อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 860 แตกต่างกัน
ตอนที่ 860 แตกต่างกัน
ตอนที่ 860 แตกต่างกัน
สีหน้าของเย่ซิวตู๋พังทลายลงในทันที หันหน้าไปมองทางอวี้ชิงลั่ว
“เขาคิดจะก่อเรื่องอันใดอีก” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ผู้อาวุโสไม่คิดเรื่องการหลบหนี แต่กลับคิดจะบุกเข้าไปในจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงอีก
เย่ซิวตู๋สีหน้าเคร่งเครียด สีหน้าเก็บความรู้สึก “ไม่มีเวลาแล้ว เรารีบไปเถิด”
เกรงว่าผู้อาวุโสสกุลลี่จะฉวยโอกาสตอนที่ผู้บัญชาการเฮ่อและคนอื่นๆ กำลังต้อนให้จนมุม แล้วสู้อย่างหมาจนตรอก
ทางด้านจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงในตอนนี้ ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกอย่างมาก
ทั้งจวนนั้นเงียบอย่างน่ากลัว ทหารที่ด้านนอกยังคงล้อมจวนเอาไว้อยู่ เหล่าคนรับใช้ด้านในนั้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่กล้าเดินไปเดินมาส่งเดช เพียงอยู่ที่เรือนของตนอย่างเงียบๆ มองผู้อารักขาสีหน้าไร้อารมณ์ที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
พี่น้องเหมิงจื่อเชียนและเหมิงจื่อฉีนั้นก็ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวเช่นกัน ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันที่ข้างเตียงของผู้อาวุโสสกุลหมิงที่กำลังหมดสติ
เหมิงจื่อฉีเช็ดตา แววตายังคงชื้นอยู่ รู้สึกปวดใจอยู่เป็นครั้งคราว โศกเศร้าเป็นอย่างมาก
“ท่านพ่อทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
สามีที่อยู่ข้างกายนางถอนหายใจ ลูบหลังนางแล้วกล่าวปลอบเบาๆ
เหมิงจื่อเชียนบีบนิ้วแน่น จ้องมองผู้อาวุโสสกุลหมิงที่หน้าซีดขาว แววตาเฉียบคม กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “มีบิดาเช่นนี้ อย่ามีเลยดีกว่า”
“ท่านพี่…” เหมิงจื่อฉีประหลาดใจ สะอื้นออกมาเบาๆ
กลับได้ยินเหมิงจื่อเชียนหัวเราะเย้ยหยันออกมา “เขาลงมือทำร้ายท่านปู่ได้ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ยังมีเรื่องไหนอีกที่เขาจะทำไม่ได้ เราสองพี่น้องถูกท่านปู่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่เรามีต่อเขานั้นลึกซึ้งมาก หากจะให้ข้าเลือก ข้าก็จะต้องเลือกอยู่ข้างท่านปู่เป็นแน่”
เสียงสะอื้นของเหมิงจื่อฉีหยุดลงในทันที นางเม้มปาก จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
หากให้นางเลือก นางเองก็เลือกจะยืนข้างท่านปู่
“ไม่รู้ว่าภายนอกนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ท่านพ่อขังเราไว้ในนี้ ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลยแม้แต่น้อย” ในใจเหมิงจื่อฉีซับซ้อนอย่างมาก แผนการของท่านพ่อที่ต้องการชิงบัลลังก์ เป็นสิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อน
หากท่านพ่อทำสำเร็จ เช่นนั้นลูกพี่ลูกน้อง ท่านประมุข รวมไปถึงท่านปู่ก็อาจจะตายได้
แต่ถ้าหากแพ้ คนที่ต้องตายก็คือท่านพ่อ
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนใกล้ชิด ในใจนางล้วนต้องการให้ทั้งสองฝ่ายมีทางออกที่สวยงามเสมอ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทียบกับความหวังในสิ่งสวยงามของนางแล้ว เหมิงจื่อเชียนเย็นชายิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เขาลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่มืดลงแล้ว สูดหายใจลึกๆ
“ท่านพ่อแพ้แล้ว”
“เหตุใดท่านพี่จึงกล่าวอย่างมั่นใจขนาดนั้นเล่า?”
เหมิงจื่อเชียนหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าวเบาๆ “ท่านปู่มองคนได้อย่างแม่นยำมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นท่านประมุขหรือเย่ซิวตู๋ ในใจเขาก็ประเมินไว้สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ท่านพ่อในสายตาของท่านปู่นั้นเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ท่านพ่อต่อสู้กับพวกเขาทั้งสองคน ก็เท่ากับรนหาที่ตายเอง ท่านพ่อ… ประเมินตนเองสูงเกินไป”
เหมิงจื่อฉีกัดริมฝีปาก ถึงแม้เหมิงจื้อเฉิงจะปฏิบัติกับนางไม่ดีมาโดยตลอด ถึงขนาดกล่าวได้ว่าปฏิบัติกับนางอย่างเลวร้ายเพราะเหมิงจื่อเย่า แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ต้องการพูดคำว่า ‘ไม่’ กับเขาแม้แต่นิดเดียว
สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ ก็คือรอข่าวคราวจากภายนอก
ตอนนี้ทั่วทั้งจวนผู้อาวุโสสกุลหมิง ล้วนถูกคนของท่านพ่อควบคุมไว้หมดแล้ว พวกเขาออกไปไม่ได้ และทำอันใดไม่ได้เลย
ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง เหมิงจื่อฉีรู้สึกกังวล เหมิงจื่อเชียนกลับยังคงครุ่นคิด… ว่าจะพาน้องสาวและท่านปู่ไปจากที่นี่ได้อย่างไร ถึงแม้จะอยาก แต่ก็ต้องทำอยู่ดี
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงดังเข้ามา
เหมิงจื่อฉีลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันใด รีบถาม “มีอะไรหรือ?”
เหมิงจื่อเชียนขมวดคิ้ว กล่าวเสียงต่ำ “ฟังจากเสียงแล้ว เหมือนว่าจะ… เป็นเสียงท่านแม่เลี้ยง”
ท่านแม่เลี้ยงหรือ? หรูซือ มารดาผู้ให้กำเนิดเหมิงจื่อเย่าหรือ?
ที่ผ่านมาสองพี่น้องไม่มีความประทับใจดีๆ ต่อคนผู้นี้เลย เมื่อได้ยินว่านางมา ในใจก็ยิ่งหงุดหงิด
ประตูห้องถูกเปิดออก ผู้อารักขาที่อยู่ด้านนอกไม่ได้ห้ามนางแม้แต่น้อย ปล่อยให้หรูซือเข้าประตูมา
เหมิงจื่อเชียนพยักหน้าให้สามีเหมิงจื่อฉี ให้เขาคอยดูน้องสาว ส่วนตนก็เดินออกจากห้องด้านใน มองไปยังหญิงที่มาหาอย่างเย็นชา
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือด้านหลังของหญิงผู้นั้นมีคนคนหนึ่งตามมา เป็นคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ผู้อาวุโสสกุลลี่หรือ?”
บนร่างผู้อาวุโสสกุลลี่ยังสวมใส่ชุดทหารอยู่ เมื่อเห็นเหมิงจื่อเชียนก็หัวเราะออกมาอย่างดุร้าย
ใบหน้าของหรูซือมีความกังวล หันไปมองผู้อาวุโสสกุลลี่แล้วกล่าว “เหลือเวลาไม่มากแล้ว ลงมือเถิด”
เหมิงจื่อเชียนรู้สึกเพียงว่าใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ลงมือหรือ
ไม่รอให้เขาคิดออก ผู้อาวุโสสกุลลี่กระโดดขึ้นสูง โจมตีเข้าใส่เหมิงจื่อเชียนทันที
“ผู้อาวุโสสกุลลี่ ท่านคิดจะทำอันใดกัน?” เหมิงจื่อเชียนรีบหลบ สีหน้าโกรธเกรี้ยว
ผู้อาวุโสสกุลลี่แค่นหัวเราะ “ข้าต้องการเพียงผู้อาวุโสสกุลหมิง หากเจ้ารู้ความล่ะก็ รีบถอยไปเสีย” ตอนนี้เขาไม่มีทางออกแล้ว หากต้องการหนีออกจากดินแดนเหมิง ก็ทำได้เพียงจับตัวผู้อาวุโสสกุลหมิงเป็นตัวประกันเท่านั้น
เขามีสถานะสูงส่ง ทั้งยังเป็นคนที่เย่ซิวตู๋เคารพที่สุด มีเขาอยู่ในมือ เย่ซิวตู๋เองก็คงไม่กล้าเคลื่อนไหว
เพียงเหมิงจื่อเชียนได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าก็ดูจริงจังยิ่งกว่าเดิม และลงมืออย่างรุนแรงขึ้นไปอีก
ตอนนี้ท่านปู่ยังนอนอยู่บนเตียง จะตกไปอยู่ในมือผู้อื่นได้อย่างไร
เดิมทีผู้อาวุโสสกุลลี่ถูกเย่ซิวตู๋ทำร้ายบาดเจ็บมา ต่อให้วรยุทธ์ของเขาจะสูงส่งกว่าเหมิงจื่อเขียนเพียงใด ตอนนี้มาสู้กันพร้อมอาการบาดเจ็บ ก็ไม่ทำให้ได้เปรียบแม้แต่น้อย และดูเหมือนจะพ่ายแพ้เสียด้วย
หรูซือคอยมองดูอย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างๆ ก็ได้ยินเสียงผู้อาวุโสสกุลลี่ร้องลั่น “ยังไม่ให้ผู้อารักขาด้านนอกมาช่วยอีก?”
ถึงแม้ทหารทั้งหมดที่อยู่รอบนอกของจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงจะทรยศ แต่ผู้อารักขาด้านในนี้ล้วนเป็นคนสนิทของเหมิงจื้อเฉิง และฟังคำสั่งของหรูซือ
หรูซือรีบพยักหน้า ให้ด้านนอกส่งคนเข้ามาสามสี่คน
เหมิงจื่อเชียนกรีดร้องในใจ ตะโกนเสียงดัง “จื่อฉี พาท่านปู่ไปเสีย”
จะให้ท่านผู้อาวุโสสกุลหมิงตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาไม่ได้ เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างยิ่ง ดังนั้นต่อให้ต้องทุ่มเททุกอย่าง เขาก็ต้องปกป้องท่านปู่
เหมิงจื่อฉีตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย นิ้วมือที่สั่นเล็กน้อยก็ถูกคนจับไว้อย่างแผ่วเบา
นางหันหน้าไปมองสามีของตนที่หัวเราะให้ตน แล้วกล่าวเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ด้านนอกยังมีพี่ชายเจ้า ในนี้ก็ยังมีข้า”
ขณะกล่าว เขาก็ค่อยๆ พยุงผู้อาวุโสสกุลหมิงขึ้นมา
เพียงแต่ยังไม่ทันทำอันใด ด้านนอกกลับมีคนสามคนรีบรุดเข้ามา แล้วเริ่มโจมตีใส่สามีของเหมิงจื่อฉี
เหมิงจื่อฉีตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็ถูกดึงกลับไปนั่งตรงขอบเตียงและพยุงผู้อาวุโสสกุลหมิงแทนสามีของนาง
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเงาสะท้อนของกระบี่ สามคนนั้นเริ่มประมือกับสามีของตนแล้ว
นางประหลาดใจเล็กน้อย ปกติแล้วกลับไม่รู้เลยว่าฝีมือของเขาจะดีเยี่ยมเพียงนี้ ต่อสู้กับสามคนนั้นก็เห็นได้ชัดว่ารับมือได้อย่างง่ายดาย
หรูซือเข้ามาดูก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีกับฝั่งตนอย่างมาก ก็ออกไปเรียกคนเข้ามาอีกสิบกว่าคน จากนั้นก็มีกลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่ว
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วยังไม่ทันเดินมาถึง ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในจวน
ทั้งสองคนนำทหารจากด้านนอกเข้าไปในจวน ไม่ว่าจะไปที่ใด พรรคพวกของเหมิงจื้อเฉิงก็ถูกจัดการจนหมด
เมื่อพวกเขารีบเร่งไปถึงห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิง อวี้ชิงลั่วก็หยุดฝีเท้ากะทันหัน มองไปทางด้านซ้าย
ทันใดนั้นก็กล่าวกับเย่ซิวตู๋ “ท่านไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะตามไป” กล่าวจบก็วิ่งไปทางซ้าย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ปกป้องท่านปู่ให้ได้นะ ถ่วงเวลาไว้ให้ท่านอ๋องมาช่วยทัน
ไหหม่า(海馬)