อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 867 ไม่เสียแรงที่นางพยายาม
ตอนที่ 867 ไม่เสียแรงที่นางพยายาม
ตอนที่ 867 ไม่เสียแรงที่นางพยายาม
อวี้ชิงลั่วอึ้งไป แม่นมเก๋อรู้จักเย่ซิวตู๋หรือ
ขณะนางยังคงประหลาดใจอยู่ เย่ซิวตู๋กลับย่อตัวลงตรงหน้านางแล้วถามเบาๆ “เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ จู่ๆ เจ้าก็วิ่งหนีมา ไม่บอกกล่าวสิ่งใดแม้แต่น้อย ไม่กลัวคนอื่นเขาจะเป็นห่วงเอาเสียเลย”
ขณะเขากล่าวก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็พบว่านางสบายดี จึงพอใจแล้ว
เพียงแต่ยังมีบางอย่างที่ไม่พอใจเล็กน้อย “เหตุใดจึงร้องไห้แล้วเล่า?”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก คนผู้นี้ตาบอดแล้วหรือ ไม่เห็นแม่นมเก๋อข้างๆ นี้หรืออย่างไร
หนานหนานเช็ดหน้า จับแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋แล้วเริ่มเช็ดน้ำตา จากนั้นก็กล่าวพลางสะอื้น “ท่านพ่อ ข้าเองก็ร้องไห้แล้ว”
“ท่านพ่อหรือ” แม่นมเก๋อพึมพำ แววตามองเย่ซิวตู๋อย่างสงสัย
ในที่สุดก็รู้สึกได้ถึงแววตาแผดเผาของนาง เขาจึงหันหน้ามา มองไปยังแม่นมเก๋อที่กำลังเงยหน้าราวกับว่ากำลังกลั้นหายใจมองเขา จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ เขาก็ชะงัก ถามอย่างไม่มั่นใจนัก “ท่านคือ… แม่นมผางหรือ?”
“ใช่ ข้าเอง ท่าน ท่านยังจำข้าได้หรือ?” แม่นมเก๋อสีหน้าตื่นเต้นเสียจนแทบหายใจไม่ออก หลังจากนั้นลมหายใจก็ขาดห้วงอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วและหนานหนานตะลึงไป แม่นมผางอันใดกัน? เย่ซิวตู๋กับนางรู้จักกันจริงๆ หรือ?
ตอนนี้อวี้ชิงลั่วมีคำถามมากมายในใจ ราวกับว่ากำลังตีกันอยู่ในหัวอย่างวุ่นวายยิ่ง
ในตอนที่นางคิดจะอ้าปากถามนั้นเอง จู่ๆ แม่นมเก๋อก็จับมือของนางแล้วยิ้มออกมา “ดีๆ พวกท่าน… อยู่ด้วยกันจริงๆ ถือว่า… ถือว่าไม่เสียแรง… ที่ข้าพยายาม…”
นางกล่าวจบก็ราวกับว่าไม่สามารถทนได้อีกแล้ว ผ่อนหายใจออกช้าๆ จากนั้นก็หมดสติไป
“แม่นมเก๋อ” อวี้ชิงลั่วรีบวางมือบนชีพจรของนาง จากนั้นก็ดูโล่งใจ กล่าวกับหนานหนานที่ก็กำลังกระวนกระวายเช่นกัน “ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ขณะกล่าว ทางด้านผู้บัญชาการเฮ่อก็นำคนสองคนแบกเกี้ยวมาพอดี
สองสามคนจึงค่อยๆ พาแม่นมเก๋อไปทางเรือนที่อยู่ไม่ไกลนักอย่างระมัดระวัง
เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ด้านหลัง มองร่างของสองสามคนนั้นค่อยๆ หายไปจากระยะไกล จากนั้นก็หันหน้ามามองเหมิงจื่อเย่าที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่กับพื้น แต่ยังพยายามร้องออกมาอย่างสุดแรง
ผู้บัญชาการเฮ่อโน้มตัวมาหาเขาแล้วเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ฟัง
เย่ซิวตู๋พยักหน้าแล้วเข้าใจขึ้นมา
ต่อจากนั้นก็เตะไปที่หน้าอกของเหมิงจื่อเย่า คนผู้นั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและกระอักเลือดออกมาทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างช้าๆ “เมื่อเทียบกับเหมิงจื่อเชียนแล้ว เจ้าช่างไร้ประโยชน์อย่างมากเสียจริงๆ ท่านลุงตาบอดแท้ๆ จึงได้ให้ความสำคัญกับเจ้านัก”
เหมิงจื่อเย่ากล่าวอันใดไม่ออก รู้สึกหัวโตเล็กน้อย เส้นเลือดราวกับกำลังเต้นตุบๆ
เย่ซิวตู๋เกลียดชังเขามาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้เขาแอบเข้าไปในห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิงและคิดจะลงมือฆ่า สีหน้าของเขาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น
“ตอนนี้แม่ของเจ้าอยู่ในห้องของท่านตาและกำลังขอโทษเขาอยู่ เจ้าเองก็ไปเถิด ไปคำนับเขาดีๆ สักสองสามครั้ง ก็ถือว่าแสดงความกตัญญูเป็นครั้งสุดท้าย”
เหมิงจื่อเย่าเบิกตากว้าง ท่านแม่เองก็แพ้และถูกจับแล้วอย่างนั้นหรือ?
เย่ซิวตู๋ไม่คุยกับเขาอีกต่อไป เพียงแต่หันมากล่าวกับผู้บัญชาการเฮ่อ “พาเขาไปที่ห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิง ส่งตัวให้เหมิงฮูหยินพร้อมๆ กันเลย”
“ขอรับ” ผู้บัญชาการเฮ่อพยักหน้า ถึงแม้ก่อนหน้านี้แม่นางอวี้จะสั่งให้ส่งตัวเขาให้ท่านประมุขจัดการ แต่ดูจากที่นางสื่อในขณะนั้น เพียงแค่ไม่อยากให้มือตนสกปรกก็เท่านั้น
ดังนั้นหากไม่ใช่พวกเขาลงมือเอง ใครจะเป็นคนลงมือก็ล้วนไม่ต่างกัน
เหมิงจื่อเย่าพยายามดิ้นรนทั้งยังโกรธเกรี้ยว แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเอาชนะแม้แต่ทหารเพียงสองคน อย่าว่าแต่คิดจะไปแตะต้องเย่ซิวตู๋เลย
ผู้บัญชาการเฮ่อรีบให้คนมาพาเขาไปที่ห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเย่ซิวตู๋จึงเดินไปทางด้านที่อวี้ชิงลั่วจากไปเมื่อครู่
แม่นมเก๋อร่างกายอ่อนแอมาก อวี้ชิงลั่วตรวจอาการนางอย่างละเอียด จากนั้นก็ช่วยนางเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดให้ จากนั้นก็ช่วยห่มผ้าให้นาง นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
หนานหนานเองก็ยุ่งวุ่นวายอย่างมาก เห็นแม่นมเก๋อบาดเจ็บตามตัว เขาก็ปวดใจเป็นพิเศษ กะพริบตาสองสามครั้งแล้วก็ร้องไห้อีกพักหนึ่ง
ตอนที่เย่ซิวตู๋มาถึง อวี้ชิงลั่วก็ยังคงเช็ดตัวให้แม่นมเก๋อ
เขายืนอยู่นอกประตู แต่กลับขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ชิงเอ๋อร์ดีกับแม่นมเก๋อมากไปหน่อยแล้ว
เขายังไม่เคยได้รับความกระตือรือร้นเช่นนี้จากนางเลย ช่างลำเอียงนัก เขาคิดพลางเม้มปากแล้วจากไปทันที
เมื่อกลับมาอีกครั้งก็ผ่านไปเกือบหมดวัน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เมื่อได้ยินเสียงก็หันหน้าไปถามเขา “ท่านรู้จักแม่นมเก๋อหรือ?”
“อืม” เย่ซิวตู๋รู้ว่านางจะถาม ก็ตอบไปตามตรง “เมื่อก่อนนางเคยรับใช้ข้างกายหมู่เฟย ตอนข้าเด็กๆ นางดีกับข้าอย่างมาก น่าจะเป็นคนข้างกายหมู่เฟยเพียงคนเดียวที่ปฏิบัติต่อข้าอย่างใจดี”
“หมายความว่า เมื่อก่อนแม่นมเก๋อเคยรับใช้ในวังหรือ?” อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ นางข้าหลวงจะออกจากวังได้อย่างไร หากไม่ได้รับการอภัยโทษเป็นพิเศษ การออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นความผิดร้ายแรง
เย่ซิวตู๋ลากเก้าอี้มาแล้วนั่งลงข้างนาง แววตามองไปยังแม่นมเก๋อที่อยู่บนเตียง เม้มปากแล้วกล่าวเบาๆ “เมื่อก่อนนางคือแม่นมผางข้างกายหมู่เฟยของข้า และเป็นหนึ่งในคนรับใช้ส่วนตัวสองคนที่หมู่เฟยพามาจากดินแดนเหมิง ถือว่าได้รับหน้าที่สำคัญจากหมู่เฟย เพียงแต่เจ็ดปีก่อน จู่ๆ ก็มีข่าวจากตำหนักอี๋ซิ่งว่าแม่นมผางป่วยและตายไปกะทันหัน ข้าหลวงในวังตายไปหนึ่งหรือสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ไม่นานก็จะถูกนำตัวออกไป จนกระทั่งข้าได้ยินข่าวนี้ ร่างของแม่นมเก๋อก็ถูกนำไปเผาแล้ว”
ในใจเขาย้อนเสียใจ จากนั้นจึงให้คนไปซื้อเงินกระดาษและธูปหอม เพื่อเผาไปให้แม่นมที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือแม่นมผางยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นยังเป็นแม่นมเก๋อที่ชิงเอ๋อร์และหนานหนานเฝ้าคิดถึงตามหามานาน
ทันทีที่เห็นนาง เย่ซิวตู๋ก็ตกใจเช่นกัน
ทันใดนั้นอวี้ชิงลั่วก็จำสิ่งที่หว่านเฟยเหนียงเหนียงกล่าวกับนางก่อนตายได้ หว่านเฟยกล่าวว่าหลังจากพบตัวแม่นมเก๋อแล้ว จะมีผลดีบางอย่าง… ที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
ผลดีที่คาดไม่ถึงนั้นคืออันใดกัน หรือว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหมิงกุ้ยเฟย อย่างไรเมื่อก่อนแม่นมเก๋อก็คอยรับใช้อยู่ข้างกายเหมิงกุ้ยเฟย
อีกทั้งหว่านเฟยยังบอกเอาไว้ไม่ผิด แม่นมเก๋อเป็นชาวเหมิงจริงๆ
“หรือว่าแม่นมเก๋อรู้ความลับบางอย่างของเหมิงกุ้ยเฟย วันนี้นางจึงถูกเหมิงจื้อเฉิงจับไว้ได้กัน?” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ไม่อย่างนั้นนางก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมเหมิงจื้อเฉิงจะต้องทรมานแม่นมเก๋อโดยไร้สาเหตุเช่นนี้
เย่ซิวตู๋เงียบไป ในใจก็คิดไว้ไม่ต่างจากนางนัก
“อีกอย่าง” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วแน่นขึ้น มุมปากของนางกระตุก กล่าวด้วยเสียงต่ำ “สิ่งที่แม่นมเก๋อพูดก่อนจะหมดสติไปหมายความว่าอย่างไร อะไรคือการไม่เสียแรงที่นาง… พยายาม”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หรือว่าแม่นมเก๋อจะเป็นคนเบื้องหลังที่ชักนำให้ชิงลั่วกับท่านอ๋องมาเจอกันนะ?
ไหหม่า(海馬)