อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 874 ความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตอนที่ 874 ความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตอนที่ 874 ความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน
อวี้ชิงลั่วหน้าแดงขณะรีบคว้าเสื้อไว้ “มันสายแล้ว ท่านตื่นเถิด”
“…อืม” เย่ซิวตู๋ตอบเสียงอู้อี้ แต่ยิ่งยื่นมือออกไปจับแน่นกว่าเดิม
อวี้ชิงลั่วทำสีหน้ามืดมน “ถ้าท่านยังไม่ยอมลุก อีกประเดี๋ยวหนานหนานจะบุกเข้ามานะ เอ๊ะ เลิกซนได้แล้ว”
มันใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ตอนกลางวันแสก ๆ หรือ?
“…อื้ม” อวี้ชิงลั่วกำลังจะพูดต่อ แต่วินาทีต่อมาก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มและเปียกชื้นที่ท้ายทอย พร้อมกับลมหายใจของเย่ซิวตู๋โลมไล้ต้นคอของนาง
กายนางสั่นสะท้านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาจากข้างหลังนาง
อวี้ชิงลั่วโกรธระคนเขินอาย “เย่ซิวตู๋ อย่าหัวเราะ”
“ก็ได้ ไม่หัวเราะแล้ว” เย่ซิวตู๋รักษาคำพูด รีบกลั้นยิ้มทันที แล้ววินาทีต่อมา เขาก็พลิกตัวมาทับร่างนางแผ่วเบา
อวี้ชิงลั่วไม่อาจทำได้กระทั่งผลักเขาออกไป ริมฝีปากของนางถูกริมฝีปากของเขาปิดไว้แน่น นางไม่สามารถแม้แต่จะพูดได้ด้วยซ้ำ
วันนี้เย่ซิวตู๋อ่อนโยนเป็นพิเศษ และดูมีความอดทนมากด้วย อวี้ชิงลั่วคิดว่าด้วยความที่เขาคิดเรื่องนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ก็เพราะเขาหิวกระหายมานานเกินไป และเขาต้องทรมานนางจนเกือบตายแน่นอน
คาดไม่ถึงเลยว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะนุ่มนวลมาก เขาคำนึงถึงความสุขของนาง แม้จะเหงื่อโซมกาย แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้นางเจ็บปวดแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าพฤติกรรมของเขาในวันนี้ทำให้นางตกใจระคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด และถูกความปรารถนาอันท่วมท้นกลืนกินไป
เย่ซิวตู๋จัดการนางตลอดบ่าย ก่อนที่นางจะหลับสนิท
แต่ก็ยังคงรู้สึกอยู่ดี ว่าเขายังไม่ได้ทำให้ดีที่สุด
เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็เป็นเวลาเย็นแล้ว และไม่มีใครอยู่ข้างกายนางบนเตียง
อวี้ชิงลั่วลูบเนื้อตัวที่ค่อนข้างปวดเมื่อย นางรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ขณะที่ลุกขึ้นจากเตียงก็รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง
ไม่รู้จะหักห้ามใจตัวเองอย่างไรจริง ๆ หลับใหลจนตะวันลับขอบฟ้าก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้…กลับลากยาวมาจนถึงเวลาค่ำ
เดิมทีนางวางแผนไว้ว่าวันนี้จะตื่นให้เช้าขึ้น เพื่อไปติดตามผลจากแม่นมเก๋อ แต่ตอนนี้นางรู้สึกละอายใจเล็กน้อยหากต้องไปเจอคนอื่น
อวี้ชิงลั่วนึกคร่ำครวญ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง แล้วหาเสื้อผ้ามาสวมใส่
แต่นางรู้สึกว่าพฤติกรรมของเย่ซิวตู๋ในวันนี้แปลกจริง ๆ เขากังวลเรื่องอะไรอยู่? ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นข้างนอก พร้อมกับเสียงแผ่วเบาของเยว่ซิน“คุณหนู ท่านตื่นหรือยังเจ้าคะ?”
“… อ๊ะ ตื่นแล้ว” อวี้ชิงลั่วสะดุ้งก่อนตอบกลับ
ทันทีที่ประตูเปิดออก นางก็เห็นเยว่ซินกำลังยืนถือน้ำอยู่หน้าประตู คนข้างหลังนางคือโม่เสียนที่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
“เจ้ามาจากคฤหาสน์ประจำเผ่าหรือ?” อวี้ชิงลั่วหันหลังเดินกลับเข้าห้องเพื่อให้เยว่ซินตามเข้ามา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เยว่ซินยื่นให้มาเช็ดหน้า
เยว่ซินหันกลับไปบอกให้โม่เสียนออกไปก่อน แล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าน้อยเพิ่งกลับมาที่นี่ตอนบ่าย ตอนนี้คฤหาสน์ประจำเผ่ากำลังโกลาหล ท่านประมุขกำลังตามหาตัวคนทรยศอยู่ พวกเราจึงต้องกลับมาที่นี่ก่อนเจ้าค่ะ”
เยว่ซินเริ่มทำหน้าที่ของตนเอง เมื่อเห็นว่านางล้างหน้าเสร็จแล้ว เยว่ซินก็รีบวิ่งออกไปนำอาหารมาให้
อวี้ชิงลั่วไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน นางจึงหิวจนไส้แทบกิ่ว เมื่อเห็นว่าทุกจานล้วนเป็นอาหารโปรด นางก็เริ่มกินทันที
เยว่ซินที่ยืนรออยู่เห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณหนู ท่านค่อย ๆ รับประทานก็ได้ หนานหนานไม่ได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ” ดังนั้นจึงไม่มีใครแย่งอาหารนางหรอก
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเยว่ซิน เมื่อเห็นว่านางยังคงหันหน้าปิดปากเพื่อกลั้นยิ้ม อวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมเบา ๆ แล้วถามว่า “แล้วเย่ซิวตู๋อยู่ที่ใด?”
“ท่านอ๋องซิวไปคฤหาสน์ประจำเผ่า เพื่อหารือเรื่องต่าง ๆ กับท่านประมุขเจ้าค่ะ”
“อ๋อ” อวี้ชิงลั่วกินอีกสองคำ
ในที่สุดเยว่ซินก็หยุดหัวเราะ แล้วอธิบาย “แม่นมเซียวรู้ว่าคุณหนูได้พบแม่นมเก๋อแล้ว และตอนนี้นางกำลังคุยกับแม่นมเก๋ออยู่ในห้อง สองพี่น้องร้องไห้อย่างหนักเมื่อได้พบกัน ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดีมากนะเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วส่งเสียง ‘อืม’ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่นมเก๋อและแม่นมเซียวนั้นดียิ่งนัก
ขณะที่พวกนางอยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่ในตอนนั้น ราวกับว่าพวกนางได้พบสหายที่มีใจตรงกัน เพียงพานพบครั้งแรกก็สนิทสนมกันแล้ว
ยิ่งกว่านั้นคือพวกนางทำงานรับใช้ในวัง ทำให้มีอุปนิสัยหลายอย่างที่เหมือนกัน อีกทั้งพวกนางทั้งสองก็จริงใจต่อนางและหนานหนาน จึงเป็นธรรมดาที่พวกนางจะเข้ากันได้ดี และความสัมพันธ์ของทั้งสองก็แน่นแฟ้น
“เผิงอิงก็กลับมาพร้อมกับหงเย่ด้วยเจ้าค่ะ นายท่านทราบดีว่าช่วงสองวันมานี้ ท่านยุ่งและเหนื่อยมาก นายท่านจึงไม่ได้มารบกวนท่าน แต่ขอให้หมอเฒ่าฉยงซานช่วยรักษาหงเย่ แม้ว่าหงเย่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หมอเฒ่าฉยงซานก็บอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรร้ายแรง เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อพักฟื้นให้ดีเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ยุ่งและเหนื่อยมาก… เมื่อได้ยินสี่คำนี้ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
นางอดไม่ได้ที่จะหันหน้าหนี และพยักหน้าเบา ๆ “เข้าใจแล้ว”
บาดแผลบนร่างกายของหงเย่ยังคงค่อนข้างสาหัส แต่โชคดีที่นางและหมอเฒ่าฉยงซานต่างมียาและทักษะทางการแพทย์ที่ดี
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เผชิญกับความสูญเสียอย่างหนัก จากการก่อจลาจลในดินแดนเหมิงครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ต้องเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากมายเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสสกุลหมิง หงเย่ หรือแม่นมเก๋อ พวกเขาทุกคนได้รับการช่วยชีวิตไว้ได้ แต่พวกเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานมากเช่นกัน
โชคดีที่สิ่งต่าง ๆ ยังคงเป็นไปในทางที่ดี คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้คือผู้อาวุโสสกุลหมิง นางยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมเขา จึงยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด
ทว่าหมอเฒ่าฉยงซานมีความชำนาญมาก หากเขาทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ ก็แสดงว่าอาการต้องสาหัสมากจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วกินต่ออีกสองสามคำ เมื่อรู้สึกอิ่มเล็กน้อย นางก็วางตะเกียบในมือลงแล้วเช็ดปาก
เมื่อวางผ้าในมือลงแล้ว ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรบางอย่างออก จึงหันกลับไปถามเยว่ซินว่า “แล้วเสี่ยวอวี้กับชิวเอ๋อร์อยู่ที่ใด?”
“เด็กทั้งสองกลับไปพร้อมกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ และคุณชายเหมิงก็ดูแลพวกนางเจ้าค่ะ” เยว่ซินตอบ “ครั้งที่แล้ว ต้องขอบคุณคุณหนูที่ไปคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายของเหมิงเคอ ทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่เข้าใจ และให้ความสนใจสถานการณ์ในคฤหาสน์มากขึ้น ข้าน้อยได้ยินมาจากโม่เสียนว่า คนรับใช้หลายคนถูกไล่ออกเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุนี้ คฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ในปัจจุบันจึงโปร่งใสและปลอดภัยที่สุดเจ้าค่ะ”
หลังจากที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่จัดการการแก้ไขและกวาดล้างครั้งก่อน จำนวนคนรับใช้ก็ลดลง เหล่าหนอนบ่อนไส้และเนื้องอกในคฤหาสน์ก็หายไป ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยผู้อาวุโสสกุลเยว่ได้มาก
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าตัวเองจับพลัดจับผลูกลายเป็นคนสำคัญเช่นนั้น?
ตอนนั้นนางไม่ได้มีอุดมคติและความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่เลย นางจัดการเหมิงเคอด้วยวิธีนั้น เพียงเพราะนางไม่ชอบเหมิงเคอ
ทว่าหากเหมิงหลัวอวี้และชิวเอ๋อร์ได้รับการดูแลจากเหมิงหรง พวกนางก็คงจะมีชีวิตที่ดีขึ้นมากในอนาคต
นางได้ยินหนานหนานเล่าว่าชิวเอ๋อร์รู้เรื่องการตายของพ่อแม่และพี่ชายของนางแล้ว เพราะเหมิงหรงเป็นคนบอกนาง แต่ไม่รู้ว่าเหมิงหรงพูดอย่างไร นางได้ยินมาว่าปฏิกิริยาของชิวเอ๋อร์ค่อนข้างเย็นชา อาจเป็นเพราะนางรู้ว่าตอนนั้นพ่อแม่ของนางไม่ได้สนใจเรื่องการแกล้งตายปลอมของนางเลย ซึ่งพวกเขาไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้ชิวเอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดและกลายเป็นเย็นชากับพวกเขาไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วคิดว่านางเป็นเด็กที่น่าสงสาร แต่ด้วยการดูแลของผู้อาวุโสสกุลหมิง อย่างน้อยที่สุด ต่อไปชีวิตของนางก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม
นางจมอยู่ในความคิด จนกระทั่งเสียงของโม่เสียนดังขึ้นนอกประตู “แม่นางอวี้ ฮูหยินเหมิงมาหาขอรับ”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นเพราะท่านอ๋องรู้สึกผิดที่กระทำรุนแรงกับชิงลั่วในครั้งแรกน่ะสิคะ
บทจะอ่อนโยนก็ทำเป็นนี่หว่าท่านอ๋อง ทำไมตั้งนานถึงไม่ทำ? รู้สึกเซ็งพระเอกนิยายจีนก็ตรงนี้แหละค่ะ ชอบทำรุนแรงกับนางเอก
ไหหม่า(海馬)