อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 889 เหตุใดจึงเป็นเขา
ตอนที่ 889 เหตุใดจึงเป็นเขา
ตอนที่ 889 เหตุใดจึงเป็นเขา
อวี้ชิงลั่วตกใจมาก ลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองหนานหนานอย่างสงสัย
“เจ้า เจ้าทำอะไรน่ะ”
“ท่านแม่ รีบมาช่วยข้าเร็วขอรับ ข้าเก็บเขาได้จากที่สวนหลังโรงเตี๊ยม เขา…” หนานหนานหมดแรงอย่างมาก
ชายคนนั้นที่เดิมทีพิงอยู่บนไหล่เล็กๆ ของเขาเงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง ราวกับว่าวางใจแล้ว จากนั้นก็หมดสติไปอย่างสิ้นเชิง ทับหนานหนานจนล้มลงไปกับพื้น
หนานหนานแทบจะกระอักเลือดออกมา กระแอม ‘แค่กๆ’ สองครั้ง จากนั้นก็กล่าวกับอวี้ชิงลั่วทั้งน้ำตา “ท่านแม่ หนักมากเลย”
อวี้ชิงลั่วรีบพลิกตัวชายคนนั้น ในที่สุดคนตัวเล็กก็สามารถหายใจได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง ครั้นเห็นว่าบนร่างของตนก็เปื้อนเลือดจำนวนมากเช่นกันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วแล้วช่วยปัดให้เขา จากนั้นก็วิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ เปลี่ยนชุดให้เขาพลางถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พ่อของเจ้าอยู่ที่ไหน”
ได้ยินหนานหนานบอกไว้เมื่อครู่ว่าเก็บเขาได้จากสวนด้านหลัง มุมปากของนางก็กระตุก รู้สึกว่านี่ไม่ใช่คนสำคัญ ย่อมไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับเขา
การเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุตรชายสำคัญยิ่งกว่า ด้วยกลัวว่าหนานหนานจะไปเก็บเอาปัญหามา
“เมื่อครู่ข้าเห็นชิงช้าอยู่ที่สวนด้านหลัง คิดว่าจะไปไกวเล่นเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ จะมีคนคนหนึ่งพุ่งตัวมา เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะช่วยเขา แต่มองแล้วรู้สึกคุ้นตา จากนั้นก็เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก จึงรีบพาเขามาขอรับ” หากไม่ใช่เพราะคุ้นตา ตอนนั้นเขาก็คงหันหลังวิ่งหนีมาแล้ว “ดูเหมือนท่านพ่อจะไปสั่งทางครัวให้เก็บอาหารไว้ให้ท่านสองสามอย่าง ข้า…”
ก่อนหนานหนานจะกล่าวจบ เย่ซิวตู๋ก็มาปรากฏตัวที่ประตูห้อง
เมื่อเห็นคนที่ล้มลงไปที่พื้น เขาก็นิ่งงันไป จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบหันหลังปิดประตู
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เขาจากไปแค่ครู่เดียว เหตุใดจู่ๆ จึงมีคนที่เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือดอยู่ในห้องชิงเอ๋อร์ได้
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่หนานหนานกล่าวเมื่อครู่
เขาบอกว่าเป็นคนที่ดูคุ้นตาหรือ
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเปิดผมของชายที่นอนอยู่บนพื้น เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดของเขา… แต่กลับเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวตู๋ ทั้งสองคนอ้าปากค้าง
“เหตุใดจึงเป็นเขาไปได้”
อวี้ชิงลั่วเองก็ตกใจเช่นกัน เย่ซิวตู๋รีบลุกขึ้นพยุงคนคนนั้นขึ้นมา วางไว้บนเตียงยาวที่อยู่ไม่ไกล
อวี้ชิงลั่วรีบสั่งหนานหนาน “รีบไปหาแม่นมเซียว นำกระเป๋ายาของข้ามาเสีย”
“ขอรับ” หนานหนานเพิ่งหายใจได้คงที่ ก็ถูกท่านแม่ของตนใช้งานอีกแล้ว
เขาถอนหายใจเงียบๆ วิ่งออกจากห้องไปอย่างจำใจ
ห้องของแม่นมเซียวอยู่ถัดไป ตอนนี้กำลังเก็บข้าวของอยู่กับเยว่ซิน เตรียมจะมาดูแลหนานหนาน
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะออกจากห้อง ก็ถูกเด็กตัวเล็กชนเข้าอย่างจัง
นางถอยหลังไปสองสามก้าว มีเยว่ซินที่อยู่ด้านหลังช่วยพยุง
“เหตุใดจึงรีบร้อนเพียงนี้ ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ ให้สุขุม สุขุมเข้าไว้” แม่นมเซียวเห็นว่าเป็นหนานหนานก็อดไม่ได้ที่จะบ่นด้วยความหวังดี
หนานหนานไม่สนใจอะไรมากนัก เพียงกล่าวอย่างรีบร้อน “แม่นม กระเป๋ายาของท่านแม่ข้าเล่า”
“หืม” แม่นมเซียวนิ่งไป ชี้ไปทางเยว่ซินโดยไม่รู้ตัว
หนานหนานมองไปทางเยว่ซินก็เห็นว่าในมือของเยว่ซินถือกระเป๋ายาของแม่ตนอยู่จริงๆ
เขาไม่มีแม้แต่เวลาจะอธิบาย หยิบเอากระเป๋ายาแล้วหันหลังวิ่งจากไป
แม่นมเซียวและเยว่ซินทั้งสองคนตกตะลึง มองหน้ากัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยว่ซินก็กลืนน้ำลาย อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “พวกเรา พวกเราถูกปล้นหรือเจ้าคะ”
แม่นมเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเบาๆ “ดูท่าทางหนานหนานแล้วเหมือนว่าจะเกิดเรื่องบางอย่าง ไปกัน เราไปดูเสียหน่อย หากต้องใช้กระเป๋ายา ก็น่าจะแปลว่า… มีใครบาดเจ็บ”
เยว่ซินหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะในทันที นางกลัวมากว่าคนที่บาดเจ็บนั้นจะเป็นโม่เสียน
ทั้งสองคนเดินไปทางด้านห้องของอวี้ชิงลั่วอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อไปถึงหน้าประตู กลับพบว่าประตูห้องถูกปิดอย่างแน่นหนา
แม่นมเซียวยกมือเคาะประตู “คุณหนู ให้บ่าวช่วยหรือไม่เจ้าคะ”
ด้านในเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของหนานหนานดังขึ้นเบาๆ
ไม่นานนัก ประตูห้องก็ถูกเปิดออก หนานหนานยื่นศีรษะเล็กๆ ออกมา มองไปรอบๆ ที่ทางเดินหน้าประตู เมื่อไม่เห็นคนอื่นก็ดึงทั้งสองคนเข้าไป
แม่นมเซียวและเยว่ซินตกใจ จากนั้นก็มองเห็นคนบนตั่งยาวไม่ไกล รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวพร้อมกัน
อวี้ชิงลั่วกำลังรักษาบาดแผลให้กับคนบนตั่งยาว เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ด้านข้าง คิ้วขมวดแน่น
เดิมทีแม่นมเซียวอยากจะถาม แต่ดูสถานการณ์แล้วก็หุบปากไปในทันที
นางเองก็มีประสบการณ์มาก่อน หันหลังไปตักน้ำมา และหาผ้าเช็ดหน้าสะอาดมาด้วย
จากนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ คอยช่วยเช็ดจุดที่เลือดโชกบนเนื้อตัวชายที่อยู่บนตั่งยาวให้สะอาด
ตอนนี้พอมานั่งใกล้ๆ แล้วมองดูอย่างละเอียด ก็พบว่าบนร่างคนผู้นี้มีแผลถูกฟันอยู่ไม่น้อย บางจุดมีแผลน้อย บางจุดมีแผลมาก เขาน่าจะจัดการมาเองแล้ว และดูดีทีเดียว
อวี้ชิงลั่วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จัดการแผลที่ฉกรรจ์ที่สุดตรงหน้าอกเขาให้เรียบร้อย จากนั้นก็ถอนหายใจเงียบๆ
เย่ซิวตู๋เงียบไปนาน ก่อนจะถามเบาๆ “เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
“โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพียงแค่บาดเจ็บหนักมากหน่อย ทั้งยังเสียเลือดมาก แล้วก็มีอาการบาดเจ็บภายใน ต้องพักฟื้นให้ดี”
อวี้ชิงลั่วล้างมือ รับผ้าเช็ดหน้าที่เยว่ซินส่งให้ กล่าวกับเยว่ซิน “เจ้าไปเรียกโม่เสียนเข้ามา ให้มาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดๆ เถิด”
ให้คนรับใช้เย่ซิวตู๋มาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่บนร่างของเขามีเลือดโชกไปหมด จะให้ทนดูคงไม่ได้
เยว่ซินพยักหน้า หันหน้าเดินออกไป
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็หันมามองหนานหนาน “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
“ข้าไปที่สวนด้านหลัง เดิมทีจะไปเล่นชิงช้า แต่เพิ่งจะนั่งลงไปบนที่นั่งชิงช้า ก็เห็นว่าด้านหลังกองฟืนมีการเคลื่อนไหว ข้าก็นึกว่ามีลูกแมวลูกหมา จึงเดินไปดูหน่อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะโชกเลือดไปทั้งร่างแล้วพักหายใจอยู่ตรงนั้น เมื่อเขาเห็นข้าก็ชะงักไป จากนั้นก็เรียกข้าว่าหนานหนาน แล้วทิ้งตัวมาหา แทบจะทำให้ข้าล้มไปกับพื้น ข้าเห็นเขาหายใจรวยริน ก็รีบพยุงเขามาหาท่านแม่ขอรับ”
หนานหนานเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟังครั้งหนึ่งอย่างเชื่อฟัง
เย่ซิวตู๋เม้มปาก หันหน้าไปก็เห็นโม่เสียนเข้ามาพอดี
เขาสั่งทันที “โม่เสียน เจ้าบอกเสิ่นอิงให้เช็ดเลือดที่สวนหลังโรงเตี๊ยมให้หมด แล้วก็ทำลายร่องรอยตลอดการเดินทางมาของเขาให้หมดด้วย”
เพียงมองดูบาดแผลบนร่าง ก็รู้ได้ว่าถูกคนตามฆ่า
โม่เสียนผงะไป ชำเลืองไปทางนิ้วของเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง จากนั้นก็เบิกตากว้าง กล่าวอย่างประหลาดใจ “นั่น นั่นไม่ใช่… ไม่ใช่หมอเจียง เจียงอวิ๋นเซิงจากร้านยาซิงเซิ่งหรอกหรือขอรับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอเจียงต้องรู้ความลับอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ ถึงถูกตามฆ่าแบบนี้
ไหหม่า(海馬)