อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 884 พูดจาไม่น่าฟัง
ตอนที่ 884 พูดจาไม่น่าฟัง
ตอนที่ 884 พูดจาไม่น่าฟัง
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “ว่ามาสิ”
เผิงอิงหันกลับไปมองที่เรือน อวี้ชิงลั่วเห็นแล้วก็เข้าใจ จากนั้นเดินหน้าไปสองสามก้าว
รอจนกระทั่งเดินลับมุมไป เมื่อมั่นใจว่าเหวินเทียนจะไม่ได้ยินแล้วก็หยุด
เผิงอิงเองก็มีท่าทางลังเลที่จะกล่าวเช่นกัน จนอวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะกลอกตาอีกครั้ง เลิกคิ้วแล้วถามเขา “เจ้าจะคุยกับข้าเรื่องเหวินเทียนจะอยู่หรือไม่อยู่ใช่หรือไม่?”
เผิงอิงอึ้งงัน จากนั้นก็คิดได้ว่านางน่าจะได้ยินแล้ว จึงพยักหน้า
“แม่นางอวี้ ด้วยอาการของหงเย่ในตอนนี้ นางจะต้องหวังให้เหวินเทียนอยู่ข้างกายเป็นอย่างมากแน่ๆ ขอรับ” เขาเงียบไป จากนั้นก็รีบกล่าว “แน่นอน ข้ารู้ว่าหงเย่เป็นคนดี หากนางรู้เข้าจะต้องไม่เห็นด้วยเป็นแน่ นางเองก็หวังว่าเหวินเทียนจะอยู่ข้างกายนายท่านและแม่นางอวี้ อย่างไรเสียก็จะได้ช่วยเหลืออีกแรง”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “แน่นอน”
“แต่ว่า…” เขาขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แต่ต้องขอกล่าวอย่างไม่น่าฟัง อย่างไรขาของเหวินเทียนก็ยังไม่ได้หายดี ถึงตอนนี้เขาจะออกแรงได้ แต่ข้าก็ดูออกว่าจริงๆ แล้วเขาจงใจลดแรงกดที่ขาลง เขาไม่ยอมลงแรงทั้งหมดไปที่ขา เกรงว่าจะยิ่งทำให้ขาบาดเจ็บมากขึ้น”
เรื่องนี้อวี้ชิงลั่วเข้าใจ เหวินเทียนมีความกดดันอยู่ในใจว่าขาของเขาได้บาดเจ็บ เขาคงจะปกป้องมันโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้…จริงๆ แล้วขาของเขาจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม
เผิงอิงกล่าว ถอนหายใจเล็กน้อย “ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงตึงเครียด พวกเราล้วนรู้ดี ในใจเหวินเทียนคิดถึงหงเย่ ยิ่งรวมไปถึงขาสองข้างได้รับบาดเจ็บมาก่อน หากกล่าวอย่างไม่น่าฟังก็คือ เขาอาจจะกลายเป็นภาระไปจริงๆ ก็ได้ขอรับ”
“ตอนนี้หงเย่บาดเจ็บ หากมีเหวินเทียนคอยดูแลอยู่ข้างๆ อย่างสุดความสามารถ จะต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ทันใดนั้นก็หัวเราะเบาๆ กล่าวเสียงต่ำ “เจ้าเองก็ชอบหงเย่ ใช่หรือไม่?”
เผิงอิงตัวแข็งทื่อไป จากนั้นก็หันหน้าหนี สีหน้าผิดปกติอย่างมาก ผ่านไปนานกว่าจะกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก “แม่ แม่นางอวี้ ท่าน ท่านดูออกหรือขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก นางไม่ได้ดูออก นางได้ยินเขาพูดกับหงเย่มาตั้งนานแล้ว
อีกอย่าง ทุกอย่างที่เขาทำ หากใครไม่ตาบอดก็มองออกกันทั้งนั้น
อ๋า ไม่สิ เหมือนว่าเหวินเทียนจะยังคงงุนงงอยู่ เขาคงจะตาบอดอยู่หน่อยๆ
“ในเมื่อชอบ เหตุใดจึงไม่สู้หน่อยเล่า?” อวี้ชิงลั่วถาม “ข้าก็นึกว่าเจ้าจะหวังไม่ให้เหวินเทียนอยู่ที่นี่ กลับอยากให้ตนอยู่แทนเสียมากกว่า”
เผิงอิงอึ้งไปอีกครั้ง เงยหน้ามองอวี้ชิงลั่วอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มขื่น “แม่นางอวี้เดาไม่ผิดขอรับ…หากทำได้ ข้าก็อยากจะอยู่เองจริงๆ ใช่ว่าข้าไม่เคยต่อสู้ แต่โชคชะตานี้มันไม่แน่นอน หงเย่ไม่ชอบข้า ข้าก็ไปบังคับนางไม่ได้ ข้าเองก็ทำใจลำบากเช่นกัน”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า นางรู้สึกว่าเมื่อเป็นเรื่องของความรู้สึก ทั้งเหวินเทียน เผิงอิง โม่เสียน และแม้แต่เสิ่นอิงก็ล้วนเป็นสุภาพบุรุษ
เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเย่ซิวตู๋… เผด็จการและชั่วร้ายกว่ามาก
ในตอนแรกนั้น เป็นเพราะเขาจะให้นางอยู่ที่ตำหนักอ๋องซิว จึงใช้แผนร้ายด้วยการพานางไปที่ห้องเก็บของ นำตั๋วเงินทั้งหมดไปแลกเป็นเงินสด และให้นางนำเงินสดทั้งหมดไปเสีย
ไม่อย่างนั้นแล้ว หนานหนานก็คงไม่ได้ถอดเสื้อผ้าเพื่อเปิดเผยปานรูปดอกไม้ให้เขาดู เปิดเผยความลับที่นางพยายามปกปิดมาอย่างสุดกำลัง
เพียงอวี้ชิงลั่วคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก็กัดฟันด้วยความโมโหเล็กน้อย
ดังนั้นเผิงอิงที่เป็นสุภาพบุรุษมากกว่า ก็จะมีความอดทนมากกว่า
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า”
เผิงอิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขื่น “อีกอย่าง เหวินเทียนเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า ข้ารู้จักนิสัยเขาดี หงเย่อยู่กับเขาจะไม่มีทางต้องเป็นทุกข์ อย่างแย่ที่สุด หากหงเย่ถูกเขารังแก ข้าก็สามารถทุบตีเขาได้ใช่ไหมเล่าขอรับ”
“อีกอย่าง เหวินเทียนช่วยข้าไว้หลายครั้ง ข้าเองก็ช่วยเขาไว้หลายครั้ง ไม่รู้ว่าใครเป็นหนี้บุญคุณใครมากกว่ากันแล้ว เพียงแต่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนตายเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ข้าไม่อยากทำลายขอรับ”
“แม่นางอวี้ รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าขอความกรุณาจากท่านได้หรือไม่ขอรับ ให้.. พวกเขาทั้งสองคนได้แต่งงานกันโดยเร็ว”
อวี้ชิงลั่วสงสัย นางไม่คิดเลยว่าเผิงอิงจะคิดไปถึงขั้นนี้ “เจ้า…”
“อย่างน้อยสิ่งนี้ก็จะได้ทำให้ความรู้สึกของข้าตายจากไปเสียที ตอนนี้ข้า… ยังคงงวาดฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เอาแต่…” เผิงอิงกล่าว สีหน้าก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วเข้าใจชัดเจน “ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังเถิด” ไม่ว่าจะอย่างไร หากต้องการแต่งงานกับหงเย่ ก็ต้องให้เหวินเทียนเป็นคนมาขอเองจึงจะถูก
“เช่นนั้นเรื่องที่จะให้เหวินเทียนอยู่ต่อ…” เผิงอิงถามอีกคำหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วหลุบตาลงครู่หนึ่ง วางนิ้วบนคางแล้วคิดอยู่สักพัก “ข้าจะคุยกับเย่ซิวตู๋เอง อย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋องของพวกเจ้า ข้าตัดสินใจไม่ได้หรอก”
“ขอรับ”
เผิงอิงยิ้ม หมุนตัวแล้วจากไป
อวี้ชิงลั่วมองแผ่นหลังของเขา อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
เห็นอยู่ว่าไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมแพ้
แต่ด้านหนึ่งเป็นหญิงที่ตนชอบ อีกด้านก็เป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตาย
อีกทั้งพวกเขาสองคนยังรักกัน คนอื่นก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกได้
สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงอวยพรให้เท่านั้น
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าเรื่องความสัมพันธ์นั้นช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญจริงๆ นางเบ้ปาก คิดว่าโชคดีที่นางและเย่ซิวตู๋สองคนไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่กลับลืมความจริงบางอย่างไปเสียสนิทว่าไม่นานมานี้ยังถูกอุปราชใช้วิธีการมากมายเพื่อให้นางอยู่ข้างกาย
เรื่องของเหวินเทียนนี้ นางไม่อาจเข้าไปยุ่งได้มากนัก แน่นอนว่านางยังเห็นด้วยกับบางอย่างที่เผิงอิงพูด
หงเย่บาดเจ็บ จะต้องหวังให้คนที่ตนชอบมาอยู่ข้างกาย
อย่างน้อยนางก็ต้องรู้สึกเช่นนี้ ถึงแม้สถานการณ์โดยรวมจะสำคัญที่สุด แต่ก็ต้องมีความหวังอันสวยงามเล็กๆ น้อยๆ อยู่เป็นแน่
อวี้ชิงลั่วกลับไปที่เรือน เยว่ซินกำลังจัดสัมภาระของนาง
นางเพียงแค่จ้องไปยังแผ่นหลังของนางที่กำลังวุ่นวายอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วเงียบไป
เยว่ซินหันกลับมาก็เห็นนางมีท่าทางกำลังครุ่นคิด อดไม่ได้ที่จะตกใจ “คุณหนู มองข้าทำไมเจ้าคะ อ้อ หรือว่าหลังข้ามีอะไรติดหรือเจ้าคะ”
นางกล่าว เริ่มหันหลังมองด้านหลังตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ
แต่ด้วยร่างกายเล็กๆ ของนางนั้นไม่ได้ยืดหยุ่น จะเห็นได้อย่างไรกัน
หลังจากลำบากอยู่สักพัก เยว่ซินก็โมโหเล็กน้อย “หรือว่าโม่เสียนติดกระดาษไว้ที่หลังข้าอีกแล้ว คุณหนู ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ครั้งก่อนโม่เสียนก็แกล้งนางเช่นนั้น ทั้งยังคอยล้อนางจากด้านหลังอย่างชั่วร้าย นางมีบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นโม่เสียนหัวเราะคิกคัก นางก็จะหันไปดูข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก ส่ายหน้า จากนั้นก็เข้าไปในห้องด้านใน
เยว่ซินผู้โง่เขลากลับไม่มีปัญหาหนักใจเช่นนี้ ดูท่าทางฝั่งนางและโม่เสียนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
ตอนเย็น เย่ซิวตู๋กลับมาจากคฤหาสน์ประจำเผ่า เพิ่งจะดื่มชาไปได้อึกเดียว อวี้ชิงลั่วก็มายืนอยู่ด้านหลังแล้วทุบไหล่ให้เขาพลางเล่าเรื่องของเผิงอิงและเหวินเทียนให้เขาฟัง
เย่ซิวตู๋ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปนาน ไม่ได้พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่
ในตอนที่อวี้ชิงลั่วเมื่อยมือและจะลดมือลง เขาก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รักเขาข้างเดียวมันก็ต้องกลับมารักษาใจตัวเอง แง
ไหหม่า(海馬)