงแล้ว ก็ออกมาเข้าร่วมกับการต่อสู้อีก
ตอนนี้เขาเกลียดชังเหมิงจื้อเฉิงเข้ากระดูกดำแล้ว เมื่อคิดถึงบุตรคนแรกที่เขาโหยหามาโดยตลอดกลับต้องมาตายด้วยน้ำมืออีกฝ่าย
และด้วยเหตุนั้นเอง ภรรยาของเขาจึงได้โศกเศร้าอยู่นาน แทบจะตายจากไป
ต้นเหตุของเรื่องร้ายทั้งหมดนี้ ที่แท้ก็เป็นเพราะไอ้คนที่มีจิตใจชั่วช้าสามานย์ผู้นี้ จนเขาอยากจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
เดิมทีเหมิงลู่ต่อสู้กับเหมิงจื้อเฉิง เมื่อเห็นผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงมา ก็ค่อยๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว ให้ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงประมือแก้แค้น
เขาเพียงมองดูอยู่ภายนอกชั่วครู่ และพบว่าแม้เหมิงจื้อเฉิงจะไม่ใช่ผู้อาวุโส แต่ฝีมือกลับยอดเยี่ยมอย่างมาก
หลังจากต่อสู้กันไปหลายครั้ง ก็ดูเหมือนจะเป็นต่อผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงอยู่เล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วแน่น มองไปทางด้านเย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋มีความสามารถมาก เขารู้ดี ตอนต่อสู้กับผู้อาวุโสสกุลลี่เองก็จัดการได้ง่ายๆ เขาไม่จำเป็นต้องกังวล
เหมิงลู่เม้มปาก ตัดสินใจอยู่ว่าจะจับลูกน้องก่อนแล้วค่อยจับหัวหน้า หรือว่าต้องจับเหมิงจื้อเฉิงให้เร็วที่สุดจึงจะดี
ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ข้างกายเหมิงจื้อเฉิงมีผู้อารักขาจำนวนมากอยู่ แต่ตอนนี้กำลังล่าถอยไปเรื่อยๆ ภายใต้การโจมตีของผู้อาวุโสสกุลเยว่และเหมิงผูเซิ่งนั้น พวกเขาไม่มีกำลังจะสู้กลับ
หนานหนานมองดูอยู่ในโถงจิงจู๋และตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก อยากจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเหล่าคนเลวพวกนั้นอย่างมากเช่นกัน
แต่เมื่อนึกถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของตนที่ต้องปกป้องน้องอวี้และชิวเอ๋อร์ในตอนนี้ เขาก็ทำได้เพียงยอมแพ้ ทำได้เพียงตะโกนบอกเย่ซิวตู๋ “ท่านพ่อ อัดเขาให้น่วมเลยนะขอรับ ท่านวางใจเถิด เจ้าคนขี้แพ้นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า จะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอย่างแน่นอน”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ เจ้าเด็กนี่ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ก็ยังจะกระตุ้นผู้อาวุโสสกุลลี่อีก
เมื่อผู้อาวุโสสกุลลี่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เหี้ยมเกรียมขึ้นมาจริงๆ ลงมือหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
เย่ซิวตู๋แค่นหัวเราะออกมา “ท่านไม่เหมาะจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าจริงๆ เกรงว่าแม้กระทั่งหนานหนานท่านก็ไม่คู่ควร”
สีหน้าของผู้อาวุโสสกุลลี่ย่ำแย่ลงกว่าเดิม เริ่มรัวหมัดหนักหน่วง อยากจะฉีกร่างเย่ซิวตู๋ให้เป็นชิ้นๆ
เขาเองก็แค่นหัวเราะออกมา “อย่าพูดให้มากนัก ครั้งก่อนเพราะข้าถูกเหมิงลู่ทำร้ายบาดเจ็บ จึงทำให้บุตรชายของเจ้าฉวยโอกาสได้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ จะมั่นใจเกินไปแล้ว”
“ขอโทษด้วย ข้าสนใจแต่ผลลัพธ์ ไม่สนใจวิธีการ สุดท้ายแล้วท่านก็แพ้ให้กับหนานหนานอยู่ดี” เย่ซิวตู๋เอ่ยอย่างไร้ยางอาย
ผู้อาวุโสสกุลลี่ขบฟันเสียจนแทบแตก สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ทั้งคู่ล้วนไร้ยางอายอย่างยิ่ง
‘ฟึ่บ’ ไม่รู้ว่ากระบี่อ่อนปรากฏในมือเขาตั้งแต่เมื่อใด และชี้ไปตรงหน้าเย่ซิวตู๋ “เจ้าภูมิใจอะไรกัน วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าก็เป็นเพียงหลานห่างๆ ของผู้อาวุโสสกุลหมิง เรียนรู้วรยุทธ์ดินแดนเหมิงกับเขาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น คิดว่าตนมีความสามารถเหนือฟ้าดินจริงๆ น่ะหรือ?”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว พลิกตัวเลี่ยงการโจมตีของเขา ถอยหลังไปสองสามก้าว
ผู้อาวุโสสกุลลี่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ สีหน้าก็ดูพึงพอใจอย่างมาก
ที่แท้ขอเพียงเขาใช้วรยุทธ์แค่สองสามกระบวน เย่ซิวตู๋ก็ทำได้เพียงป้องกันเท่านั้น เขาไม่มีเวลาจะโจมตีเสียด้วยซ้ำ
“เฮอะ ไอ้คนดีแต่ปาก ในบรรดาผู้อาวุโสของดินแดนเหมิง นอกจากผู้อาวุโสสกุลหมิงแล้ว ก็มีข้านี่แหละที่มีวรยุทธ์แก่กล้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาเปรียบข้าได้หรือ”
เย่ซิวตู๋เห็นเขากล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ก็รู้สึกไม่อยากจะโจมตีเขาขึ้นมาแล้ว
ความหยิ่งยโสเช่นนี้ของเขา ไม่แปลกเลยที่เสียเปรียบในเงื้อมมือของหนานหนาน
ถึงเด็กคนนั้นจะไร้ยางอายไปบ้างบางครั้ง หลงตัวเองไปบ้าง แต่เมื่อต้องสู้แล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็จะไม่ประมาทแม้แต่น้อย
ในจุดนี้ ผู้อาวุโสสกุลลี่ยังสู้บุตรชายสุดที่รักของเขาไม่ได้เลย
เขาคิด ทันใดนั้นก็พลิกตัว เอนหลังแล้วเขย่งเท้าเล็กน้อย จากนั้นก็ม้วนตัว เพียงพริบตาเดียวก็ไปยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสสกุลลี่ และโจมตีเขาด้วยปลายนิ้ว
ผู้อาวุโสสกุลลี่คิดจะหลบก็ไม่ทันแล้ว รู้สึกเพียงปวดแปลบที่เอว เส้นประสาททั้งร่างรู้สึกเหมือนจะระเบิดออก แม้แต่หนังศีรษะก็ยังเริ่มชา
เขาหันหลังทันที แต่เย่ซิวตู๋กลับมาตรงหน้าเขาอีกครั้ง ทั้งสองนิ้วหนีบปลายกระบี่อ่อนของเขาไว้ จากนั้นก็ออกแรง
‘แป้ก’ กระบี่อ่อนในมือผู้อาวุโสสกุลลี่นั้นหักเป็นสองท่อนในทันที ตกลงสู่พื้นพร้อมเสียง ‘เคร้ง’
เขาทนต่อความเจ็บปวดแล้วถอยหลังไปสองก้าวอย่างแรง มองเย่ซิวตู๋อย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เย่ซิวตู๋กลับไม่ได้บาดเจ็บอันใด สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด มีเพียงเสื้อผ้าและเส้นผมของเขายุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการต่อสู้
เขายังมีท่าทางสง่างามพร้อมรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า ยังคงรักษาบุคลิกไว้ได้อย่างดีโดยไม่เสียหาย
เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ มองผู้อาวุโสสกุลลี่ที่พยายามพยุงตัวเองอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง จ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“ฝีมือของผู้อาวุโสสกุลลี่เก่งกาจเพียงนั้นจริงๆ หรือ? เหตุใดพอลองประมือดูแล้ว กลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยเล่า?”
“นั่นสิ ข้าลืมบอกท่านไปเรื่องหนึ่ง” เมื่อเห็นแววตาของผู้อาวุโสสกุลลี่เริ่มเฉียบคมขึ้น เขาก็ยิ่งหัวเราะเยาะยิ่งกว่าเดิม “ข้าเรียนวรยุทธ์ดินแดนเหมิงกับผู้อาวุโสสกุลหมิงเพียงไม่กี่ปีจริงๆ เพียงแต่ท่านคงไม่รู้เหตุผลที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงไม่ได้ให้ข้าอยู่ที่ดินแดนเหมิงต่ออีกสักหน่อย ก็เป็นเพราะ… ข้าฝึกสำเร็จแล้ว ทุกอย่างที่ควรเรียนรู้ก็เรียนรู้หมดแล้ว ขอเพียงฝึกฝนตนเองให้มากขึ้น ก็ย่อมไม่มีปัญหาอันใด หลายปีมานี้ข้าฝึกฝนอย่างชำนาญมาโดยตลอด”
ในแง่ของพรสวรรค์ในด้านการต่อสู้ หนานหนานเหมือนเขามาก
“ท่านบอกว่าในบรรดาผู้อาวุโส วรยุทธ์ของท่านเป็นรองเพียงผู้อาวุโสสกุลหมิง… คำว่า ‘เป็นรอง’ นั้น ยังถือว่าห่างชั้นกันมากทีเดียว”
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา จากมุมมองของเขา วรยุทธ์ของผู้อาวุโสสกุลลี่ยังไม่ดีเท่าผู้อาวุโสสกุลเยว่และผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเสียด้วยซ้ำ ดูท่าการมั่นใจในตนเองของเขานี้ คงมาจากผลของการต่อสู้เมื่อหลายปีก่อนกระมัง
เพียงแต่หลายปีมานี้ เขาหยุดอยู่กับที่ ส่วนผู้อาวุโสคนอื่นๆ กลับไม่ได้ปล่อยใจเช่นนั้น
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า ไม่แปลกใจเลยที่เหมิงลู่ไม่เคยมอบหมายงานสำคัญให้กับเขาเลยตั้งแต่ต้น ถือว่ามองการณ์ไกลนัก
ผู้อาวุโสสกุลลี่สูดหายใจ สีหน้าที่มองเย่ซิวตู๋ รู้สึกเพียงว่าเหมือนจะตายในมือเขาอย่างไรอย่างนั้น
เขารีบหันหน้ากลับ มองไปยังเหมิงจื้อเฉิง
กลับเห็นว่าเหมิงจื้อเฉิงเองก็ตกเป็นรองภายใต้การโจมตีของพวกเหมิงลู่ทั้งสองคนเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่ได้ลนลานดังเช่นผู้อาวุโสสกุลลี่ หาช่องว่างกระโดดหนีไปสองสามก้าว ทันใดนั้นก็กล่าวกับเหล่าทหารรอบนอก “ยิงธนู ฆ่าพวกมันเสีย อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
‘ฟิ้ว’ ทหารที่ถือธนูเหล่านั้นเหนี่ยวคันธนูและปล่อยสายอย่างเคร่งขรึมในทันที แต่ทว่าทิศทางที่เล็งไปนั้น… กลับเป็นทางกลุ่มของเหมิงจื้อเฉิง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ผู้น้อยแปรพักตร์เสียแล้ว เกรงว่าแผนยึดอำนาจที่วางมาตั้งนานคงจะเป็นหมันแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)