อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 879 ไท่จื่อถูกปลด
ตอนที่ 879 ไท่จื่อถูกปลด
ตอนที่ 879 ไท่จื่อถูกปลด
เย่ซิวตู๋ชะงักไปครู่หนึ่ง หนานหนานเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจตนแล้ว จึงขึ้นไปบนเตียงโดยไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ แล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอวี้ชิงลั่ว
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลง ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกไปหยิกแก้มน้อย ๆ เมื่อได้สัมผัสความนุ่มนิ่มน่ารัก เขาก็ดึงมือกลับอย่างพึงพอใจ คลี่ผ้าม่านเตียงลง แล้วสวมเสื้อผ้าเดินออกจากห้องชั้นในไป
หนานหนานถูใบหน้าเล็ก ๆ ของตนอย่างแรง และทำหน้าบึ้งด้วยความโกรธ
“ท่านแม่ ข้าเจอเรื่องร้ายแรงมากขอรับ”
อวี้ชิงลั่วนอนอย่างเกียจคร้านบนเตียง แล้วทำท่าชี้มาที่ตัวเอง “นวดไหล่ให้แม่หน่อย” เมื่อเห็นว่าหนานหนานใช้กำปั้นเล็ก ๆ ของเขานวดไหล่ให้นางอย่างชำนาญ นางก็ถามเบา ๆ ว่า “เรื่องร้ายแรงอะไรหรือ?”
“ข้าค้นพบว่าท่านกับท่านพ่อชอบหยิกแก้มข้า มันไม่ดีเลย ต่อให้ใบหน้าของข้าจะน่ารัก แถมยังเนียนนุ่มน่าสัมผัส แต่ข้าก็ไม่สมควรถูกหยิกตลอดเวลาใช่หรือไม่? หากหน้าข้าผิดปกติขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?” หากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาต้องกลายเป็นหัวหมูล่ะก็ เขาคงร้องไห้จนขาดใจตายเป็นแน่
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วกวักมือเรียกเขาให้เข้ามาใกล้ “ผิดปกติหรือ? ให้แม่ดูหน่อยได้หรือไม่? แม่ของเจ้าเป็นหมอ ย่อมรู้ว่าเจ้าเป็นอะไร”
เมื่อพูดจบ นิ้วของนางก็สัมผัสใบหน้าของเขา แล้วหยิกเบา ๆ
ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงเนื้อสัมผัส การกินเยอะก็นับว่ามีประโยชน์ไม่ใช่หรือ? อย่างน้อยก็คงไม่ผอมจนเห็นแต่กระดูก
“ท่านแม่!!!” หนานหนานก้าวถอยหลังด้วยความโกรธจัด พลางพองแก้มจ้องมองนาง
“อย่าหยุดมือสิ”
“อื้ม” หนานหนานเหวี่ยงกำปั้นเล็ก ๆ อีกครั้ง เพื่อ… ทุบหลังให้แม่
หลังจากทุบอยู่พักหนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดอีกครั้งว่า “ท่านแม่ เรากำลังพูดถึงปัญหาที่ร้ายแรงมาก หากท่านหยิกแก้มข้าอีกในอนาคต ข้าจะ ข้าจะ… ข้าจะ ลดน้ำหนักเพื่อให้ท่านหยิกไม่ได้”
“พรืด…” อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วตอบกลับอย่างเคร่งขรึมว่า “อืม ถือว่ามีความทะเยอทะยานดี”
เจ้าตัวเล็กนี่ทำราวกับว่านางหยิกแก้มเขาหลายครั้ง ความจริงนางหยิกเพียงแค่ปีละไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขาดูเหมือนจะยอมแล้ว หนานหนานก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และออกแรงทุบหลังมากขึ้น “อีกอย่างคือท่านแม่ต้องจำไว้ว่าต้องดูแลข้าให้ดีนะขอรับ ต่อไปจะแตะต้องตัวข้ามากกว่านี้ก็ไม่เป็นอะไร เพราะอย่างไรเสีย ใบหน้าของข้าก็เรียบเนียนและนุ่มนิ่มมาก บางครั้งข้าก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมตัวเอง…”
“อะไรนะ?” ก่อนที่หนานหนานจะพูดจบ เสียงของเย่ซิวตู๋ก็ดังมาจากข้างนอก
สองแม่ลูกบนเตียงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปยังต้นเสียงพร้อมกัน
หนานหนานดึงมือกลับ “ท่านแม่ ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นนะขอรับ”
พูดจบเจ้าตัวเล็กก็กระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว แล้ววิ่งออกไป
ทันทีที่เห็นสีจริงจังของเย่ซิวตู๋และเสิ่นอิง ก็รู้สึกว่าท่าทางของพวกเขาดูแปลกไปมาก บนโต๊ะด้านข้างมีจดหมายเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะผูกมากับขาของนกพิราบส่งสาร มันมีลักษณะม้วนงอเล็กน้อย
หนานหนานจับมันอย่างระมัดระวัง เมื่อมองหน้าพ่อของเขาแล้ว ก็ยื่นมือเล็ก ๆ ไปหาจดหมายนั้นทีละนิด
เมื่อเห็นว่าเย่ซิวตู๋ไม่ตอบสนอง และเสิ่นอิงก็ไม่ได้ห้าม เขาจึงดึงจดหมายมาถือไว้อย่างกล้าหาญ และถือไว้ในฝ่ามือ
หลังจากกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก หนานหนานก็มองถ้อยคำบนจดหมาย
มันเป็นเพียงสี่คำสั้น ๆ แต่หนานหนานสูดหายใจเข้าลึก
“ไท่จื่อถูกปลด!!!”
ไท่จื่อถูกปลด ไท่จื่อถูกปลดแล้วจริง ๆ นี่มัน นี่มัน…
หนานหนานรีบเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของเสิ่นอิง แล้วถามอย่างกระวนกระวายว่า “แล้วเสี่ยวเฉิงเฉิงเล่าขอรับ? เสี่ยวเฉิงเฉิงจะเป็นอะไรหรือไม่?”
ไท่จื่อคือบิดาของเสี่ยวเฉิงเฉิง เขาเป็นไท่จื่อมาหลายปีแล้ว และในอดีตเขาเคยทำเรื่องโง่เขลามากมาย แต่ฮ่องเต้ไม่เคยทอดทิ้งเขา
ทว่าตอนนี้เขาถูกปลดกะทันหัน แสดงว่าเขาต้องทำผิดพลาดครั้งใหญ่
ความผิดพลาดที่เขากระทำนั้น จะทำร้ายเย่หลานเฉิงหรือไม่?
นี่คือสิ่งที่หนานหนานกังวลมาก
เสิ่นอิงส่ายหน้าขอโทษเขา แล้วพูดว่า “ไม่ทราบขอรับ มีเพียงสี่คำนี้ในจดหมาย ส่วนข้อมูลเฉพาะอื่น ๆ จะไม่มีทางรู้เลยจนกว่าจะตรวจสอบอย่างชัดเจนขอรับ”
นี่คือข่าวจากเมืองหลวง ไท่จื่อถูกปลดจากตำแหน่ง คนส่วนใหญ่ต่างไม่เข้าใจความพลิกผันนี้ แต่ก็เชื่อแน่นอนว่าต้องมีใครบางคนใช้กลอุบายเป็นแน่
เย่ซิวตู๋หายใจออกเบา ๆ มองลงไปที่หนานหนาน จากนั้นหน้าไปพูดกับเสิ่นอิงว่า “เตรียมตัวให้พร้อม ออกเดินทางกลับเมืองหลวงพรุ่งนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นอิงตอบ ก่อนหันหลังเดินจากไป
หนานหนานกังวลมาก เขายังไม่ได้สติ จนกระทั่งเย่ซิวตู๋หยิบจดหมายออกจากมือของเขา แล้วนำไปจ่อบนแสงเทียนเพื่อเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน
“ท่านพ่อ…”
“ดูเหมือนว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะรอไม่ไหวแล้ว” อวี้ชิงลั่วที่แต่งตัวเต็มยศเดินออกมาอย่างแช่มช้า
สิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันเมื่อสักครู่ถึงหูนางแล้ว
อวี้ชิงลั่วคาดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นในเมืองหลวง หลังจากที่พวกเขาจากมาเพียงไม่กี่เดือน
การปลดไท่จื่อออกจากตำแหน่ง… น่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเหมิงกุ้ยเฟย
ทว่ามีไทเฮาในวังและฮองเฮาที่คอยสนับสนุนอยู่ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างไร?
หนานหนานวิ่งไปกอดขานาง แล้วกระซิบว่า “ท่านแม่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเฉิงเฉิงเล่าขอรับ?”
“ไม่หรอก คนของพ่อเจ้าในเมืองหลวงรู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเขา หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา พวกเขาจะต้องส่งจดหมายมากับนกพิราบให้เราแน่นอน” อวี้ชิงลั่วอุ้มเขาไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าคิ้วของเด็กน้อยแทบจะผูกเป็นปม นางก็อดไม่ได้ที่จะใช้มือลูบ “อีกทั้งในเมืองหลวงยังมีไท่จื่อเฟย ไทเฮาและฮองเฮาอยู่ด้วย หลานเฉิงเองก็ฉลาดมาก แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร?”
หลังจากได้รับการปลอบประโลมเช่นนี้ หนานหนานก็สงบลงมาก
คิดถูกแล้ว เสี่ยวเฉิงเฉิงฉลาดมาก และเสด็จปู่ก็โปรดปรานเขาไม่น้อย แม้ว่าไท่จื่อจะถูกปลด ก็น่าจะ… ไม่เป็นอะไร
หนานหนานลูบหน้าอกตัวเอง ระงับหัวใจที่เต้นแรงแล้วถอนหายใจ
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวตู๋ แม้ว่านางจะพูดเช่นนั้น แต่นางก็ไม่กล้ามองโลกในแง่ดีเกินไป
ราชวงศ์มีความโหดเหี้ยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ว่าตอนแรกฮ่องเต้จะโปรดปรานเย่หลานเฉิง ทว่าหากไท่จื่อทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เขาก็จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน
ที่แย่ที่สุดคือ ไม่รู้ว่าแผนต่อไปของเหมิงกุ้ยเฟยคืออะไร
อวี้ชิงลั่วไม่ได้คิดมาก่อน นางไม่สนใจว่าใครจะได้เป็นฮ่องเต้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หากบัลลังก์ตกอยู่ในมือของเย่ฮ่าวถิง คนแรกที่เขาจะโจมตีต้องเป็นเย่ซิวตู๋
และ… เผ่าเหมิง
หลังจากพิจารณาแล้ว จะปล่อยให้คนชั่วร้ายขึ้นครองบัลลังก์ไม่ได้เป็นอันขาด
อวี้ชิงลั่วคิดด้วยความโมโห หากจำเป็น แม้ว่านางจะฆ่าเขาไม่ได้ นางก็จะตอนเขาให้กลายเป็นขันทีไปเลย เพื่อดูว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สืบทอดวงศ์ตระกูลได้อย่างไร
ในหัวนางกำลังนึกถึงวิธีการทรมานทุกรูปแบบ ขณะที่กำลังคิดอย่างหนักนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเจือด้วยความกังวลดังมาจากข้างนอก “ลั่วลั่ว ลั่วลั่ว เจ้าอยู่ที่ใด?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาละสิ แล้วเย่หลานเฉิงจะโดนร่างแหไปด้วยไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)