อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 893 มีพลังอำนาจมาก
ตอนที่ 893 มีพลังอำนาจมาก
ตอนที่ 893 มีพลังอำนาจมาก
ทุกคนอึ้งงันไป เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหนานหนานกำลังเหยียบไหล่ของทหารคนหนึ่งอยู่
เสิ่นอิงเลิกคิ้ว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดจึงออกมาเสียแล้วเล่า”
“ข้าคันไม้คันมือน่ะสิ” หนานหนานเอียงคอ ลงมาจากร่างของทหารคนนั้น จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปทางประตู เตะเหล่าทหารที่คิดจะเคาะประตูเข้าห้องเหล่านั้นไปด้านข้างทีละคน
“เจ้า…” ทหารเหล่านั้นถูกเขาเตะจนร้องโอดโอยมาจากด้านข้าง มีคนไม่น้อยที่ไปยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้าทหารผู้นั้น
“หัวหน้า เด็กนั่นมีฝีมือไม่เบาเลยขอรับ”
หัวหน้าสายตรวจฉินไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่าน เคาะศีรษะของทหารที่กล่าวคำนั้น พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าช่างไร้ประโยชน์นัก กับอีแค่เด็กเวรคนหนึ่ง จะมีฝีมือสูงส่งเพียงใดกัน ยังไม่จับเจ้าเด็กนั่นไว้อีก ไอ้หยา…”
ก่อนที่หัวหน้าสายตรวจฉินจะกล่าวจบ จู่ๆ ก็มีคนกระชากผมเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา
จนกระทั่งตั้งสติได้อย่างยากลำบากแล้วมองไปอีกครั้ง ก็เห็นหนานหนานขยับเก้าอี้มาจากที่ใดก็ไม่รู้ และนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นอย่างใจเย็น ตัวเล็กๆ เช่นนั้นช่างน่าสนใจอย่างมาก
“ใครคิดจะเข้าไปรบกวนการพักผ่อนของท่านแม่ข้า ก็ล้มข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน” หนานหนานรู้ว่าตนเป็นคนปกป้องผู้อื่นอย่างมาก แม่ของเขาอยู่ด้านในรักษาคนอยู่ คนเหล่านี้กลับมาบุกอย่างไม่รู้ความ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปได้เป็นอันขาด
หัวหน้าสายตรวจฉินโกรธเสียจนขบกรามแน่น หันไปเห็นเสิ่นอิงที่ถูกถ่วงอยู่ รอยยิ้มน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เขาโบกมือให้คนด้านหลัง กล่าว “เป็นเพียงเด็กเวรคนหนึ่งเท่านั้น จับเขาให้ได้ จะได้จับเป็นตัวประกัน”
มีทหารหลายคนด้านหลังเขาที่ถูกหนานหนานเตะออกมา รู้ว่าถึงแม้เขาจะยังเด็ก แต่มีพลังมาก และยังมีบางคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับหัวหน้าสายตรวจฉิน คิดว่าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ไม่ได้รับมือยากอันใด
ดังนั้นเมื่อหัวหน้าสายตรวจฉินกล่าวจบ ก็มีสามสี่คนที่มุ่งหน้าเข้าไปหาหนานหนาน
เด็กน้อยส่งเสียงฮึดฮัดออกมา แล้วก็เริ่มพับแขนเสื้อขึ้น
แต่เพิ่งพับแขนเสื้อไปได้ครึ่งเดียว ก็มีคนคนหนึ่งมายืนตรงหน้า ส่วนสามสี่คนที่พุ่งเข้ามาหาเขาก็ล้วนถูกคนตรงหน้าเหวี่ยงออกไปโดยตรง
หนานหนานเอียงคอมองเขา “ท่านลุงโม่ ท่านตื่นแล้วหรือ”
โม่เสียนปิดปาก ยังคงหาวอยู่ เขาคอยเฝ้าระวังให้เจียงอวิ๋นเฟิงมาทั้งคืน เพิ่งได้กลับไปนอนที่ห้องเมื่อตอนเช้า
คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ไม่แน่ใจว่าดีหรือร้ายนี้จะมารบกวนการนอนหลับของเขา มันเกินจะอดทนไหวแล้ว
หัวหน้าสายตรวจฉินผงะ มองไปยังเหล่าทหารที่ร้องครวญครางอยู่แทบเท้าของตน รูม่านตาก็หดลงทันที
เหตุใด เหตุใดจึงมีคนมาเพิ่มอีกเล่า?
เขารีบตะโกนไปทางด้านหลัง “น้องเจ็ด เจ้ามาจัดการเขาเสีย” เขาชี้นิ้วไปที่โม่เสียนแล้วตะโกน
น้องเจ็ดมีฝีมือดี เดิมทีเขาเรียนศิลปะการต่อสู้ ทั้งยังมีแรงมาก โจรที่อยู่ในห้องขังในตอนนี้ส่วนมากล้วนเป็นเขาที่ออกหน้าไปจับกลับมา
เพียงเขาพุ่งเข้ามา ก็โอบรอบตัวโม่เสียนไว้
โม่เสียนหรี่ตา ไม่สนใจเขา
เพียงแต่ว่าตนก็ถูกเขาลากออกห่างจากข้างกายหนานหนานไปจริงๆ
หัวหน้าสายตรวจฉินเห็นว่ามีโอกาสแล้ว ก็ตะโกนบอกทหารด้านหลัง “ไปจับเด็กคนนั้นเสีย”
หนานหนานถอนหายใจ จากนั้นก็เริ่มพับแขนเสื้ออีกครั้ง เมื่อพับเสร็จ ก็มีอีกคนหนึ่งพลิกตัวเข้ามาแล้วจัดการฟาดเอาคนที่พุ่งตัวเข้าใส่หนานหนานออกไปอีกครั้ง
“ท่านลุงเผิง…” หนานหนานรู้สึกไม่เป็นธรรมมาก เขายังไม่ได้ลงมือเลย ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สั่งสอนพวกเขา เหตุใดท่านลุงโม่และท่านลุงเผิงจึงปรากฏตัวได้อย่างบังเอิญเช่นนี้นะ
เผิงอิงหันมายิ้มให้เขา จากนั้นก็ตะโกนหาเสิ่นอิง “เจ้าฝีมือตกหรือ คนพวกนี้จึงต้องทำให้เจ้าเสียเวลามากมายเพียงนี้ ยังต้องให้พวกข้ามาออกหน้าอีก”
เสิ่นอิงหัวเราะเบาๆ “ให้พวกเจ้าฝึกมือเสียหน่อย เกรงว่าไม่ได้ออกกำลังกายนานๆ แขนขาจะขึ้นสนิมเอา”
เขากล่าว จากนั้นก็เตะทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าออกไป พลิกตัวไปด้านหลังแล้วมาหยุดข้างกายหนานหนาน
โม่เสียนก็กดน้องเจ็ดอยู่ครู่หนึ่ง ถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วยืนอยู่ที่ด้านซ้ายของหนานหนาน
ทั้งสามคนสีหน้าดูเย็นชา ล้อมหนานหนานเอาไว้ตรงกลาง มองไปยังความวุ่นวายตรงหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น
ทันใดนั้นหนานหนานก็รู้สึกว่ามีพลังแผ่ออกมาอย่างมาก ความรู้สึกอวดดีค่อยๆ เพิ่มขึ้น
เขาลุกขึ้นยืนทันที ยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อตั้งใจจะสูงในระดับเดียวกับเสิ่นอิง โม่เสียน และเผิงอิง
“นี่ พวกเจ้ายังคิดจะเข้ามาอีกหรือ ข้าจะบอกให้นะ ท่านลุงทั้งสามคนของข้าฝีมือดีมาก พวกเขาเป็นผู้อารักขาที่เก่งกาจที่สุดของท่านพ่อข้า พวกหัวมงกุฏท้ายมังกรอย่างพวกเจ้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาหรอก”
เสิ่นอิงหันหน้าไปมองเขาแล้วยิ้ม หนานหนานวางมือบนไหล่ของเขา ท่าทางเหมือนเป็นพี่ใหญ่
หัวหน้าสายตรวจฉินสีหน้าโกรธเกรี้ยว คนเหล่านี้ยากเกินจะรับมือจริงๆ
เขาชี้ไปยังหนานหนานพลางสั่น “พวกเจ้า พวกเจ้าอย่าได้ใจไป ข้าจะบอกให้ พวกเจ้าขัดขืนการจับกุมทั้งยังทำร้ายเจ้าหน้าที่ พวกเจ้ามีความผิดร้ายแรง ความผิดนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก อีกเดี๋ยวข้าจะเอารูปพวกเจ้าไปประกาศ ให้พวกเจ้าอยู่ในรายชื่อตามจับกุมเสีย”
“พูดไร้สาระอะไรกับพวกมันเล่า ตอนนี้เราจับพวกมันไปขังคุกเสียเลยก็ได้” น้องเจ็ดสบถออกมา เมื่อครู่ถูกโม่เสียนฟาดไปฝ่ามือหนึ่ง ยังเจ็บหน้าอกจนถึงตอนนี้
แต่ก็เพราะแบบนั้นที่กระตุ้นให้ในใจเขาพลุ่งพล่าน อยากจะประมือเสียหน่อย
เขาเองก็ไม่ได้พบคู่ต่อสู้นานแล้ว ในสถานที่เล็กๆ เช่นนี้ โอกาสจะได้พบคนที่ฝีมือร้ายกาจเช่นนี้มีน้อยนัก
น้องเจ็ดโบกมือ ด้านขวามือก็มีชายร่างใหญ่กำยำโผล่มาอีกสองสามคน
โม่เสียนเลิกคิ้ว กล่าวกับหนานหนานเบาๆ “สองสามคนนั้นฝีมือแข็งแกร่ง หนานหนาน อีกเดี๋ยวพวกข้าอาจจะออกห่างไปจากข้างกายเจ้า เจ้าต้องระวังด้วยนะ”
“วางใจเถิดๆ ข้าเป็นคนเจ้าเล่ห์นัก ไม่เป็นอะไรไปแน่”
เจ้าเล่ห์หรือ???
เอาเถิด พวกเขายกโทษให้กับสำนวนที่ใช้แบบส่งเดชของเขาแล้วก็ได้
พวกโม่เสียน เสิ่นอิงสบตากัน น้องเจ็ดและเหล่าชายร่างใหญ่เหล่านั้นก็พากันพุ่งตัวเขามา
พวกเขามีแรงมาก มีฐานมั่นคง ไม่สั่นคลอนง่ายๆ
นอกจากนี้ โม่เสียนเองก็ไม่คิดจะเอาชีวิตพวกเขา อย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่คนร้าย ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับทหารถึงตาย
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่แม้แต่จะชักดาบออกมา เพียงต่อสู้กันด้วยการเตะต่อยเท่านั้นจริงๆ
แต่หัวหน้าสายตรวจฉินกลับคิดว่าพวกเขาสองสามคนนั้นถูกน้องเจ็ดและชายร่างใหญ่ถ่วงไว้ได้ ก็ปรากฏสีหน้าดุร้าย มุ่งหน้าเข้าหาหนานหนานด้วยตัวเอง
หนานหนานนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้ มองเขาเดินเข้ามาใกล้ตนทีละก้าวๆ ถามพลางหัวเราะคิกคัก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาชญากร ขัดพระกระแสรับสั่งของฮ่องเต้ ตายไปก็ไม่เสียดาย”
“เฮ้อ หากข้าตายไป เกรงว่าทั้งครอบครัวพวกเจ้าจะถูกฝังไปกับข้าน่ะสิ จริงๆ นะ ข้าไม่ได้โกหก” หนานหนานคิด เสด็จปู่รักใคร่ตนเพียงนั้น จะต้องแก้แค้นให้เขาแน่ ทั้งยังมีเสด็จย่า ล้วนรักและเอ็นดูเขาอยู่ในใจ
เขาเพียงแค่หวังดี จึงเตือนไปคำหนึ่งเท่านั้น
หัวหน้าสายตรวจฉินไม่เชื่อคำพูดของเด็กเหลือขอคนหนึ่ง เดินเข้ามาโดยตรง
‘ปัง’ เพียงวินาทีต่อมา คนทั้งคนก็ถูกหนานหนานเตะจนคุกเข่าลงกับพื้น แทบจะกระอักเลือดออกมา
“ข้าจะบอกให้นะ จะพูดหรือทำอันใดก็ระวังเสียหน่อย ตอนนี้เจ้ายังไม่ได้ทำข้าบาดเจ็บ แต่ถ้าผมข้าขาดไปแม้แต่เส้นเดียว ผมทั้งหมดบนหัวของเจ้าอาจจะถูกดึงออกหมดก็เป็นได้”
“กับอีแค่เจ้าน่ะหรือ?” หัวหน้าสายตรวจฉินยังคงหัวแข็ง ถึงแม้จะถูกกดลงบนพื้นเช่นนี้ หนานหนานยังนั่งอยู่บนหลังเขาแล้ว เขาก็ยังคงดื้อดึง “อย่าว่าแต่ผมเส้นเดียวเลย วันนี้เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่ ข้าเองก็จะไม่มีปัญหาใด อีกทั้งยังจะได้ความดีความชอบเสียด้วยซ้ำ”
“อย่างนั้นหรือ?” ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมเสียงทุ้มต่ำและไม่แยแสที่ดังขึ้น
จากนั้นก็เผยให้เห็นสีหน้าเย็นชาของเย่ซิวตู๋
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไปพูดแบบนั้นกับเด็กระวังเงาหัวจะไม่มีนะท่าน รู้ไหมว่าเด็กคนนี้ลูกใคร?
ไหหม่า(海馬)