อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 858 ล้อเล่น
ตอนที่ 858 ล้อเล่น
ตอนที่ 858 ล้อเล่น
อวี้ชิงลั่วยิ้มแย้ม “ท่านจะไปไหนหรือ?”
หนานหนานมองจากระยะไกลเห็นไม่ชัดนัก แต่เขาสัมผัสได้ถึงรูปร่างและกลิ่นอายที่คุ้นเคยอยู่บ้าง ทันใดนั้นก็โบกมือตะโกน “ท่านแม่ๆ ข้าอยู่ตรงนี้ วันนี้ข้าเป็นเด็กดีมากเลย ข้าฟังคำสั่งท่านพ่อ ปกป้องน้องอวี้และชิวเอ๋อร์ ท่านรีบมาชมข้าเร็ว”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก ตัดสินใจว่าจะทำเป็นไม่ได้ยินและไม่เห็นเขา นางไม่รู้จักเขา ตามนั้นก็แล้วกัน
เหมิงจื้อเฉิงมองไปรอบๆ ก็พบว่าล้อมรอบนั้นเต็มไปด้วยผู้คน ถูกล้อมไว้อย่างสมบูรณ์
ผู้อาวุโสทั้งสองคนข้างกายเขาก็สีหน้าโกรธเกรี้ยว เบิกตากว้าง มองทุกคนอย่างระแวดระวัง
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา สายตาที่จ้องมองอวี้ชิงลั่วนั้นนุ่มนวลยิ่ง
ทั้งเรือนนี้ ดูเหมือนว่าจะเข้าสู่สถานการณ์พลิกผันเสียแล้ว
เหมิงลู่จ้องมองเหมิงจื้อเฉิงอย่างเย็นชา กล่าวเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปได้หรือ?”
“เฮอะ” เหมิงจื้อเฉิงแค่นหัวเราะ ถึงช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาก็ยังคงเชิดหน้าอยู่
แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เอื้อต่อตนเป็นอย่างมาก สีหน้าเขาก็ไม่มีร่องรอยของความทุกข์ใจแม้แต่น้อย นี่น่าจะเป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากผู้อาวุโสสกุลหมิง ล้วนมีท่าทางดุดัน
เขากำลังหาทางที่จะทะลวงออกไป ถึงแม้ตอนนี้จะหาทางบุกทะลวงได้ยากก็ตาม
หลังจากนั้นไม่นานก็มองไปยังผู้บัญชาการเฮ่อที่พาเหล่าทหารจำนวนมากมาตรงหน้า กล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าเองก็ทรยศข้า เจ้ามันคนอกตัญญู ในตอนแรกหากไม่มีข้า เจ้ามันก็เป็นเพียงขอทานชั้นต่ำเท่านั้น ตอนนี้ได้ปีนขึ้นไปที่สูงแล้วหรือ?”
ผู้บัญชาการเฮ่อไม่แสดงออกอันใด ฟังคำพูดเช่นนี้ของเขา แววตาก็เปลี่ยนไปอย่างเฉียบคม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เหตุใดท่านเฉิงต้องกล่าวเช่นนั้น ตอนแรกท่านฆ่าบุตรของข้า ทำให้ภรรยาข้าต้องตายตอนคลอดบุตร ทำให้ข้าต้องพบเรื่องเจ็บปวด ความเมตตานี้ ข้าจะลืมได้อย่างไร คงไม่ถือว่าอกตัญญูกระมัง?”
“เจ้า…” เหมิงจื้อเฉิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ
ผู้บัญชาการเฮ่อกลับแค่นหัวเราะออกมา “ท่านฆ่าเด็กๆ ที่มีปานรูปดอกไม้เหล่านั้น พ่อแม่ของพวกเขาล้วนเป็นคนมีพลังอำนาจ ต่อให้ลูกตายไป ก็ย่อมต้องตรวจสอบ ถึงตอนนั้นก็จะพบว่าบนตัวของบุตรมีปานนั้น ท่านเฉิง เพื่อหนีจากปัญหานี้ คงทำได้เพียงหาเด็กเกิดใหม่ที่อื่นมาสลับตัวเท่านั้น”
“ตอนที่บุตรชายของผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเกิด ท่านไปตามหามาหลายแห่ง กลับยังหาตัวคนที่เหมาะไม่ได้ บังเอิญว่าภรรยาข้าตั้งท้อง แต่กลับยังไม่ถึงเวลาที่เด็กจะต้องเกิด ท่านก็สั่งให้คนนำยาเร่งคลอดมาให้ภรรยาข้า ทำให้ภรรยาข้าต้องตายพร้อมกับเด็ก ความเกลียดชังที่ลึกซึ้งเพียงนี้ ข้าจะมองข้ามไปได้อย่างไร”
เหมิงจื้อเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว “เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไร”
แววตาของผู้บัญชาการเฮ่อมองไปยังเหมิงลู่มีแววขอบคุณเล็กน้อย
เขาเข้าใจมาตลอดว่าภรรยาตายจากการคลอดบุตรยาก เป็นเพราะตนยุ่งกับงานจนละเลยนาง ถึงขนาดที่นางและเด็กในท้องจากไปทั้งคู่ เขาก็ไม่ทันได้พบหน้านางเป็นครั้งสุดท้ายเสียด้วยซ้ำ ปล่อยให้นางต้องถูกฝังไปพร้อมกับลูก
แต่สุดท้ายแล้วเขากลับพบว่า ที่แท้แล้วครอบครัวหนึ่งที่สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ กลับถูกคนวางแผนทำร้ายเพียงเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของผู้อื่นเท่านั้น
ส่วนคนผู้นั้นกลับกลายเป็นคนที่ตนมีใจจงรักภักดีด้วย
หากไม่ใช่เพราะเย่ซิวตู๋นำหลักฐานมาวางตรงหน้า หากไม่ใช่เพราะหมอตำแยที่ทำคลอดภรรยาเขาถูกเรียกตัวมาอธิบายความจริง เขาก็คงจะไม่รู้ว่าตนนั้นถูกคนเล่นตลกด้วยไปจนวันตาย
เกรงว่าแม้แต่ตกนรกไปแล้ว ก็คงไม่มีหน้าไปพบหน้าเมียและลูกของตน
คำกล่าวหาของผู้บัญชาการเฮ่อนั้นทั้งเย็นชาและน่าเศร้า ทุกคนที่ได้ยินล้วนตกตะลึง
ถึงแม้เมื่อครู่พวกเขาจะได้ยินเหมิงลู่พูดถึงไปแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะยังมีจุดพลิกผันเช่นนี้อีก
เหมิงจื้อเฉิงผู้นี้… เลวเสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานจริงๆ เขาฆ่าเด็กที่มีปานรูปดอกไม้ไปยี่สิบกว่าคนแล้ว หากรวมเด็กที่ต้องมาตายแทนนั้นด้วย ก็มีเด็กชาวเหมิงที่ตายด้วยน้ำมือเขาถึงสี่สิบคน
คนเช่นเขานี้ จะต่างอะไรกับปีศาจกินคนเล่า?
แววตาที่ทุกคนมองไปยังเหมิงจื้อเฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเคียดแค้น เหล่าทหารพวกนั้นก็มองหน้ากัน ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจที่ไม่ได้สละชีวิตเพื่อคนเช่นนี้
คนโหดเหี้ยมไร้ปรานีที่ไม่คำนึงถึงชีวิตและความตายของผู้อื่นเช่นนี้ จะคู่ควรกับการเป็นประมุขของดินแดนเหมิงได้อย่างไร บางทีในบรรดาพวกเขาที่เป็นทหารนี้ อาจจะมีบางคนที่ลูกของตนถูกเขาสังหารก็ได้
สีหน้าของเหมิงจื้อเฉิงโกรธเกรี้ยว รู้ว่าตนนั้นมาถึงจุดจบแล้ว ไม่สามารถอยู่ที่ดินแดนเหมิงต่อไปได้แล้ว
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป มองซ้ายมองขวา จากนั้นก็หรี่ตา มุ่งตัวไปจับตัวอวี้ชิงลั่วไว้
อวี้ชิงลั่วสบถในใจทันที คิดอันใดผิดไปหรือเปล่า ที่นี่มีคนตั้งมากมาย กลับต้องมารังแกนางที่บินไม่ได้หรือ รู้จักคิดบ้างหรือไม่?
สีหน้าของนางราวกับว่าเหยียบอาจมกองใหญ่ ดูบิดเบี้ยวไปในทันที
ทว่าก่อนที่มือของเหมิงจื้อเฉิงจะสัมผัสนาง ข้างกายของอวี้ชิงลั่วก็มีอีกคนเพิ่มขึ้นมา มือหนึ่งโอบเอวของนางไว้ ยกมืออีกข้างขึ้นแล้วฟาดเข้าใส่เหมิงจื้อเฉิงฝ่ามือหนึ่ง
เหมิงจื้อเฉิงถอยหลังไปสองก้าวอย่างแรง ทันใดนั้นก็เข้าไปอยู่ในมือของเหมิงลู่ทันที ที่ไหล่เขาเจ็บ รู้สึกเหมือนกับว่าทั้งไหล่ถูกตัดออกไปอย่างไรอย่างนั้น
เขาร้องออกมาทันที ไม่สามารถใช้เรี่ยวแรงได้อีก
เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งก็เห็นเย่ซิวตู๋กอดเอวอวี้ชิงลั่วยืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคงโดยไม่มองเขาแม้แต่นิดเดียว
“เป็นอะไรหรือไม่” เย่ซิวตู๋ถามนางเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า เงยหน้ามองเขา
เย่ซิวตู๋ยิ้ม “เหตุใดเจ้าจึงเข้ามาเล่า เป็นห่วงข้ามากใช่หรือไม่”
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าเขายังกล้าล้อเล่น ก็ยื่นมือออกไปหยิกที่เอวของเขาครั้งหนึ่งอย่างแรง “ท่านยังกล้าพูดอีกหรือ เหตุใดจึงไม่ได้บอกข้าว่ามีแผนเช่นนี้?”
นางอยู่ด้านนอกมองคฤหาสน์ประจำเผ่าถูกล้อม ก็ร้อนรนเสียจนเหงื่อออกเต็มไปหมด
หากไม่ใช่เพราะเห็นผงสีเขียวบนตัวของเสี่ยวไป๋เหอ นางคงเริ่มวางแผนแล้วว่าจะบุกเข้ามาในคฤหาสน์ประจำเผ่าอย่างไร
ส่วนเขากลับมีใจจะล้อนางอีก
เย่ซิวตู๋ทำท่าไร้เดียงสา “คนที่สั่งให้ทหารปิดล้อมคฤหาสน์ประจำเผ่าและจวนผู้อาวุโสไม่ใช่ข้านะ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่า ‘ท่านลุง’ ของข้าจะออกคำสั่งเช่นนี้ นี่ไม่ใช่แผนของพวกข้าเลยจริงๆ และไม่สามารถวางแผนได้ด้วย”
เมื่อพูดถึงคำว่าท่านลุง น้ำเสียงเขาก็ดูกัดฟันอย่างมาก แววตาก็หรี่ลงอย่างยากจะคาดเดา
อวี้ชิงลั่วรู้ว่าในใจเขาไม่ได้มีความสุขนัก อย่างไรก็ล้วนเป็นญาติที่เกี่ยวข้องกับเขาทางสายเลือด ถึงแม้ความคิดจะต่างกัน อย่างไรก็ยังเป็นคนที่เรียกว่าลุงหรือแม่ แต่พวกเขากลับจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำร้ายผู้อาวุโสสกุลหมิงที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด
อวี้ชิงลั่วตบมือของเขา ยังไม่ทันได้กล่าวอันใด ทางด้านหนานหนานเมื่อเห็นว่าสัญญาณเตือนไม่มีแล้ว ก็วิ่งมาทางด้านนี้อย่างมีความสุขเป็นพิเศษ
ทันทีที่เข้ามาใกล้ เขาก็ดันเย่ซิวตู๋ออกไป ล้มตัวเข้าใส่อ้อมแขนของอวี้ชิงลั่ว หรี่ตาด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้ชมข้าเลย”
“อืม หนานหนานเด็กดี หนานหนานเก่งมาก หนานหนานฉลาดที่สุดในโลกเลย” อวี้ชิงลั่วกลอกตาแล้วกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“ท่านแม่ชมข้าแบบขอไปทีนี่” เขาพึมพำอย่างไม่พอใจ แต่ต่อจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างมีความสุข “แต่ไม่เป็นไร อย่างไรมันก็ออกมาจากปากท่านแม่ ข้ายอมยกโทษให้ท่าน”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก จากนั้นก็หาโอกาสเงยหน้ามองเหมิงจื้อเฉิงที่อยู่ไม่ไกล
ทั้งสองมือของอีกฝ่ายถูกเหมิงลู่ปลดอาวุธไปหมดแล้ว ตอนนี้เขาจ้องมองอวี้ชิงลั่วเขม็ง กล่าวถามออกมาทีละคำ “เหมิงพั่วเล่า?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมิงพั่วตายแล้ว ไม่จำเป็นต้องถามหาหรอกท่าน
ไหหม่า(海馬)