อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 861 ต่อสู้เสร็จ เขาก็ปรากฏตัว
ตอนที่ 861 ต่อสู้เสร็จ เขาก็ปรากฏตัว
ตอนที่ 861 ต่อสู้เสร็จ เขาก็ปรากฏตัว
เย่ซิวตู๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง อยากจะถามอีก แต่อวี้ชิงลั่วกลับวิ่งไปไกลแล้ว
ในจวนนี้มีอันตรายที่ไม่รู้มากมาย เขาขมวดคิ้ว รีบกล่าวกับผู้บัญชาการเฮ่อ “เจ้าพาสองคนตามนางไป อย่าให้นางเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
“ขอรับ” ผู้บัญชาการเฮ่อต้องการไปจับตัวผู้อาวุโสสกุลลี่กับเย่ซิวตู๋ เพียงแต่อวี้ชิงลั่วเองก็เป็นคนมีฐานะสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหญิงตัวคนเดียว ย่อมทอดทิ้งนางไม่ได้
ทันใดนั้นผู้บัญชาการเฮ่อก็พาทหารสองสามคนวิ่งตามไปทางที่อวี้ชิงลั่วหายลับไปเมื่อครู่
จากนั้นเย่ซิวตู๋จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ มองไปยังท้องฟ้าที่ค่อยๆ สว่างขึ้น เดินหน้าเข้าไปข้างในต่อ
ทันทีที่เดินเข้าไปในเรือนที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงอยู่ ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังเข้ามาในหู ดังอื้ออึงเสียจนน่าตกใจ
รูม่านตาของเย่ซิวตู๋หดลง ด้านนอกเรือนไม่มีผู้อารักขาแล้ว ตอนนี้ล้วนรวมตัวกันอยู่ด้านใน กำลังต่อสู้กับพวกเหมิงจื่อเชียน
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เหมิงจื่อเชียนเสียเปรียบ อีกฝ่ายมีคนกว่าและรุมโจมตีเขา เก่งเพียงไหนก็ทำได้เพียงค่อยๆ ถอยร่นไปทีละน้อย
ตอนที่เย่ซิวตู๋เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าบนร่างของเขามีบาดแผลหลายจุดแล้ว มุมปากก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา สะดุดตาอย่างมาก
สถานการณ์ของห้องด้านในก็ร้ายแรงเช่นกัน เหมิงจื่อฉีเป็นเพียงหญิงที่ไม่มีวรยุทธ์ ทั้งยังต้องปกป้องผู้อาวุโสสกุลหมิงที่ไม่ได้สติ ย่อมกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนโดยปริยาย
แม้แต่หรูซือที่อ่อนแอ ก็ยังพุ่งเข้าโจมตีนางอย่างรุนแรงเช่นกัน
เหมิงจื่อฉีกลับกัดฟันแน่น ถูกทำร้ายบาดเจ็บก็ไม่กล้าส่งเสียงร้อง เพราะกลัวว่าเสียงร้องจะทำให้สามีของตนไขว้เขว
เมื่อครู่ที่นางร้องด้วยความตกใจ ก็ทำให้เขาถูกแทงหนึ่งครั้ง ตอนนี้ยังมีเลือดไหลออกมาอย่างน่าตกใจ
แต่ต่อให้นางพยายามหลบอย่างไร ก็ไม่สามารถหลบสายตาของทุกคนได้ มีผู้อารักขาสองสามคนเข้ามาใกล้นาง และจับข้อมือของนางไว้ทันที
เหมิงจื่อฉีอ้าปากค้าง สามีของนางถูกคนสองคนรุมอยู่ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ อยากจะมาหาแต่กลับถูกล้อมไว้หมด
เห็นว่าข้อมือนั้นแทบจะหักแล้ว จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาจากด้านนอก แล้วหักคอผู้อารักขาคนนั้นโดยตรง
ผู้อารักขาอีกคนเห็นเช่นนั้นก็เหวี่ยงเหมิงจื่อฉีไปอีกด้านทันที
เหมิงจื่อฉีไม่ทันได้ตั้งตัว ศีรษะกระแทกกับหัวเตียงอย่างแรงจนแตก เลือดไหลอาบออกมาที่หางตา
แต่ตอนนี้นางไม่ได้สนใจมากนัก รีบกอดผู้อาวุโสสกุลหมิงไว้แล้วขยับไปด้านข้าง
ครู่หนึ่งนางก็เงยหน้าขึ้น ก็เห็นเย่ซิวตู๋ยืนอยู่ตรงหน้าตน ทั้งสองมือนั้นตัดหัวของผู้อารักขาที่พุ่งเข้ามาจะจับตัวผู้อาวุโสสกุลหมิง ราวกับเป็นอสูรที่มาจากนรก
เมื่อมองไปทางด้านข้าง ก็มีทหารจำนวนไม่น้อยหลั่งไหลเข้ามาในห้อง สองสามคนคอยล้อมหนึ่งคน ไม่นานนัก ผู้อารักขาที่เมื่อครู่ยังผยองจะเอาชนะ ล้วนถูกไล่ออกไปจนหมด หรือไม่ก็ถูกตัดหัวจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ส่วนสามีของนาง ตอนนี้กำลังจับผมของหรูซือ แล้วเหวี่ยงลงมาตรงหน้าของตน
เขาเองก็ไม่สนใจเลือดบนร่างของตน รีบกอดเหมิงจื่อฉีที่ยังคงตกใจอยู่ ถามเสียงต่ำ “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง โดนกระแทกจนเลือดไหลแล้ว เจ็บหรือไม่ ขอโทษด้วย ข้า…”
เหมิงจื่อฉีค่อยๆ ได้สติ มองไปยังเย่ซิวตู๋ที่รีบออกไปช่วยพี่ชายตนจัดการกับผู้อาวุโสสกุลลี่ ทหารในห้องพากันยืนล้อมอย่างดี แสดงท่าทางว่ากำลังปกป้องพวกเขา
จากนั้นนางก็ได้สติทันที ในที่สุดก็เข้าใจว่าตนไม่เป็นไรแล้ว ภาพน่าตื่นกลัวเมื่อครู่นั้นราวกับอยู่ในความฝัน
เหมิงจื่อฉีสีหน้าผ่อนคลายลง ทันใดนั้นก็กอดเอวของสามีแล้วร้องไห้โฮออกมาก
“ไม่เป็นไรแล้ว ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลงแล้ว” ฟ่านเฉิงเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
จากการที่ได้เห็นเย่ซิวตู๋ปรากฏตัวที่นี่ เช่นนั้นก็เขาก็มั่นใจแล้วว่าการจลาจลครั้งนี้ เป็นฝ่ายท่านประมุขที่ชนะ
เหมิงจื่อฉีไม่เคยพบประสบการณ์ที่อันตรายเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ยังคงหวาดกลัวอยู่ สะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งผู้อาวุโสสกุลลี่ที่ด้านนอกถูกจับแล้ว ถูกมัดแล้วโยนเข้ามาข้างใน นางจึงค่อยยืดหลังตรงแล้วเช็ดตา
จากนั้นก็เห็นว่าสามีและพี่ชายของตนบาดเจ็บ ทั้งยังบาดเจ็บร้ายแรง ก็ร้อนรนขึ้นมาทันที รีบคว้าแขนของฟ่านเฉิงที่เลือดออกแล้วอ้าปากค้าง “เลือดออกเยอะเหลือเกิน ข้าจะรีบไปตามหมอ”
“ไม่ต้องหรอก” ฟ่านเฉิงรีบรั้งนางไว้ ในสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาเรียกหมอ บาดแผลของเขาไม่ได้ร้ายแรง ดูท่าทางของเหมิงจื่อเชียนแล้ว ก็สามารถจัดการเรื่องทางด้านนี้ให้เสร็จก่อนได้
แต่นางนี่สิ บนศีรษะเป็นแผล ทั้งยังมีเลือดไหล ถึงแม้จะเพียงนิดเดียวก็เกรงว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้
ฟ่านเฉิงคิด หันหน้าไปมองเย่ซิวตู๋ จากนั้นก็ชะโงกหัวมองไปทางด้านหลังเขา
เย่ซิวตู๋รู้ว่าเขาหาสิ่งใดอยู่ ก็กล่าวอย่างเรียบเฉย “อีกเดี๋ยวชิงเอ๋อร์ก็มา…” กล่าวว่าอีกเดี๋ยว แต่เขาไม่แน่ใจว่าอวี้ชิงลั่วไปทำอะไร ใช้เวลานานเพียงไหน
ดังนั้นจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หันหน้าไปถามเหมิงจื่อเชียน “หมอเฒ่าฉยงซานเล่า?”
ก่อนหน้านี้เขาได้บอกข่าวกับอีกฝ่ายไปแล้ว ให้เขาออกไปแล้วกลับไปซ่อนตัวที่จวนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ลูกน้องของเขามารายงานว่าหมอเฒ่าฉยงซานไม่ได้อยู่โรงเตี๊ยม และไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ เมื่อวานจู่ๆ ก็บอกว่าจะกลับไปเก็บของ จากนั้นก็ไม่เห็นเขาเลยขอรับ”
ขณะกล่าว จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะดังเข้ามา ต่อจากนั้นก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา “พวกเจ้าหาข้าอยู่หรือ? ข้ามาแล้ว”
เย่ซิวตู๋หรี่ตา “ท่านมาได้เวลาพอดีเลยจริงๆ” การต่อสู้ทางด้านนี้เสร็จเรียบร้อยและเป็นฝ่ายชนะแล้ว ไม่รู้ว่าเขาโผล่มาจากซอกไหน
หมอเฒ่าฉยงซานลูบจมูกพลางหัวเราะแห้งๆ ดูรู้สึกผิดเล็กน้อย
เขาเองก็อยากช่วย อย่างไรก็เป็นเรื่องยากเย็นกว่าจะช่วยชีวิตผู้อาวุโสสกุลหมิงได้ จะปล่อยให้เขาตายไปอีกรอบไม่ได้
แต่เขาก็ต้องสังเกตสถานการณ์ก่อนไม่ใช่หรือ เขาใช้ชีวิตมากว่าครึ่งชีวิตแล้ว ก็ย่อมต้องรู้ว่าเมื่อใดคือการหาโอกาส
ตอนที่หรูซือพาผู้อาวุโสสกุลลี่เข้ามา จริงๆ แล้วเขาก็เพิ่งแอบมาจากประตูใหญ่เมื่อครู่ รู้ว่าเย่ซิวตู๋มาแล้ว จึงไม่ได้ปรากฏตัว
เขาอายุมากแล้ว ถึงแม้จะพอมีวิชาต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้เก่งนัก จะไปรนหาที่ตายเสียเปล่าก็ไม่ได้ไม่ใช่หรือ จะมาถ่วงชาวบ้านเขาก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่
แต่เย่ซิวตู๋กลับจ้องมองเขาด้วยสายตา ‘ดุเดือด’ เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึก… เหมือนกับว่าทุกอย่างที่เขาคิดนั้นผิดไปหมด ทำให้รู้สึกผิดขึ้นเรื่อยๆ
เขารีบละสายตา จากนั้นก็มองไปทางด้านเหมิงจื่อฉีและฟ่านเฉิงที่กอดกัน บนตัวเต็มไปด้วยเลือด รีบวิ่งเข้าไปทันที “ไอ้หยา เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ มาๆๆ เดี๋ยวข้าดูให้”
หมอเฒ่าฉยงซานกล่าว ไม่พูดอันใดก็วิ่งไปตรงหน้าฟ่านเฉิง พยายามห้ามเลือดให้เขา
ฟ่านเฉิงกลับผลักเหมิงจื่อฉีมาข้างหน้า “ท่านหมอเฒ่า ช่วยดูอาการจื่อฉีก่อนเถิด นางหัวกระแทกจนแตก จะมีปัญหาร้ายแรงหรือไม่”
เย่ซิวตู๋มองไปยังหมอเฒ่าฉยงซาน เห็นว่าบนร่างผู้อาวุโสสกุลหมิงไม่ได้บาดเจ็บใดๆ ก็วางใจ ไม่มองทางด้านหมอเฒ่าฉยงซานสามคนนั้นอีก
ต่อจากนั้นดวงตาของเขาก็เย็นยะเยือก ค่อยๆ มองไปทางด้านผู้อาวุโสสกุลลี่และหรูซือที่ล้มอยู่ที่พื้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดีที่มาทัน ถ้ามาไม่ทันคงเกิดเรื่องร้ายแรงกว่านี้
ไหหม่า(海馬)