อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 878 น้ำเสียงวิตกกังวล
ตอนที่ 878 น้ำเสียงวิตกกังวล
ตอนที่ 878 น้ำเสียงวิตกกังวล
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก เมื่อเห็นว่าหนานหนานรีบวิ่งมาข้างหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยความร่าเริง แล้วแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางจับมือทั้งสองคนแน่น ก่อนจะเผยรอยยิ้ม
“ท่านแม่ ข้าตามหาท่านตั้งนาน ข้าคิดว่าท่านหายตัวไปแล้วเสียอีกขอรับ” ทันทีที่หนานหนานมาถึง เขาก็เริ่มพูดพล่าม “ท่านแม่ ต่อไปท่านต้องบอกข้าด้วยว่าท่านจะไปที่ใด ข้าจะได้ไม่กังวลมากเกินไป หัวใจดวงน้อย ๆ ของข้ายังคงเต้นแรงอยู่เลย”
อวี้ชิงลั่วหันไปสบตากับเย่ซิวตู๋ที่มีสีหน้ามืดมนเช่นกัน
เมื่อเจ้าตัวเล็กนี้มาถึง บรรยากาศชวนอึดอัดรอบตัวทั้งสองก็สลายไปในทันที
“แม่ แม่นมเก๋อถามหาท่านหลายครั้งแล้ว นางถามว่าเหตุใดท่านไม่มาปรากฏตัวเลย ข้าเห็นว่านางมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักขอรับ”
อวี้ชิงลั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบหน้าผากตัวเอง เป็นเพราะนาง… ยุ่งมากจริง ๆ จึงลืมไปหาแม่นมเก๋อ
ทันใดนั้นนางก็ปล่อยมือเล็ก ๆ ของหนานหนาน แล้วพูดกับเย่ซิวตู๋ว่า “ข้าจะไปหาแม่นมเก๋อ พวกท่านคุยกันไปก่อนเถิด”
เมื่อพูดจบ นางก็วิ่งจากไปทันที
หนานหนานจ้องมองมือเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่าด้วยสายตาเหม่อลอย จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนหลังพ่อของเขาด้วยความหงุดหงิด แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าท่านแม่ให้ความสนใจข้าน้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว”
“ไม่หรอก”
“ต้องใช่สิๆ” หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง “ตั้งแต่ท่านมาปรากฏตัวข้างท่านแม่ ท่านแม่ก็ตื่นนอนตอนตะวันโด่งเสมอ นางจึงมีเวลาอยู่กับข้าน้อยมาก”
เย่ซิวตู๋รู้สึกผิดเล็กน้อย คำพูดนี้… เขายากที่จะอธิบาย
“ดูสิขอรับ ตอนนี้พบแม่นมเก๋อแล้ว นางก็ทิ้งข้าไปหาแม่นมเก๋อโดยไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ ท่านแม่เห็นคุณค่าของข้าน้อยเกินไปแล้ว”
มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุก “แล้วอย่างไร เจ้าไม่อยากอยู่กับพ่อหรือ?”
“…” หนานหนานหดคอแล้วส่ายหน้าทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนจะพูดอะไรผิดไป “อะไรกัน? ท่านพ่ออย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเหมือนสตรีสิขอรับ”
เย่ซิวตู๋เขกศีรษะเขาเบา ๆ แล้วพ่นลมหายใจเย็นชา “ถ้าเจ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก พ่อก็จะทิ้งเจ้าด้วย”
“…” พูดราวกับว่าเขาจะร้องไห้ด้วยความตกใจเมื่อต้องถูกปล่อยไว้คนเดียวที่นี่ ต่อให้เขาจะโดนทิ้งจริง เขาก็ยังหาของกินได้อยู่ดี
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าตนเองยุ่งและวิตกกังวลมาก จึงไม่ค่อยอยากอาหารมากนัก แต่ตอนนี้ได้พักผ่อนแล้ว จู่ ๆ ก็มีความอยากอาหารมากขึ้น และนึกอยากจะหาเสบียงมาใส่กระเป๋าให้เต็ม
อย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็นลูกหมาป่าตัวน้อยของพ่อ
พ่อลูกเดินคุยกัน แล้วพวกเขาก็มาถึงลานบ้านของแม่นมเก๋อ
เสียงปลอบโยนเบา ๆ ของอวี้ชิงลั่วดังมาจากข้างใน แล้วเย่ซิวตู๋ก็เข้าไป สายตาของแม่นมเก๋อจับจ้องมาที่เขาทันที ด้วยสีหน้า…ที่ค่อนข้างไม่สบายใจ
ทันใดนั้นเย่ซิวตู๋ก็กลับมารู้สึกตัว เมื่อนึกถึงสิ่งที่หนานหนานพูด เขาบอกว่าแม่นมเก๋อเฝ้ารออวี้ชิงลั่วมานาน
วันนี้ชิงเอ๋อร์ไม่ได้มาหานางทั้งวัน อาจเป็นเพราะแม่นมเก๋อคิดว่าชิงเอ๋อร์รู้เรื่องเหล่านั้นแล้ว และไม่เต็มใจจะคุยกับนางอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงกระวนกระวายใจมาก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่ซิวตู๋ก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย
จากนั้นแม่นมเก๋อก็มองไปทางอื่น แล้วหันหน้าไปคุยกับอวี้ชิงลั่ว
“ข้ารู้แล้วว่าบัดนี้เกิดอะไรขึ้น แม่นมเซียวและหนานหนานเล่าทุกอย่างให้ข้าฟังหมดแล้ว คุณหนูเจ้าคะ สถานการณ์ในอาณาจักรเฟิงชางกำลังร้ายแรง ท่านควรกลับไปโดยเร็วเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปาก “แต่ทั้งท่านและหงเย่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ…”
“ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ เราจะตามกลับไปภายหลัง ตราบใดที่หงเย่กับข้าได้พักฟื้นอย่างดี พวกเราก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่ขาดแคลนทั้งหยูกยาและอาหาร คุณหนูไม่ต้องห่วงพวกเราหรอกเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วยังคงทนไม่ได้ ในที่สุดนางก็ได้กลับมาเจอกับแม่นมเก๋ออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าแม่นมเก๋ออ่อนแอมากเช่นนี้ นางจึงเป็นห่วงมาก
แต่แม่นมเก๋อก็พูดถูก บัดนี้เหมิงกุ้ยเฟยกำลังถูกกดดันอย่างหนัก ไม่รู้ว่านางจะทำสิ่งใดอีก
อวี้ชิงลั่วเงียบอยู่นาน นางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนวางมือไว้บนหลังมือของแม่นมเก๋อ แล้วพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “เช่นนั้นท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี ข้าจะฝากฮูหยินเหมิงไว้ว่าหากท่านต้องการอะไรก็แค่บอกนาง ข้ายังมียาเหลืออยู่ ข้าจะฝากไว้ให้ท่านเมื่อถึงเวลา…”
นางนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปถามเย่ซิวตู๋ว่า “หมอเฒ่าฉยงซานจะอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด?”
“…ไม่รู้สิ” เขายังไม่ได้ถามคำถามนี้เลยจริง ๆ
ไม่ว่าจะอยู่นานเพียงใด เขาก็คงไม่ได้อยู่ในดินแดนเหมิงตลอดไป
อวี้ชิงลั่วกัดฟันแน่น และคิดว่าจะคุยกับเขาพรุ่งนี้ อย่างน้อยเขาก็น่าจะอยู่จนกว่าหงเย่จะหายดี
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็จ้องมองหนานหนานที่กำลังตัวสั่นด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่านางเห็น และรีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเย่ซิวตู๋
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็หันไปมองแม่นมเก๋อ แล้วอธิบายรายละเอียดอยู่พักหนึ่ง
เป็นเวลานานแล้วที่นางไม่ได้เจอแม่นมเก๋อ นางจึงรู้สึกลังเลที่จะปล่อยมือจากไป
นางยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะคุยกับแม่นมเก๋อ ผู้เปรียบเสมือนแม่ที่คอยให้ความอบอุ่นแก่นางเสมอ
แต่เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ทั้งแม่นมเก๋อและเย่ซิวตู๋ต่างก็หนักใจ พวกเขาจึงกลืนคำพูดบางคำที่กำลังจะพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกมากแล้ว แม้ว่าอวี้ชิงลั่วจะไม่ต้องการจากไป แต่นางก็กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของแม่นมเก๋อด้วย ดังนั้นนางจึงไม่อยู่รบกวนอีกต่อไป บอกให้แม่นมเก๋อหลับพักผ่อนเสีย จากนั้นก็กลับไปที่ห้องกับเย่ซิวตู๋
ตอนนี้หนานหนานที่ซุกซนมาตลอดทั้งวัน ง่วงนอนมากจนเผลอหลับไปบนร่างของเย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋อุ้มหนานหนานกลับไปที่ห้อง และเมื่อเขากลับมาก็พบว่าอวี้ชิงลั่วหลับไปแล้ว
เขาเลิกคิ้วขึ้น นางนอนเกือบทั้งวันแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงง่วงง่ายนัก?
เขาส่ายหน้า แล้วยกผ้าห่มขึ้นเพื่อซุกตัวเข้าไป
เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่น อวี้ชิงลั่วก็ขยับเข้าไปหาเขา แล้วเอาหน้าแนบกับหน้าอกของเขา พึมพำบางอย่างและหลับไปอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋กอดนางเบา ๆ แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าสามารถพึ่งพาข้าเช่นนี้ได้ตลอดเวลา แม้ในยามที่เจ้าตื่น”
“อืม…” ราวกับได้ยินคำพูดของเขา อวี้ชิงลั่วตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็เงียบอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋ยกยิ้ม ก่อนจะหยิบจดหมายที่ซ่างกวนจิ่นเขียนออกมา แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กำจดหมายแน่นและฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายอยู่บนพื้น…
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่อวี้ชิงลั่วจะตื่น หนานหนานก็บุกเข้ามาในห้องของทั้งสองคน และปีนขึ้นไปบนเตียงของพวกเขา
“ท่านแม่ ข้าเพิ่งฝันร้ายจึงหวาดกลัวมาก ช่วยปลอบข้าหน่อยสิขอรับ” ขณะที่พูด เขาก็กอดรัดอวี้ชิงลั่วไว้แน่นด้วยมือและเท้าราวหนวดปลาหมึก
เย่ซิวตู๋หงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มเขาไปวางลงบนพื้น “เจ้าบอกว่าเจ้าโตแล้วไม่ใช่หรือ? จะมากลัวฝันร้ายอะไร?”
“…” หนานหนานจ้องพ่อด้วยความโกรธ กลอกตาไปมา และคิดจะขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาจึงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงวิตกกังวลของเสิ่นอิงดังมาจากข้างนอก “นายท่าน มีเรื่องสำคัญมากขอรับ”
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เรื่องสำคัญอะไรกันนะ ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วยสิ
ไหหม่า(海馬)