อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 864 นางคือเครื่องรางคุ้มภัย
ตอนที่ 864 นางคือเครื่องรางคุ้มภัย
ตอนที่ 864 นางคือเครื่องรางคุ้มภัย
ด้านหลังนางมีกลุ่มผู้บัญชาการเฮ่อที่รีบตามมา เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย ผู้บัญชาการเฮ่อก็ถอนหายใจแล้วรีบเดินไปข้างหน้า
“แม่นางอ…”
“ชู่ว” อวี้ชิงลั่วยกมือให้เขาเงียบ ดวงตาของนางยังจับจ้องอยู่ที่ด้านในของประตูเตี้ยๆ นั้น
ผู้บัญชาการเฮ่อนิ่งงัน รีบหุบปาก มองอวี้ชิงลั่วด้วยสีหน้าสงสัย
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ แม่นางอวี้จึงรีบวิ่งมาที่นี่ และไม่รู้ว่านางยืนอยู่นอกประตูนั้นต้องการจะทำอันใด
เขาอยากกลับไปเร็วหน่อย อย่างไรทางด้านเย่ซิวตู๋ก็มีเรื่องสำคัญมากๆ
แต่อวี้ชิงลั่วไม่ขยับ เขาเองก็ทำอันใดไม่ได้ จึงเอ่ยปากออกไป แต่สุดท้ายแล้วก็กลืนคำพูดกลับลงไป
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านรอยแยกของชายคาด้านนอกกระทบร่างของอวี้ชิงลั่ว ทำให้รู้สึกร้อนเล็กน้อย
เหตุการณ์วุ่นวายตลอดทั้งคืน ความโกลาหลในดินแดนเหมิงตอนนี้ได้สงบลงไปกว่าครึ่งแล้ว
เหมิงจื้อเฉิงและเหมิงพั่วตายไปแล้ว แต่ก็มักจะมีปลาเล็กปลาน้อยที่เล็ดลอดผ่านอวนชวนให้รำคาญใจอยู่เสมอ
ผู้บัญชาการเฮ่อเห็นว่าอวี้ชิงลั่วไม่เคลื่อนไหวอยู่นาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “แม่นางอวี้ ท่านอ๋องซิวยังคงอยู่ที่หน้างาน ผู้อาวุโสสกุลลี่โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่รู้ว่า…”
“ปัง…” เขายังไม่ทันกล่าวจบ จู่ๆ ด้านในก็มีเสียงปะทะอย่างรุนแรงดังออกมา
ผู้บัญชาการเฮ่อตกใจในทันที เสียงของเขาหยุดลง ทันใดนั้นก็หันไปมองทางประตูเตี้ยตรงหน้า
ด้านใน… มีคนอยู่หรือ?
“แม่นางอวี้” ผู้บัญชาการเฮ่อเตรียมตัวในทันที กวักมือเรียกทหารสองคนด้านหลังให้ก้าวเข้ามา ทั้งสามคนล้อมรอบ ป้องกันอวี้ชิงลั่วไว้ตรงกลาง
แววตาอวี้ชิงลั่วหรี่ลงเล็กน้อย มองไปด้านข้างครู่หนึ่ง
ที่นี่เป็นพื้นที่ต่ำ รอบๆ ไม่มีผู้อารักขาแม้แต่คนเดียว ทั้งยังไม่มีหน้าต่าง ดังนั้นคนที่เข้าไปด้านใน จะต้องออกมาทางประตูหน้าเท่านั้น
นางเองก็ไม่กลัวว่าข้างในจะมีทางลับ อย่างไรเสียหากคนที่อยู่ด้านในต้องการจะหนี ก็คงหนีไปนานแล้ว คงไม่โง่ขนาดยังอยู่ในจวนจนถึงตอนนี้
ขณะกำลังคิด ด้านในก็มีเสียงทุ้มต่ำดังออกมา “เจ้าบอกความจริงมา เข้าใจไหม ข้าจะบอกให้ ถ้าหากเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย ข้าไม่ได้หวาดกลัวเหมือนพ่อข้านะ”
ผู้บัญชาการเฮ่อมองไปทางอวี้ชิงลั่วที่อยู่ข้างๆ อย่างประหลาดใจ แววตาสงสัยไม่มั่นใจ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็กล่าวถามอย่างไม่แน่ใจว่า “นี่คือ… เสียงของเหมิงจื่อเย่าหรือขอรับ?”
เขาไม่แน่ใจ อย่างไรก็ไม่ได้ติดต่อกับเหมิงจื่อเย่ามากนัก ไม่คุ้นเคยกับเสียงของเขา เพียงแต่พอจะคาดเดาได้ก็เท่านั้น
อวี้ชิงลั่วกลับพยักหน้า “เป็นเขานั่นแหละ”
เมื่อครู่นี้นางเห็นเขาเดินอย่างลับๆ ล่อๆ มาจากทางสวน รู้สึกว่าแปลกอย่างมากจึงตามมา
อย่างไรเขาก็ถือเป็นปลาเล็กปลาน้อยที่เล็ดลอดจากอวน ใครจะรู้ว่าจะก่อเรื่องอันใดขึ้นอีก
ผู้บัญชาการเฮ่อขมวดคิ้ว กล่าวอย่างแปลกใจ “เหมิงจื่อเย่าผู้นี้ ไม่ใช่ว่าถูกท่านประมุขจับไปแล้วหรอกหรือขอรับ เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?”
“น่าจะเป็นเหมิงจื้อเฉิงฉวยโอกาสตอนโกลาหลส่งคนไปช่วยออกมากระมัง”
เหมิงจื่อเย่าไม่ใช่คนสำคัญอะไร เหมิงลู่ไม่ได้จับตามองเขาอย่างเข้มงวดเท่ากับผู้อาวุโสสกุลลี่
อีกอย่าง ในคฤหาสน์ประจำเผ่ามีคนทรยศ เหมิงจื้อเฉิงรักใคร่ลูกคนนี้มาโดยตลอด การจะช่วยเขาออกไปย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
นางเดาว่าที่เมื่อคืนเหมิงจื่อเย่าใช้เวลานานกว่าจะปรากฏตัว ก็เพราะไปช่วยเขา เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะส่งคนมาที่จวนผู้อาวุโสสกุลหมิง
อวี้ชิงลั่วไม่เข้าใจจริงๆ เหมิงจื้อเฉิงให้ความสำคัญกับเหมิงจื่อเย่ามากมายถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ทำได้เพียงเป็นสุนัขจิ้งจอกอ้างบารมีเสือ ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย อนาคตต่อไปก็เป็นใหญ่เป็นโตได้ยาก
แต่เหมิงจื้อเฉิงก็ยังทิ้งเหมิงจื่อเชียนที่เป็นสุภาพบุรุษ กลับมาให้ความสำคัญกับคนไร้ค่า
แต่จากนั้นไม่นานเมื่อคิดดูอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วก็โล่งใจ
อย่างไรเสียเหมิงจื้อเฉิงและเหมิงกุ้ยเฟยก็เป็นพี่น้องกัน ไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะมีความคิดแปลกๆ เช่นเดียวกัน เหมิงกุ้ยเฟยเองก็ให้ความสำคัญกับคนที่มีคุณสมบัติปานกลางอย่างองค์ชายเจ็ด แต่กลับทอดทิ้งเย่ซิวตู๋ที่ทั้งฉลาดเฉลียว เก็บตัว มั่นคง ใจกว้าง มีพรสวรรค์ ทั้งยังรูปงามและไร้ที่ติเลยไม่ใช่หรือ?
อืม พอพูดกันจริงๆ แล้ว ก็ยังเป็นนางที่ตาถึงมากกว่า
อวี้ชิงลั่วคิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกพึงพอใจมาก
ผู้บัญชาการเฮ่อไม่รู้ว่าในใจนางคิดเรื่องดีๆ อันใดอยู่ เพียงแต่รู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าอวี้ชิงลั่วในตอนนี้… ช่างลามกน่าเกลียด เฮ้อ ดูเหมือนไม่ควรเรียกสตรีว่าแบบนั้น แต่อย่างไรก็ประหลาดมากอยู่ดี
หมอปีศาจช่างเหมือนกับที่คนเขาลือกันจริงๆ นิสัยเต็มไปด้วยสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
เขาก้าวเท้าเข้าไปข้างในหนึ่งฝีเท้าอย่างไม่แน่ใจ ถามอย่างระมัดระวัง “แม่นางอวี้ ตอนนี้จะทำยังไงดีขอรับ พวกเรา… รีบเข้าไปดีหรือไม่”
“ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไร รอดูก่อน” อวี้ชิงลั่วเก็บสีหน้า หูตั้งตรง จากนั้นก็เริ่มฟังการเคลื่อนไหวข้างในอย่างระมัดระวัง
ตั้งแต่เหมิงจื่อเย่ากล่าวคำเหล่านั้น ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เริ่มรู้สึกจั้กจี้ในหู เหมือนว่ามีเสียงเบาๆ ดังเข้ามา เบาเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว มองผู้บัญชาการเฮ่อที่อยู่ข้างกาย ถามเขา “ด้านในคุยอันใดกันหรือ”
ผู้บัญชาการเฮ่อหูไวกว่าหน่อย ได้ยินดังนั้นก็กล่าวเบาๆ “เหมือนว่าจะมีคนด่าเหมิงจื่อเย่าว่า ‘คนโง่เง่า’ ขอรับ บอกว่าเขาจะต้องไม่ตายดี”
เขากล่าวแล้วหยุดไป จากนั้นก็กล่าวต่อ “เสียงนั้นฟังดูอ่อนแอมาก ข้าก็ไม่ได้ยินชัดเจนนัก แต่น่าจะเป็นสตรีขอรับ”
สตรีหรือ? ด่าเหมิงจื่อเย่าว่าโง่หรือ? อ่อนแอหรือ?
“หากเจ้ากล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้” ทันใดนั้นด้านในก็มีเสียงของเหมิงจื่อเย่าดังออกมาทันที “หาไม่ใช่เพราะท่านพ่อบอกไว้ว่าเจ้าอาจจะเป็นเครื่องรางคุ้มภัยชิ้นสุดท้ายให้ข้า ข้าคงฆ่าเจ้าตั้งแต่เข้าประตูมาแล้ว”
เขากล่าว จากนั้นก็แค่นหัวเราะ “แต่เจ้าเองก็อย่าได้ใจไปล่ะ ท่านแม่ของข้าไปจับผู้อาวุโสสกุลหมิงแล้ว ขอเพียงจับเขาได้ เขาก็จะเป็นเครื่องรางคุ้มภัยที่ทรงพลังที่สุด เจ้าก็ไม่จำเป็นแล้ว ข้าก็จะฆ่าเจ้า ดังนั้นให้ดีที่สุดเจ้าก็เชื่อฟังเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นต่อให้ตอนนี้ไม่ตาย ข้าก็ถลกหนังเจ้าได้เช่นกัน”
รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลงทันที เครื่องรางคุ้มภัยหรือ เช่นนั้นแล้ว ด้านในก็น่าจะมีคนสำคัญมากอยู่สินะ
อีกอย่าง… ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อพวกเขา ไม่อย่างนั้นเหมิงจื้อเฉิงคงไม่กล่าวเรื่องพวกนี้กับเหมิงจื่อเย่า
เป็นใครกัน เป็นใครกันแน่
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วขุ่นมัวและไม่มั่นใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก
ไม่รอให้นางคิดอันใดมากไปกว่านี้ ทันใดนั้นด้านในก็มีการเคลื่อนไหว ประตูเตี้ยถูกเปิดออกจากด้านใน
แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหมิงจื่อเย่า เขาถอยเท้าไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ นิ้วชี้ไปยังอวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงติดขัด “เจ้า เจ้า เจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“เหตุใดข้าจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้เล่า” อวี้ชิงลั่วหัวเราะอย่างเย้ยหยันพลางมองเขา สายตามองข้ามเขาไป มองไปยังคนที่อยู่ด้านหลังของเขา
เหมิงจื่อเย่ามองตามสายตาของนาง ทันใดนั้นก็ตอบสนอง รีบหยิบมีดสั้นในมือแล้วกดไปที่คอของคนผู้นั้น หัวเราะออกมาด้วยสีหน้ามืดมนเล็กน้อย “อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านางเสีย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครกันนะที่เป็นเครื่องรางคุ้มภัย ต้องเป็นคนสำคัญมากที่ยังไม่ปรากฏตัวแน่ๆ
ไหหม่า(海馬)