อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 886 จูบ
ตอนที่ 886 จูบ
ตอนที่ 886 จูบ
ทุกคนมองไปทางซ้ายมือ แล้วก็เห็นหมอเฒ่าฉยงซานกำลังดึงอวี้ชิงลั่วที่เพิ่งตัดสินใจจะขึ้นรถม้าพลางร้องคร่ำครวญ “ฮือๆๆๆๆ ลั่วลั่ว ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก ยังไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใดก็ได้ยินเขากล่าวต่อ “กว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งนั้นไม่ง่ายเลย ได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเพียงนี้ก็ต้องจากกันเสียแล้ว ฮือๆๆ ลั่วลั่ว ข้าทำไม่ได้”
เย่ซิวตู๋สีหน้าดำทะมึนขึ้นมาในทันที หันหลังลงจากหลังม้าแล้วเดินมาตรงหน้าทั้งสองคน
จากนั้นก็ค่อยๆ จับมือของหมอเฒ่าฉยงซาน แงะสองมือที่วางอยู่บนไหล่ของอวี้ชิงลั่วออก ก่อนแค่นหัวเราะ “หากท่านทำใจไม่ได้ ก็จงไปกับเราเป็นอันใช้ได้แล้ว”
หมอเฒ่าฉยงซานตะลึง หยุดคร่ำครวญทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่างมาก “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ยังมีคนไข้อีกตั้งกี่คนที่รอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะทิ้งพวกเขาไว้โดยไม่สนใจเพียงเพราะเรื่องส่วนตัวของตนไม่ได้ไม่ใช่หรือ? อีกอย่างหนึ่งในคนไข้เหล่านี้ยังมีท่านตาของเจ้าที่เป็นสหายรักของข้า ข้ารับปากแล้วว่าจะดูแลเขาให้ดีๆ”
เย่ซิวตู๋นึกดูถูกเขา สุดท้ายแล้วก็เพื่อเจวี๋ยเซิงไม่ใช่หรือ
หมอเฒ่าฉยงซานเห็นสีหน้าเขาฉายแววดูถูกชัดเจนก็กระแอมสองครั้งทันที ในที่สุดก็หยุดส่งเสียงทรมานแก้วหู กล่าวอย่างจริงจัง “ลั่วลั่ว เจ้าวางใจเถิด รอได้เจวี๋ยเซิงมาไว้ในมือ… ข้าหมายความว่า รอให้ธุระทางด้านนี้เสร็จเรียบร้อย ข้าก็จะไปหาเจ้า”
เขาพูดไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ “ถึงแม้เราจะได้รู้จักและใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่เราก็เข้ากันได้ดีใช่หรือไม่ ในใจของข้านั้น เจ้าก็เป็นเหมือนลูกสาวของข้ามาแต่ไหนแต่ไร เฮ้อ ข้าทำใจปล่อยเจ้าและหนานหนานไปไม่ได้จริงๆ เจ้าเองก็อย่าคิดถึงข้ามากไปล่ะ อีกสักพักข้าจะไปหาเจ้า”
“…” นางแทบจะไม่คิดเลยว่าจะคิดถึงเขา แม้แต่คนที่จะบอกลา นางยังไม่นับรวมเขาด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเห็นท่าทางที่บ่งบอกว่า ‘หากเจ้าไม่ตอบรับ ข้าจะคร่ำครวญอีก’ ของหมอเฒ่าฉยงซานแล้ว สุดท้ายอวี้ชิงลั่วก็พยักหน้าอย่างลำบากใจมาก “ข้าเข้าใจแล้ว”
กล่าวจบนางก็หันหลังอย่างรวดเร็ว เตรียมจะขึ้นรถม้า
แต่ทางด้านนี้เงียบเสียงไปแล้ว อีกด้านหนึ่งที่น้ำตาไหลกลับยังไม่หยุด
ร่างเล็กๆ ของหนานหนานพิงอยู่บนร่างของเหมิงหลัวอวี้ หากไม่มีเหมิงหรงคอยพยุงอยู่ด้านหลังเหมิงหลัวอวี้ ก็เกรงว่านางจะถูกหนานหนานทับจนล้มลงไปกับพื้นแล้ว
“น้องอวี้ ข้าต้องไปแล้ว เจ้าจะต้องคิดถึงข้าเข้าใจไหม ฮือๆๆๆๆๆ…”
เขาร้องไห้จากก้นบึ้งของหัวใจ น้ำตาไหลอาบใบหน้าหยดลงไปข้างล่าง ท่าทางเช่นนั้นช่าง… ทนดูไม่ได้จริงๆ
เหมิงหลัวอวี้เองก็ตาแดงแล้ว “ข้าจะต้องคิดถึงเจ้ากับท่านน้าชิงแน่ หนานหนาน เจ้าอย่าร้องเลย ฮือๆ ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าไป อย่าร้องนะ หากเจ้าร้อง ข้าก็จะอยากร้องด้วย”
“อือ เช่นนั้นข้าไม่ร้องแล้ว” เขาเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าแรงๆ สองครั้ง จากนั้นก็เช็ดให้เหมิงหลัวอวี้ด้วย “เอาล่ะๆ น้องอวี้ ข้าไม่ร้องแล้ว เจ้าก็อย่าร้องนะ”
เขากล่าวเช่นนี้ น้ำตาของเหมิงหลัวอวี้ก็ไหลออกมา “หนานหนาน เจ้าจะมาเมื่อไหร่หรือ?”
นางไม่อยากให้พวกเขาไปจริงๆ การเดินทางนี้ หากไม่มีอวี้ชิงลั่วและหนานหนาน เกรงว่านางคงตายไปนานแล้ว
นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ มีพ่อที่รักนางดูแลนาง มีท่านปู่ที่รักใคร่คอยสั่งสอนนาง ช่วงหลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวที่เคยมี
และทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นอวี้ชิงลั่วและหนานหนานที่มอบให้นาง
หากไม่มีพวกเขา นางจะมีวันนี้ได้อย่างไร
ในใจของเหมิงหลัวอวี้รู้สึกซาบซึ้งและรักพวกเขาอย่างมาก พอตอนนี้ต้องแยกจาก นางก็รู้สึกว่าในใจว่างเปล่า ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
หนานหนานเช็ดน้ำตาให้นาง พองแก้ม จากนั้นก็กล่าว “ท่านแม่บอกว่าไม่นานเราก็จะได้พบกันแล้ว พวกเราเองก็ยังไม่วางใจกับอาการท่านปู่ทวด ถึงตอนนั้นข้าจะพาเสี่ยวเฉิงเฉิงและท่านอาเป่าเอ๋อร์มาที่นี่ด้วย พวกเขาเป็นคนดีมาก จะต้องเป็นเพื่อนที่ดีกับเจ้าได้แน่”
เหมิงหลัวอวี้พยักหน้าอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ชักเท้าที่เหยียบตรงขั้นบันไดมาโดยตลอดกลับมาแล้วเดินมาตรงหน้าทั้งสองคน
“เสี่ยวอวี้ ตั้งใจศึกษาทักษะจากท่านปู่ของเจ้าให้ดี เจ้ามีความคิดเป็นของตนเอง ปรารถนาสิ่งใดก็ตั้งใจทำให้สำเร็จ ท่านน้าชิงเคยบอกเจ้าแล้วว่าหากไม่อยากถูกคนรังแกจริงๆ ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่ง เข้าใจไหม?”
เหมิงหลัวอวี้พยักหน้าอย่างแรงอีกครั้ง แต่ยังคงสะอื้นอยู่ กล่าวพลางสะอึก “ท่าน ท่านน้าชิง ท่านต้องกลับมานะเจ้าคะ มาหาพวก…พวกเรา”
“ได้สิ” อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะนาง ตนเองก็ไม่อยากจากนางเช่นกัน
เด็กคนนี้ฉลาดและเชื่อฟัง นางมองอีกฝ่ายเป็นเหมือนลูกสาวมาโดยตลอด
เหมิงหรงหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้นาง กล่าวปลอบ “หากมีโอกาส พ่อจะพาเจ้าไปหาพวกเขาเอง”
เหมิงหลัวอวี้ดวงตาเป็นประกาย “ได้จริงๆ หรือเจ้าคะ”
“แน่นอน”
จากนั้นนางก็ยิ้มออกมา อารมณ์ดีขึ้นมาก เม้มปากแล้วบอกลาอวี้ชิงลั่วและหนานหนาน
หน้าประตูใหญ่มีคนยืนอยู่จำนวนมาก นอกจากหงเย่ที่ยังบาดเจ็บหนักและขยับไม่ได้ คนอื่นๆ ก็มากันเกือบทั้งหมด
เหมิงลู่ยุ่งมาก แต่ก็ส่งคนมาแทน
แม้แต่ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งและผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเองก็มา เพียงแต่พวกเขาไม่อยากแยกจากหนานหนานเสียยิ่งกว่า
ตำแหน่งผู้สืบทอดดีเพียงนี้ เหตุใดจึงคิดไม่ได้ และจะต้องทิ้งโอกาสนี้ไปด้วย
ทั้งสองคนสบตากันแล้วลอบถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างเสียดาย
อวี้ชิงลั่วมองออกจากหางตา จ้องด้วยแววตาที่เฉียบคม ทั้งสองคนนั้นก็ตัวสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เอาเถิดๆ มีแม่ที่เก่งกาจเพียงนี้อยู่ พวกเขาเก็บความคิดเล็กๆ นี้เอาไว้เถิด
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว เย่ซิวตู๋ก็อุ้มหนานหนานเข้ารถม้า
หนานหนานเอนตัวบนร่างของท่านพ่อ ทันใดนั้นก็จูบมือของตน แล้วโปรยจูบให้ทุกคน ‘จุ๊บๆ’
“ไม่ต้องคิดถึงข้านะ จุ๊บ ไม่สิๆ ต้องคิดถึงข้าทุกวันเลย จะลืมข้าไม่ได้นะ ให้ดีที่สุดต้องเรียกชื่อข้าทุกวันหลังตื่นนอน เช่นนี้จะได้จำใส่ใจเข้าใจไหม จุ๊บ”
“แม่นมเก๋อ ท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดีนะขอรับ เราจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้แล้ว จุ๊บ”
“น้องอวี้ ไม่ต้องร้องแล้ว ต่อไปเจ้าก็ยังมีชิวเอ๋อร์เคียงข้างนะ จำไว้ว่าต้องคิดถึงข้าก็พอ จุ๊บ”
“ท่านลุงเหวิน ท่านจะต้องดูแลพี่หงเย่ของข้าให้ดีๆ นะขอรับ จะให้นางเสียหายแม้แต่ผมเส้นเดียว จุ๊บ”
“ท่านปู่ฮั่ว รอท่านปู่ทวดของข้าฟื้นแล้ว ท่านจะต้องส่งข่าวมาให้ข้าทันทีนะขอรับ จุ๊บ”
“ยังมีท่านย่า ท่านอา ท่านอาเขย ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ผู้อาวุโสสกุลเซิ่ง ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยง ท่านลุงเหมิง ท่านลุงอู ยังมีคนอื่นๆ อีก ห้ามลืมข้านะ จุ๊บ”
อวี้ชิงลั่วแตะหน้าผาก เห็นว่าเขาขึ้นรถม้าแล้วก็ยังไม่หยุดก็กัดฟัน ดันหัวเขากลับเข้าไปทางหน้าต่าง กัดฟันกล่าว “ห้ามจุ๊บแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านอิจฉาเสียแล้ว ข้าแค่ส่งจูบให้พวกเขาเท่านั้น แต่ข้าจุ๊บท่านจริงๆ นะ” ขณะกล่าว เจ้าเด็กน้อยก็รีบยืดตัวแล้ว ‘จุ๊บ’ ลงไปบนหน้าของนาง
“…” อวี้ชิงลั่วแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง กระตุกมุมปาก สุดท้ายก็กล่าวกับคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกอย่างหมดแรง “ออกเดินทางได้”
แต่ทว่าทันทีที่นางกล่าวจบ จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งที่ดูเร่งรีบดังมาจากด้านหลัง “เดี๋ยว รอเดี๋ยว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานใครสอนให้โปรยจูบแบบนี้คะ โปรยไปทั่วเลย
ใครมาขัดอีกล่ะเนี่ย?
ไหหม่า(海馬)