อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 888 บุรุษร่างโชกเลือดผู้หนึ่ง
ตอนที่ 888 บุรุษร่างโชกเลือดผู้หนึ่ง
ตอนที่ 888 บุรุษร่างโชกเลือดผู้หนึ่ง
เพียงอวี้ชิงลั่วกล่าวจบ ก็รู้สึกได้ว่าผ้าม่านลอยขึ้น
ต่อจากนั้น ร่างของเย่ซิวตู๋ก็เข้ามาข้างในและนั่งลงข้างๆ นาง
“เราต้องไปทางอ้อมไกลหน่อย” เขาวางม่านลง นั่งพิงไปอีกด้านอย่างสบายตัว อธิบายเสียงต่ำ “ข่าวที่เราจะกลับไปคงลอยไปถึงอาณาจักรเฟิงชางในไม่ช้า หากไปตามทางเดิมของเรา เกรงว่าจะมีคนมาขวาง”
อวี้ชิงลั่วตกใจ จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันที
ก็จริงอยู่ หากเหมิงกุ้ยเฟยรู้ว่าพวกเขากลับไป เกรงว่าจะส่งมือสังหารมาตามฆ่าพวกเขาเป็นแน่
บางทีอาจจะไม่ได้มีเพียงเหมิงกุ้ยเฟย คนอื่นๆ ที่ไม่ชอบเย่ซิวตู๋ก็อาจจะมาเข้าร่วมด้วย
อย่างไรเมื่อก่อนเย่ซิวตู๋ก็เคยอยู่เจียงเฉิงมาก่อน เคยเจอเรื่องพวกนี้มาไม่น้อย
แม้ว่าไปทางอ้อมจะเสียเวลาบ้าง แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็น่าจะปลอดภัยกว่าหน่อย
อวี้ชิงลั่วคิดถึงตรงนี้ก็ไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว หยิบหมอนที่หนานหนานใช้หนุนอยู่ออกมาแล้ววางไว้ใต้ศีรษะของตน นอนลงและพักผ่อน
ศีรษะเล็กๆ ของหนานหนานเกือบชนเข้ากับผนังรถม้า โชคดีที่เขาตอบสนองได้อย่างฉลาดเฉลียวและน่ารัก จึงเอียงศีรษะกลับมาทัน
แต่เมื่อหันมาเห็นท่าทางแสนสบายของท่านแม่ ก็รู้สึกไม่ยุติธรรมขึ้นมาทันที “ท่านแม่ ข้ายังเป็นเด็กนะ”
มีแม่ที่ไหนแย่งของของลูกที่ยังเล็กมากๆๆๆๆ เช่นนี้อีก
เขารู้สึกว่ารูปแบบครอบครัวของตนนั้นเหมือนจะผิดปกติไปมาก
อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างพิจารณาสักพัก ตอบอย่างจริงจัง “อืม ยังเด็กมากจริงๆ ด้วย เช่นนั้นเจ้าก็กินเยอะอีกหน่อย จะได้โตไวๆ”
หนานหนานโกรธมาก ส่งเสียงฮึดฮัด พลิกตัวแล้วหันก้นให้นาง กลั้นหายใจแล้วผายลมออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เหมือนว่าได้ล้างแค้นแล้ว อ่านหนังสือต่ออย่างพึงพอใจ
อวี้ชิงลั่วแทบหายใจไม่ออก ยื่นกรงเล็บไปจะข่วนเขา
เย่ซิวตู๋คว้าตัวนางกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูกลัดกลุ้ม “เอาล่ะ คราวหน้าเจ้าก็ทำใส่เขาบ้าง เขาจะได้ไม่โมโห”
“เขายังคิดจะโมโหอีกหรือ รถทั้งคันทั้งเหม็นทั้งอากาศเป็นพิษ ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าไปกินอะไรมา”
“ข้าไม่ได้กินอะไรเสียหน่อย” หนานหนานหันหน้ามา กล่าวอย่างจริงจังมาก “เพราะเมื่อเช้ารู้สึกว่าตนต้องจากไปแล้ว อารมณ์ไม่ดีจึงส่งผลกระทบต่อวงจรในร่างกาย เลยไม่ได้ถ่ายหนักก็เท่านั้น”
“…” เย่ซิวตู๋ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว มองท่าทางหมดอาลัยตายอยากของอวี้ชิงลั่วแล้วหัวเราะเบาๆ โอบเอวของนางแล้วพาออกจากรถม้า อุ้มนางขึ้นไปนั่งบนอานที่หลังม้าตัวสูงของตนอย่างมั่นคง
“เพียงเท่านี้ก็ไม่ได้กลิ่นแล้ว” กลิ่นผายลมของหนานหนานนั้นเหม็นมากจริงๆ
เด็กน้อยตกตะลึง เมื่อพบว่าในรถม้าเหลือตนเองเพียงคนเดียว
ทันใดนั้นก็โผล่ศีรษะออกมาอย่างไม่พอใจ ตะโกนใส่คนสองคนที่กอดกันพลางขี่อยู่บนหลังม้า “พวกท่านทำเกินไปแล้วนะ ปล่อยให้ข้าดมกลิ่นเหม็นอยู่คนเดียว”
อวี้ชิงลั่วกลอกตา เขาก็รู้ว่าตนเองตดเหม็นมากอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง อยู่ไม่ได้หรือ?”
“เฮอะ” หนานหนานทิ้งผ้าม่านรถม้าลงอย่างแรง หดคอกลับเข้าไป คว้าหมอนของอวี้ชิงลั่วมารองไว้ใต้ศีรษะแล้วหลับ
ส่วนอวี้ชิงลั่วในตอนนี้ก็พิงอยู่ในอ้อมอกของเย่ซิวตู๋อย่างสบายใจ หรี่ตาลง
นางไม่ค่อยชอบขี่ม้า เมื่อเทียบกับความไม่สบายตัวหลายๆ อย่างเวลาขี่ม้าแล้ว นั่งอยู่ในรถม้าพิงหมอนนุ่มๆ นอนหลับไปจะสบายกว่ามาก
แต่ตอนนี้นั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทางเช่นนี้ ด้วยอารมณ์เช่นนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย
เย่ซิวตู๋โอบเอวของนาง เห็นว่าร่างกายของนางผ่อนคลายแล้ว มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ขี่ม้าแค่ถนนส่วนนี้เท่านั้นก็พอ ดินแดนเหมิงอากาศเย็นกว่า เมื่อผ่านไปอีกสองสามเมืองก็จะร้อน ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องออกมาแล้ว”
พวกเขาตากแดดย่อมไม่เป็นไร แต่เมื่อเห็นผิวที่บอบบางของอวี้ชิงลั่วแล้ว หากโดนแดดเผาก็จะรู้สึกปวดใจอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วหลับตาแล้วพยักหน้า “รู้แล้วๆ” นางเองก็ไม่อยากทรมานตัวเองไม่ใช่หรือ?
กลุ่มคนเดินทางอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ถึงแม้จะไม่มีการเที่ยวชมภูเขาแม่น้ำ แต่ทิวทัศน์ระหว่างทางก็ดูกว้างไกล รู้สึกสดชื่นดีเป็นอย่างมาก
ในช่วงสองสามวันแรก อวี้ชิงลั่วยังมาขึ้นหลังม้าของเย่ซิวตู๋เป็นครั้งคราวยามทะเลาะกับหนานหนาน
แต่เมื่อมาถึงเมืองที่อากาศร้อน นางก็เพียงขู่หนานหนานว่าห้ามเถียง จากนั้นก็หยิบหมอนมานอนหลับในรถเท่านั้น
หนานหนานรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างมาก มีสองสามครั้งที่ถึงขนาดวิ่งไปยังรถม้าด้านหลังด้วยท่าทางน่าสงสาร
ด้านหลังมีแม่นมเซียวและเยว่ซิน ทั้งสองคนรักและเอ็นดูเด็กน้อยอย่างมาก
หนานหนานอยู่ที่นั่นจึงได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นเทพเซียน
มีคนพัดให้ มีคนป้อนผลไม้ มีคนเอาหมอนให้หนุน ช่วยนวดไหล่ที่ปวดให้เขา ความโกรธในใจของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง
และบ่อยครั้งในช่วงเวลานี้ เย่ซิวตู๋ก็จะเข้าไปในรถม้าของอวี้ชิงลั่ว คลอเคลียกับนาง
โม่เสียน เสิ่นอิง เผิงอิง เหมิงจื่อเชียนและคนอื่นๆ ล้วนสีหน้าทะมึนกันไปหมด รู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมากกับพฤติกรรมที่ไร้ยางอายของเขา
ที่สัญญาว่าจะขี่ม้ามุ่งไปก่อน สัญญาว่าชายหนุ่มจะต้องตากแดดก็ไม่เป็นไร แล้วที่สัญญาว่าจะต้องคอยระแวดระวังให้มากขึ้นอยู่ตลอดเพื่อปกป้องเหล่าสตรีเล่า?
โชคดีที่พวกเขาเดินทางด้วยอีกเส้นทางหนึ่ง ช่วงเวลานี้จึงยังปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น การเดินทางราบรื่น
ไม่อย่างนั้นเย่ซิวตู๋จะมีโอกาสใช้เวลากับคนรักเช่นนี้หรือ
แม้ทุกคนต่างขุ่นเคืองใจ แต่ก็ยังคงทำตัวมีชีวิตชีวาอย่างมาก
ยิ่งเข้าใกล้อาณาจักรเฟิงชางมากเท่าไร ปัจจัยเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้น หากพวกเขาประมาทไปแม้แต่นิดเดียว ก็จะมีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ
กลุ่มคนเดินทางไปอีกสองสามวัน ในที่สุดก็เข้าสู่ดินแดนของอาณาจักรเฟิงช่าง
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ สิ่งจำเป็นพื้นฐานของชีวิตก็ดีขึ้นมาก
ช่วงนี้อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่แต่ในรถม้าก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว นางรู้สึกเหมือนว่าตนยิ่งบอบบางมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นทันทีที่มาถึงโรงเตี๊ยมที่เข้าพัก นางก็เข้าห้องไปนอนทันที แม้แต่กระเป๋ายาของตนก็ยังไม่หยิบมา
เทียบกับท่าทางขี้เกียจของนางแล้ว หนานหนานที่ได้รับการปรนนิบัติรับใช้ทั้งคอยนวดและประเคนของว่างจากเยว่ซินและแม่นมเซียว เพียงลงจากรถม้าก็วิ่งเข้าไปช่วยถือสัมภาระอย่างมีชีวิตชีวา
โดยเฉพาะถุงสัมภาระกองใหญ่ของเขา ไปดินแดนเหมิงมารอบหนึ่ง กระเป๋าก็ใหญ่กว่าเดิม
เขาแบกแล้ว… ต้องใช้แรงอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วมองอย่างคร้านจะไปยุ่งกับเขา ก่อนเจ้าเด็กนั่นจะกลับมา ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ผู้อาวุโสสกุลเซี่ยง ผู้อาวุโสสกุลเซิ่งและคนอื่นๆ ต่างก็ให้ของขวัญเขา
ทั้งยังกลัวว่าเขาจะไม่รับ ถึงกับยัดของมาไว้ในอ้อมแขนของเขาเลยทีเดียว
ช่างน่าตลกเสียจริง หนานหนานจะไม่รับของขวัญที่คนอื่นให้อย่างนั้นหรือ เขาแอบหลบไปหัวเราะตั้งนานแล้ว
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ไม่อยากจะยอมรับจริงๆ ว่านี่คือบุตรชายสุดที่รักของตน หันหน้ามากล่าวกับเย่ซิวตู๋ “ข้าไปนอนล่ะ มื้อเย็นไม่ต้องเรียกข้านะ ข้าหิวจนตื่นแล้วค่อยไปหาของว่างยามดึกกิน”
เย่ซิวตู๋นิ่งงัน พยักหน้าแล้วปล่อยนางไป
แต่ทว่าอวี้ชิงลั่วนอนลงได้ไม่นาน ตรงประตูก็มีเสียงดัง ‘ปังๆๆ’ ขึ้นมา
ต่อจากนั้นประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออก นางลุกขึ้นไปเปิดก็เห็นหนานหนานพยุงชายคนหนึ่งที่โชกเลือดไปทั้งตัวเข้าประตูมา
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารชิงลั่ว กะจะนอนสักหน่อยมีคนไข้มาให้รักษาเพิ่มอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)