อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 880 ข้ามีวิธี
ตอนที่ 880 ข้ามีวิธี
ตอนที่ 880 ข้ามีวิธี
เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย มุมปากของนางก็กระตุก
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เห็นหมอเฒ่าฉยงซานปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยจากการวิ่ง และยังคงหายใจหอบ “ลั่วลั่ว…”
“เกิดอะไรขึ้น? อาการของผู้อาวุโสสกุลหมิงมีความคืบหน้าหรือเจ้าคะ?” อวี้ชิงลั่วคิดว่าเขาให้ความสนใจกับอาการของผู้อาวุโสสกุลหมิง เมื่อเห็นเขาเป็นกังวลเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจไปด้วย
หมอเฒ่าฉยงซานส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง “ไม่ใช่ ไม่ใช่ เขายังคงไม่ฟื้น ตอนที่ข้าเพิ่งมาถึง ข้าได้ยินว่าเสิ่นอิงสั่งให้ทุกคนเก็บของ และบอกว่าพรุ่งนี้เจ้าจะกลับไปที่อาณาจักรเฟิงชางใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น “ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
“ลั่วลั่ว เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปด้วยก็ได้”
“…” คำพูดต่อมาเจือด้วยความน้อยใจ
อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปสบตากับเย่ซิวตู๋แล้วลอบสบถอยู่ในใจ นางไว้วางใจให้หมอเฒ่าฉยงซานอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อช่วยรักษาแม่นมเก๋อและหงเย่
ดังนั้นพวกเขาจะไม่พาเขาไปด้วยแน่นอน
เมื่อนึกได้ดังนั้น อวี้ชิงลั่วก็เม้มปาก แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “อ้าว ท่านไม่ต้องการอยู่ต่อหรือเจ้าคะ? อาการของผู้อาวุโสสกุลหมิงยังไม่ดีขึ้น ท่านยังไม่อาจทิ้งเขาไปได้ ท่านจะปล่อยเขาทิ้งไว้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ได้อย่างไร”
หากเป็นไปได้ อวี้ชิงลั่วก็ไม่ได้ต้องการจากไปอย่างรวดเร็ว นางรู้อยู่ในใจว่าเย่ซิวตู๋เป็นคนที่กังวลเรื่องผู้อาวุโสสกุลหมิงมากที่สุด
แต่เรื่องใหญ่เช่นนั้นเกิดขึ้นในเมืองหลวงแล้ว จึงไม่อาจรอช้าได้ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจาก…จำใจทิ้งหมอเฒ่าฉยงซานไว้ที่นี่
หมอเฒ่าฉยงซานที่ยืนอยู่ข้างหลังแสดงท่าทางไม่พอใจ “ไม่มีใครล่วงรู้อาการของผู้อาวุโสสกุลหมิงได้อย่างชัดเจนหรอก ต่อให้ข้าจะอยู่จะต่อ ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้เพียงเฝ้าดูเขาหลับอยู่ตรงนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเขา ซึ่งข้าเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้เช่นกัน จึงตัดสินใจให้ศิษย์เอกของข้าอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ชั่วคราว และจะส่งข่าวถึงเราทุกที่ทุกเวลา ว่าอย่างไรเล่า?”
ให้ว่านเผิงหลงอยู่ที่นี่…
แม้ทักษะทางการแพทย์ของว่านเผิงหลงจะดี แต่เขาก็ยังห่างชั้นหมอเฒ่าฉยงซานอยู่มาก
ด้วยสถานะปัจจุบันและทักษะทางการแพทย์ของอวี้ชิงลั่ว พิจารณาว่านเผิงหลงดูแล้วก็เหมือนกับว่าเขาเป็นแพทย์ฝึกหัด นางจึงยังคงกังวลอยู่
นางหันหน้าไปมองหนานหนานที่อยู่ข้างนาง แล้วขยิบตาให้เขา
หนานหนานดูงุนงง และเอียงศีรษะด้วยความประหลาดใจ ราวกับกำลังจะถามอะไรบางอย่าง
อวี้ชิงลั่วจ้องมองเขา เม้มปากและเลิกคิ้วขึ้นเงียบ ๆ ราวจะสั่งว่า ‘รีบคิดหาทางพาหมอเฒ่าฉยงซานอยู่ต่อเร็วเข้า’
หนานหนานรู้สึกร้อนใจ ‘ข้าทำไม่ได้ขอรับ’
อวี้ชิงลั่วโมโหที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ ‘แม่เพิ่งสอนร้อยแปดกระบวนท่าพิชิตใจพวกผู้ใหญ่ให้เจ้าเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือ? ลืมมันไปหมดแล้วหรือ? ‘
หนานหนานทำหน้ามุ่ย สิ่งที่แม่ของเขาสอนเขาเรียกว่าร้อยแปดกระบวนท่าพิชิตใจพวกผู้ใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงการทำตัวเหมือนเด็กและไร้ยางอาย
เขาหล่อเหลา เป็นดั่งสายลมที่ไม่อาจถูกควบคุม ไม่ต้องการถูกขัดขวาง และอ่อนโยน… ไม่สิ เขาเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพ เขาจะทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนั้นได้อย่างไร?
หนานหนานพ่นลมหายใจเย้ยหยัน เขาชำเลืองมองนาง… ก่อนจะกอดเอวของหมอเฒ่าฉยงซาน
ขณะที่เย่ซิวตู๋ประหลาดใจ และหมอเฒ่าฉยงซานเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เขาก็เริ่มคร่ำครวญเสียงดัง “ท่านปู่ฮั่ว ผู้อาวุโสสกุลหมิงเป็นทวดของข้า ท่านก็รู้ว่าเขามีสายเลือดเดียวกับข้าไม่ใช่หรือขอรับ? เมื่อเขาเจ็บ หัวใจของข้าก็เจ็บปวดตามไปด้วย ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมาก ราวกับจะทำให้หัวใจของข้าแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ยามราตรีข้าไม่อาจข่มตาหลับได้ ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าตอนนี้คือหวังว่าท่านทวดของข้าจะฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด ท่านปู่ฮั่ว ท่านเป็นหมอที่เก่งและน่านับถือมาก ข้าจึงเชื่อใจท่านมากที่สุด หากท่านไม่อยู่เคียงข้างท่านทวด ข้าคงเป็นห่วงแย่เลยขอรับ”
มุมปากของหมอเฒ่าฉยงซานกระตุก คำพูดของเขา… ฟังดูกินใจยิ่งนัก
แต่เขาดูเหมือนคนแก่หูเบาหรืออย่างไร? หนานหนานพูดเช่นนี้ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย
คนที่เขาเชื่อใจมากที่สุดคือแม่ของเขาเองไม่ใช่หรือ?
เมื่อนึกได้ดังนั้น หมอเฒ่าฉยงซานก็เงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ และจ้องไปที่อวี้ชิงลั่ว
ฝ่ายหลังสะดุ้ง “ท่านคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าคะ?”
“ลั่วลั่ว ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใด ข้าก็ตั้งใจจะติดตามเจ้าไปด้วยอยู่ดี ข้าต้องติดตามเจ้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรเฟิงชางให้ได้ หากเจ้าไม่พาข้าไป ต่อให้ข้าจะต้องไปนั่งอยู่บนเพลารถม้าของเจ้า ข้าก็จะไป”
อวี้ชิงลั่วยกมือก่ายหน้าผาก มีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
เขาจะไปอาณาจักรเฟิงชางก็สามารถไปเองได้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดต้องตามนางไปด้วย?
เย่ซิวตู๋ลอบถอนหายใจ ก่อนจะมองหมอเฒ่าฉยงซานที่มีนิสัยไม่ต่างจากหนานหนานมากนัก โดยไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรดี
หนานหนานยังคงกอดเอว และใช้ศีรษะถูแขนของเขา “ท่านปู่ฮั่ว ท่านไม่ห่วงหนานหนานหรือขอรับ”
“โอ๊ย แน่นอนว่าข้าเป็นห่วงเจ้า ปู่ฮั่วไม่อาจทำให้เจ้ากังวลได้หรอก” หมอเฒ่าฉยงซานไม่อาจต้านทานสีหน้าเว้าวอนของหนานหนานได้ เขาจึงรีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “เป็นเพราะปู่เป็นห่วงเจ้า ปู่จึงไม่อาจทนแยกทางกับเจ้าได้ ปู่อยากอยู่กับเจ้าตลอดไป เจ้าอย่าทิ้งปู่ไปได้หรือไม่?”
“ทิ้งหรือ???” ทันใดนั้นเสียงพูดด้วยความตกใจก็ดังมาจากประตู เมื่อพวกเขาหันไปมองพร้อมกันก็เห็นเหมิงหลัวอวี้ยืนอยู่หน้าประตู นางจับมือของเถี่ยชิวเอ๋อร์ ขณะจ้องมองหมอเฒ่าฉยงซานที่กอดกับหนานหนานด้วยสายตาว่างเปล่า
ท่าทางเช่นนั้น…ดูเข้าใจยากมาก
ทันทีที่หนานหนานเห็นนาง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขารีบผละออกจากร่างของหมอเฒ่าฉยงซาน แล้ววิ่งไปอยู่ข้างเหมิงหลัวอวี้ “น้องอวี้ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“…ข้ามาหาเจ้า” เหมิงหลัวอวี้ดึงตัวหนานหนานออกไป แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านปู่ฮั่วเป็นอะไรหรือ? เขาพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ในความเข้าใจของนาง คำว่าทิ้งดูเหมือนจะเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกันทางอารมณ์ระหว่างชายและหญิง
หนานหนานถอนหายใจ หันกลับไปมองแม่ของเขา แล้วพูดด้วยความเหนื่อยใจว่า “พรุ่งนี้เราจะกลับไปที่อาณาจักรเฟิงชาง ดังนั้นเราจึงอยากให้ท่านปู่ฮั่ว…”
“พรุ่งนี้หรือ?” เหมิงหลัวอวี้ขัดจังหวะเขาด้วยความประหลาดใจ และตกตะลึงเล็กน้อย “เหตุใดจึงกะทันหันนัก? เหตุใดจึงเร็วนัก? คือ คือ ผู้อาวุโสสกุลหมิงยังไม่ฟื้น และยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำในดินแดนเหมิง อีกทั้งเจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเจ้าต้องการมีช่วงเวลาดี ๆ กับคนในดินแดนเหมิง? แล้วเหตุใดเจ้าจึงจะจากไปกะทันหันเช่นนี้? หนานหนาน… “
ขณะที่พูด นางก็หน้าเสียทันที
เมื่อเห็นว่านางดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ หนานหนานก็รีบพูดว่า “เฮ้ น้องอวี้ อย่าเป็นเช่นนี้เลย ข้าก็ทนไม่ได้เหมือนกัน แต่… มีบางอย่างเกิดขึ้นในอาณาจักรเฟิงชาง เราจึงต้องรีบจากไป”
เขายังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไท่จื่อถูกปลด
เดิมทีเขาต้องการพาเหมิงหลัวอวี้และชิวเอ๋อร์ไปด้วย แต่แม่ของเขาบอกว่า สถานการณ์ปัจจุบันในอาณาจักรเฟิงชางยังคงรุนแรงมาก จึงเกรงว่าทั้งสองอาจจะต้องเผชิญอันตราย ดังนั้นแผนนี้จึงต้องระงับไว้ชั่วคราวก่อน แล้วค่อยนำมาคุยกันภายหลัง
“แล้ว… เจ้าจะมาดินแดนเหมิงอีกเมื่อใด?” เหมิงหลัวอวี้ไม่เต็มใจจะพรากจากเขา นางใช้เวลากับหนานหนานและอวี้ชิงลั่วมานาน แม้ว่านางจะรู้ว่าพวกเขาต้องออกจากดินแดนเหมิงไม่ช้าก็เร็ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่า… จะกะทันหันเสียจนนางไม่ทันได้เตรียมใจเช่นนี้?
หนานหนานส่ายหน้า เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาจะได้มาดินแดนเหมิงอีกเมื่อใด
เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหดหู่ของเหมิงหลัวอวี้ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “เฮ้อ มันเป็นเรื่องที่ยากจะตอบได้” แล้วจึงเล่าให้เหมิงหลัวอวี้ฟังว่าหมอเฒ่าฉยงซานต้องการไปเมืองหลวงกับเขา
แน่นอนว่าเหมิงหลัวอวี้อารมณ์ดีขึ้นมาก
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เอียงคอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามีวิธี”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ในเมื่อใช้ลูกอ้อนไม่ได้ผลแล้วต้องใช้วิธีไหนกันนะ หมอเฒ่าถึงยอมอยู่ที่ดินแดนเหมิง?
ไหหม่า(海馬)