อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 870 เอาใจ
ตอนที่ 870 เอาใจ
ตอนที่ 870 เอาใจ
อวี้ชิงลั่วมองเย่ซิวตู๋อย่างสงสัย หรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับกำลังถามเขาว่าได้ปิดบังอะไรจากนางหรือไม่?
เย่ซิวตู๋ทำท่าทางไร้เดียงสาอย่างมาก เขายักไหล่และส่ายหน้าอย่างงุนงง
อวี้ชิงลั่วหันหน้าทันที ยิ้มแล้วมองไปทางแม่นมเก๋อ กล่าวขึ้น “แม่นม ตอนนี้ร่างกายท่านยังอ่อนแอมาก มีเรื่องอะไรจะคุยก็รอคุยกันอีกครั้งเถิด อีกอย่างข้าคิดว่าตอนนี้เราทุกคนล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมองกันเป็นคนนอก พวกเรา…”
ภายใต้สายตาที่จับจ้องเขม็งของแม่นมเก๋อ น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ลดไหล่ลงอย่างอ่อนแรง ยื่นมือออกไปกล่าวกับหนานหนาน “เราออกไปกันเถอะ”
“เอ๋” หนานหนานเอียงคอ “ท่านแม่พยายามอีกหน่อยสิขอรับ เราจะได้อยู่ฟังกัน”
อวิ้ชิงลั่วถลึงจ้องหนานหนานอย่างดุดัน จากนั้นก็เดินออกประตูไปก่อน
หนานหนานอุตส่าห์คาดหวังว่าจะทำได้ ท่านแม่ควรอยู่ต่ออย่างไร้ยางอายสิถึงจะถูก แบบนั้นเขาก็จะได้ฟังอย่างเปิดเผย
เด็กน้อยก้มหน้า กลิ้งลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว สวมรองเท้าแล้วตามอวี้ชิงลั่วออกจากห้องไป
ท้องฟ้าด้านนอกมืดเล็กน้อยแล้ว อวี้ชิงลั่วยืนเม้มปากอยู่หน้าห้อง ทันใดนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้ประตูแล้วใช้หูแนบประตู
หนานหนานมองนางอย่างดูถูก เตือนนางอย่างหวังดี “ท่านแม่ หากท่านได้ยินสิ่งที่คุยกันข้างใน ท่านพ่อก็น่าจะได้ยินการเคลื่อนไหวของท่านนะขอรับ”
หูท่านแม่ไม่ได้ดีเท่าท่านพ่อ เหตุใดจึงยังทำสิ่งที่เป็นการเปิดเผยตัวเองอีกเล่า?
หนานหนานรู้สึกว่าสติปัญญาของท่านแม่ลดน้อยลง หรือนี่จะเป็นอาการแก่ก่อนวัยที่คนเขาว่ากัน?
เฮ้อ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าภาระของตนนั้นช่างหนักหนา ต่อไปก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการดูแลท่านแม่อีก
“โอ๊ย… ท่านแม่ อย่าบิดหูสิ เดี๋ยวหูก็ใหญ่หรอก ท่านแม่” หนานหนานยังไม่ทันคิดจินตนาการจบ อวี้ชิงลั่วก็หันหลังอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกับบิด… หูของเขา แล้วพาเดินออกไปด้านนอก
หนานหนานรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก เขาอุตส่าห์เตือนด้วยเจตนาดี ท่านแม่กลับไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนเสียบ้างเลย
“หนานหนาน แม่คิดว่าเราไม่ได้คุยกันนานแล้ว ใช้โอกาสที่แม่นมเก๋อกับท่านพ่อของเจ้าพูดคุยกัน มาจับเข่าคุยกันเองอย่างลึกซึ้งบ้าง ว่าอย่างไรล่ะ” อวี้ชิงลั่วยิ้มพลางดึงเขามานั่งตรงบันไดหิน
“…” ก็ไม่ว่าอย่างไรนะ
หนานหนานมองท่านแม่ของตนด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“อืม อย่าอายไปเลย ข้ารู้ว่าเจ้ายังต้องการการสั่งสอนและชี้แนะจากแม่อย่างข้า”
หนานหนานเม้มปาก รู้สึกว่าท่านแม่ไร้ยางอายเป็นพิเศษ
“ท่านแม่… ท่านจะสอนอะไรข้าหรือ?” หนานหนานลดไหล่ลงและถามอย่างอ่อนแรง
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด “ก็อย่างเช่น สอนวิธีเอาใจผู้ใหญ่ให้เจ้าไงล่ะ”
หนานหนานคิด การที่เขาจะเอาใจผู้หลักผู้ใหญ่นั้นถือเป็นเรื่องง่ายมาโดยตลอด จะต้องการให้ท่านแม่มาสอนทำไมกันเล่า
ดูอย่างเสด็จปู่ ท่านปู่ทวด เสด็จย่า ท่านปู่ลู่สิ ไหนจะท่านลุงท่านป้าท่านน้าท่านอาอีกมากมาย มีใครบ้างที่ไม่รักและสงสารเขาจนอดใจไม่ไหวอยากจะกอดและบีบเขาบ้าง? ความสามารถนี้เขามาถึงจุดที่เชี่ยวชาญแล้ว ทั้งยังสามารถเปิดสอนได้เสียด้วยซ้ำ
“ท่านแม่ เราเปลี่ยนเสียหน่อยเถิด อย่างเช่นมาศึกษาว่าจะกินอย่างไรให้ไม่อ้วน” ท่านแม่เป็นคนเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากินไปไม่น้อย เหตุใดจึงไม่เห็นจะมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง?
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก จ้องมองเขาแวบหนึ่ง “กินจะเป็นจะตายแบบเจ้า เป็นใครก็อ้วน เจ้าอยากเรียนสิ่งนี้หรือ มีแต่อดอาหารประท้วงเท่านั้นแหละ”
หนานหนานมุ่ยปาก ท่านแม่ใจร้ายเกินไปแล้ว
“อีกอย่าง ข้าบอกให้เรียนอะไรก็เรียนไปเถิด ห้ามคัดค้าน”
“ขอรับ” ช่างเผด็จการเหลือเกิน หนานหนานโกรธมากจริงๆ
อวี้ชิงลั่วเห็นแล้วก็พอใจ ลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา กระแอมเบาๆ แล้วกล่าว “การจะเอาใจผู้ใหญ่นั้นเป็นความรู้ที่ลึกล้ำอย่างมาก อย่างเช่นเมื่อครู่ตอนอยู่ในห้อง ตอนที่เจ้าได้ยินแม่นมเก๋อบอกว่าจะให้เราหลบออกมา เจ้าก็ควรทำตัวออดอ้อน กลิ้งไปกลิ้งมา ทำตัวขายแบ๊ว…”
“ท่านแม่ อะไรคือขายแบ๊วขอรับ?”
“…นั่นไม่ใช่ประเด็น”
“อ้อ” หนานหนานก้มหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจไปเองได้ ขายแบ๊วน่าจะหมายถึงการขายของ ตัวเขาก็มีของเล่นไม่น้อย แต่ถ้าหากขายให้แม่นมเก๋อทั้งหมด แม่นมเก๋อจะพอใจหรือ?
ทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเรือน ฟังบทสนทนาของสองแม่ลูกจากระยะไกล อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
หมอปีศาจและบุตรชาย… เหตุใดการพูดการจาจึงแปลกประหลาดได้เพียงนี้?
ข่าวลือที่ว่าเป็นความจริง ข่าวลือเป็นความจริงจริงๆ ด้วย
ส่วนเย่ซิวตู๋ในตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วละสายตากลับมา
จากนั้นก็นั่งตรง สีหน้ากลับมาเป็นจริงจังอีกครั้ง หันกลับมามองแม่นมเก๋อ
ใครจะรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายกลับจับจ้องมาที่เขาตั้งแต่แรก แววตาฉายความพึงพอใจ ไปจนถึงสีหน้าก็พึงพอใจเช่นกัน
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว จากนั้นแม่นมเก๋อก็หัวเราะออกมา กล่าวเบาๆ “ท่านกับหนานหนานช่างคล้ายกันมากจริงๆ”
“…” คล้ายหรือ นางแน่ใจหรือ?
ดูเหมือนแม่นมเก๋อจะคิดอะไรบางอย่างออก กระแอมเบาๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าหมายความว่า ฉลาดเหมือนกันทั้งคู่เจ้าค่ะ”
อืม สิ่งนี้เขาไม่ปฏิเสธ เย่ซิวตู๋พยักหน้า สีหน้ายังคงเคร่งขรึม
ทั้งสองคนเงียบลงอีกครั้งในทันที เย่ซิวตู๋ไม่ใช่คนที่ชอบพูดคุย ยิ่งไม่มีทางเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
แม่นมเก๋อกลับเม้มปาก ราวกับว่ากำลังคิดว่าจะควรเอ่ยออกมาอย่างไรดี
บทสนทนาของแม่ลูกอวี้ชิงลั่วที่ด้านนอกดังเข้ามาเป็นระยะๆ ถึงแม้จะได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่เสียงที่คมชัดก็ทำให้คนรู้สึกสนใจอย่างมาก
แม่นมเก๋อฟังเสียงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสบายใจ
“เห็นท่านและหนานหนานอยู่ด้วยกันได้อย่างพ่อลูก หลายปีมานี้ ข้าเองก็ถือว่าวางใจได้แล้ว”
“อืม” เย่ซิวตู๋ตอบกลับคำหนึ่ง แต่ต่อจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว
เขาเป็นคนเฉียบแหลมอยู่แล้ว คำพูดของแม่นมเก๋อนี้… เขาฟังแล้ว รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ
เย่ซิวตู๋หรี่ตาเล็กน้อย มองนางอย่างสงสัย ถามเสียงต่ำ “ท่านกล่าวเช่นนี้… หมายความว่าท่านรู้แต่แรกแล้วหรือว่าหนานหนานเป็นลูกข้า รู้มาตั้งแต่แรกเลยหรือ?”
หากเป็นเช่นนั้นจริง ในหัวเย่ซิวตู๋พลันว่างเปล่าไปในทันที ไม่กล้าคิดอันใดลึกซึ้งไปอีก
แม่นมเก๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้ม “ท่านอ๋องยังคงความรู้สึกไวและฉลาดมากเจ้าค่ะ”
นางอดถอนหายใจไม่ได้ คนเช่นนี้ เหตุใดเหนียงเหนียงจึงไม่ชอบกันนะ เห็นๆ อยู่ว่าล้วนเป็นบุตรของนาง นางกลับต้องการบุตรชายที่มีความสามารถกลางๆ เสียมากกว่า และไม่ต้องการท่านอ๋องซิวที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ทั้งบนร่างเขาก็ยังได้รับสืบทอดปานรูปดอกไม้มา
“เหตุใดแม่นมจึงรู้ได้เล่า?” เย่ซิวตู๋หรี่ตาแล้วถาม “เป็นเพราะ… จี้หยกอันนั้นหรือ?”
แม่นมเก๋อรู้จักเขา บางทีนางอาจจะเคยเห็นจี้หยกบนร่างเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความเป็นไปได้นี้สูงมาก
แต่แม่นมเก๋อกลับส่ายหน้า ทันใดนั้นก็หัวเราะขื่นๆ กล่าวขึ้น “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าจี้หยกนั้นเป็นของท่านอ๋อง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดูจากบทเรียนแต่ละอย่าง จะไปกันรอดไหมเนี่ยแม่ลูกคู่นี้
ไหหม่า(海馬)