อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 892 ใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ตอนที่ 892 ใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ตอนที่ 892 ใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
สีหน้าของเจียงอวิ๋นเซิงเปลี่ยนไปทันใด อยากจะลุกขึ้นนั่งอย่างกระตือรือร้น แต่เพียงขยับก็ส่งผลกับบาดแผลอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วรู้สึกลนลานขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าขยับ เจ้าเองก็เป็นหมอ ไม่รู้หรือว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จำเป็นจะต้องสงบนิ่งให้มากที่สุด”
สีหน้าของเจียงอวิ๋นเซิงกระอักกระอ่วน “ข้า ต้องขอโทษจริงๆ ข้าเพียงแต่รีบร้อนไปหน่อย… ท่านอ๋อง ทหารเหล่านี้ เกรงว่าจะมาตามหาข้าขอรับ”
เขาถูกตามล่ามาตลอดทาง คนเหล่านี้บอกว่าจะจับเขากลับไปพบฝ่าบาท แต่ไม่มีความปรานีในการลงมือเลย หากจับได้ก็จับ หากจำไม่ได้ก็จะฆ่าเขาให้ตายคาที่เสีย
และ… ทุกครั้งที่หลบหนีผ่านไปหนึ่งเมือง ทหารจากเมืองนั้นๆ ก็จะมาเข้าร่วมด้วย มาคอยขวางทางเขาไว้ เขาหนีมาถึงที่นี่ได้ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายแล้ว
หากไม่ใช่ว่าพบเย่ซิวตู๋ ตอนนี้เขาคงสิ้นหวังจนหมดกำลังจะหนีแล้ว
เย่ซิวตู๋มองไปทางประตู กล่าวเสียงทุ้ม “เจ้าพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถิด มีข้าอยู่ ไม่มีใครมาจับตัวเจ้าได้แน่”
คำพูดของเขาช่างมีพลังทำให้ใจคนสงบลงได้ เจียงอวิ๋นเซิงจึงวางใจอย่างอธิบายไม่ถูก ค่อยๆ ถอนหายใจ กล่าวอย่างซาบซึ้ง “ข้าสร้างปัญหาให้ท่านอ๋องเสียแล้ว”
ทันทีที่กล่าวจบ ด้านนอกก็มีเสียงถกเถียงกันดังขึ้น
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้ามาเอะอะโวยวายที่นี่ หากยังไม่ไปและสร้างความรำคาญให้นายท่านของพวกข้า พวกเจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
น้ำเสียงของเสิ่นอิงเย็นชาอย่างมาก เมื่อเขาไม่ได้ทำสีหน้าทะเล้นก็จะดูเย็นชาอย่างมากเสียจนสยบคนเอาไว้ได้อยู่หมัด
มีเสียงดังขึ้นนอกประตู ตามด้วยเสียงกล่าวดังอย่างเกรี้ยวกราด “พวกข้าได้รับคำสั่งให้จับกุมอาชญากร ไม่ว่านายท่านของเจ้าจะเป็นใคร หากมาขัดขวางการจับกุมของเรา เช่นนั้นก็ถือว่าสมรู้ร่วมคิด พวกข้าก็จะจับพวกเจ้าได้อยู่ดี”
เสิ่นอิงอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะ “ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าหรือ?”
“ทำไม หรือเจ้ายังคิดจะขัดขืน” คนผู้นั้นแสดงอำนาจ โอหังอย่างมาก “หากไม่อยากจะถูกจับไปกินข้าวแดงในคุกก็ยอมถอยให้เราเสียแต่โดยดีเถิด ให้พวกข้าเข้าไปตรวจสอบ หากตรวจพบว่าพวกเจ้าไม่ได้ซ่อนตัวอาชญากรไว้ก็ย่อมไม่ก่อความวุ่นวายให้พวกเจ้า ไม่อย่างนั้นหากเจ้ายังหาข้ออ้างยืดเยื้ออีก ก็ยากที่เราจะเชื่อว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับอาชญากร ไม่แน่ว่าคนที่พวกเราต้องการจับกุมอาจจะถูกพวกเจ้าซ่อนตัวเอาไว้ก็เป็นได้”
อวี้ชิงลั่วคิด คนผู้นี้คาดเดาได้ถูกต้องจริงๆ อาชญากรก็อยู่ในห้องนี้ไม่ใช่หรอกหรือ
นางเงยหน้ามองเย่ซิวตู๋ เย่ซิวตู๋เพียงแต่แสดงสีหน้าเย็นชา ไม่กล่าวอันใด และไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด
เสิ่นอิงที่อยู่ด้านนอกก็ยังคงยืนอยู่ตรงประตูขวางทหารไว้อย่างแน่นหนา ตลกแล้ว มีสิ่งใดบ้างที่เขาไม่เคยเห็น จะตื่นกลัวเพียงเพราะพวกเขากล่าวไม่กี่คำอย่างนั้นหรือ?
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะว่าอย่างไร ก็ห้ามเข้าประตูนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าดาบของข้าไร้ปรานีก็แล้วกัน”
“เจ้า…” หัวหน้าทหารเองก็น่าจะโกรธแล้ว “เราล้วนมาจับกุมคนร้ายตามพระกระแสรับสั่งของฮ่องเต้ เจ้าขัดขวางเราก็ถือว่าต่อต้านฝ่าบาท อยากหัวขาดอย่างนั้นหรือ?”
เสิ่นอิงหัวเราะเย็นชา “พระกระแสรับสั่งหรือ?” คิดว่าเขาไม่เคยเผชิญโลกหรืออย่างไร “พวกเจ้าสวมเสื้อผ้าของทหารท้องถิ่นไม่ใช่หรือ?”
คนที่ฝ่าบาทส่งมาล้วนสวมใส่ชุดทหารรักษาพระองค์ หรือไม่ก็แต่งกายด้วยชุดธรรมดา จะเป็นดั่งเช่นพวกเขาได้อย่างไร?
คนผู้นั้นสะอึกไป จากนั้นก็หัวเราะเยาะออกมา “ถึงแม้พวกเราจะเป็นทหารท้องถิ่น แต่ก็ให้ความร่วมมือกับทหารรักษาพระองค์ ทหารรักษาพระองค์ล้วนเป็นคนของฝ่าบาท คำสั่งของพวกเขาก็ย่อมเป็นรับสั่งของฝ่าบาท”
เสิ่นอิงตอบว่า ‘อ้อ’ และไม่คิดจะกล่าวต่อ
เพียงพวกลิ่วล้อตัวเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องสนใจ
หัวหน้าทหารเห็นท่าทางดูถูกเช่นนั้นของเขาก็โมโหขึ้นมาทันที
ถึงแม้พวกเขาจะเทียบกับทหารรักษาพระองค์ในเมืองหลวงไม่ได้ แต่ในเมืองเล็กๆ นี้ก็ถือว่ามีอำนาจอยู่ ใครบ้างที่พบเจอแล้วไม่เคารพให้ความร่วมมือ ใครบ้างที่มีปัญหามากมายเช่นเขา
เสิ่นอิงเองก็ไม่ได้รับมือยาก เมื่อครู่เขาเองก็ลองวิธีอ่อนโยนดูแล้ว คิดว่าจ่ายเงินเล็กน้อยแล้วไล่คนเขาออกไปอย่างสงบก็ใช้ได้ จะได้ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนของนายท่าน
แต่พวกเขากลับโลภมากลาภหาย ได้รับเงินไปแล้วก็ยังจะขอตรวจค้น อีกอย่างยังคิดว่าเขาให้เงินแล้วจะรังแกได้ง่าย ได้คืบจะเอาศอกเกินไปหน่อย
เมื่อได้รับสัญญาณลับจากนายท่านที่อยู่ในห้องแล้ว เขาก็ไม่เกรงกลัวอันใด
อยากตรวจค้นก็ย่อมได้ แต่ต้องข้ามศพเขาไปให้ได้เสียก่อนค่อยว่ากัน
เหล่าทหารพวกนั้นมองหน้ากัน เห็นว่าเขาไม่กล่าวอันใดอีกเลย สุดท้ายก็ทนไม่ได้ เริ่มลงมือ
เพียงแต่พวกเขานั้นล้วนเป็นลิ่วล้อตัวเล็กๆ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเสิ่นอิงได้อย่างไร ไม่นานนัก ทุกคนก็ถูกโค่นล้มจนหมด ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“เจ้า เจ้า…” หัวหน้าทหารผู้นั้นกุมหน้าอกแล้วถอยไปหลายก้าว “เจ้ารอดูก่อนเถิด”
เขากล่าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
หนานหนานที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงนี้ก็ตะลึงไปเล็กน้อย “นี่โดนทำร้ายจนหนีไปแล้วหรือ? เร็วเพียงนั้นเชียว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของท่านลุงเสิ่นเลยสักนิด”
เขากำลังคันไม้คันมือ ยังไม่ได้ลงไปสู้ด้วยเลย เหตุใดจึงไปเสียแล้วเล่า?
ด้านนอกไม่มีเสียงแล้ว ขณะเดียวกันเจียงอวิ๋นเซิงที่ถอนใจอย่างโล่งอก ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา
“สถานะของท่านอ๋องถูกเปิดเผยเช่นนี้ เกรงว่า… จะมีปัญหามากนะขอรับ” ถึงแม้เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของราชวงศ์ แต่ก็รู้เรื่องสกปรกเหล่านั้นอยู่บ้าง
เดิมทีท่านอ๋องซิวก็เป็นที่เกรงกลัวของทุกคนอยู่แล้ว หากมีคนรู้ที่อยู่ของเขาเข้า ต่อไปจะมีปัญหาตามมามากมาย
เย่ซิวตู๋ไม่กล่าวอันใด ในเมื่อพบกับเจียงอวิ๋นเซิงที่ถูกตามฆ่าเข้าแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดเรื่องการปกปิดตัวตนอีก
เขาคิดว่าทหารรักษาพระองค์ที่มาตามฆ่าเขานั้นน่าจะเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟยทั้งหมดจึงจะถูก ตอนนี้เขาอยู่ใต้จมูกของทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ คนพวกนั้นต่อให้ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่อีกไม่นานก็จะพบตัวเขา
เช่นนั้นแล้ว ก็ปรากฏตัวอย่างเปิดเผยไปเสียเลยจะดีกว่า
เขาเปิดเผยตัวตน อย่างน้อยที่สุดไม่ว่าจะไปที่ใด ก็จะมีเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นมาคอยอารักขา
ขณะด้านในคุยกันอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นอีกครั้ง
ไม่นานนัก หัวหน้าทหารที่จากไปเมื่อครู่ก็ตะโกนขึ้น “เป็นเขา อยู่ทางด้านนี้ มาเร็ว จับพวกเขาไว้”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ก็มีเสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้น
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว อวี้ชิงลั่วมองการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนของเขา ถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ?”
“มีคนมามากมาย หลายคนในนั้นเป็นยอดฝีมือ” ต่อให้เป็นทหารท้องถิ่น แต่ก็ต้องมีบางคนที่มีฝีมืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นการจะจับจอมโจรอะไรนั้นจะเป็นไปได้ยาก
เจียงอวิ๋นเซิงประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง “เช่นนั้นท่านอ๋อง…”
เย่ซิวตู๋โบกมือ ยังไม่ให้เขาพูดอะไร
เสียงการต่อสู้ด้านนอกดังขึ้นแล้ว ถึงแม้เสิ่นอิงจะมีฝีมือต่อสู้แข็งแกร่ง แต่จำนวนทหารมีมากนัก เขาขวางไว้ได้แค่คนสองคน แต่มีหลายคนที่ผ่านเขาไปได้และพุ่งเข้าไปเคาะประตูแล้ว
เสียงของหัวหน้าทหารเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง “เฮอะ ข้าจะดูว่าเจ้าจะสามารถป้องกันคนมากเพียงนี้ได้หรือไม่ เจ้าฝีมือดีนักไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าก็ลองรับมือกับทุกคนดูสิ วันนี้ข้าจะจับเจ้าไปเข้าคุกเสีย ให้เจ้าและนายของเจ้าอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิต พวกเจ้าไม่รับคำสั่งของฝ่าบาท กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาชญากรแล้ว”
“เจ้าบอกว่าใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดหรือ?” เพียงหัวหน้าทหารผู้นั้นกล่าวจบ จู่ๆ หน้าต่างที่อยู่ด้านข้างก็ถูกเปิดออก ทันใดนั้นก็มีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งพุ่งออกมาทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานได้เวลาแสดงฝีมือเสียที คันไม้คันมือมานานแล้วใช่ไหมเจ้าคะ
ไหหม่า(海馬)