อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 894 เขาคือท่านอ๋อง
ตอนที่ 894 เขาคือท่านอ๋อง
ตอนที่ 894 เขาคือท่านอ๋อง
น้ำเสียงของเย่ซิวตู๋เย็นชาอย่างมาก เขายืนอยู่ตรงนั้น ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ทำให้เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา
หนานหนานกระโดดขึ้นจากหลังของหัวหน้าสายตรวจฉิน วิ่งไปข้างกายเย่ซิวตู๋อย่างมีความสุข “ท่านพ่อ”
เย่ซิวตู๋สีหน้าอ่อนโยนลง ลูบหัวของเขาแล้วอุ้มคนขึ้นมา
เสิ่นอิง โม่เสียน และเผิงอิงทั้งสามคนออกแรงในทันใด สลัดเอาสองสามคนที่เข้ามาพัวพันกับคนออกไป พลิกตัวไปยืนข้างกายของเย่ซิวตู๋ ประกบมือทำความเคารพแล้วกล่าวพร้อมกัน “ท่านอ๋อง!!”
“…”
ท่านอ๋องหรือ????
ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ มองไปยังร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตู รู้สึกเหมือนถูกหลอกเล็กน้อย
เย่ซิวตู๋เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินช้าๆ ทีละก้าวไปตรงหน้าของหัวหน้าสายตรวจฉิน เหยียบหลังมือของเขาที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น บดขยี้ลงไปอย่างแรง “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ พูดอีกครั้งสิ”
เท้าของเขาแข็งแรง ด้วยแรงเพียงเท่านั้น หัวหน้าสายตรวจฉินก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบจากหลังมือลามไปถึงแขน ทันใดนั้นก็ลามไปทุกส่วนของกระดูก รูม่านตาของเขาหดลง ร้องเสียงดังออกมา “โอ๊ย… เจ็บๆๆ…”
หนานหนานโอบคอของเย่ซิวตู๋ มองว่าเขาพูดอะไรไม่ออกแล้ว ก็ช่วยตอบแทนเขาอย่างเชื่อฟัง “ท่านพ่อ เมื่อครู่เขาบอกว่า อย่าว่าแต่ผมหนึ่งเส้นเลย วันนี้หนานหนานจะต้องตายอยู่ที่นี่ เขาเองก็จะไม่มีปัญหาใด อีกทั้งจะได้ความดีความชอบเสียด้วยซ้ำ”
ความทรงจำของเขาดีมาก กล่าวคำต่อคำ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังเหมือนทุกประการ
เย่ซิวตู๋ออกแรงที่เท้าอีกครั้ง “เจ้ากล้าทำให้ลูกของข้าตายอยู่ที่นี่หรือ?”
“เจ้า… โอ๊ย เจ้า เจ้าเป็นใครกันแน่ บังอาจนัก” หัวหน้าสายตรวจฉินเหงื่อตก แต่ก็ยังคงแสดงอำนาจ ตะโกนออกมาอย่างดื้อดึง
หนานหนานคอยบอกอยู่ข้างๆ อย่างหวังดี “เฮ้อ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินหรือ ท่านลุงเสิ่น ท่านลุงโม่ แล้วก็ท่านลุงเผิง พวกเขาล้วนเรียกพ่อข้าว่าท่านอ๋อง เจ้ารู้จักท่านอ๋องหรือไม่ ก็คือคนที่มีตำแหน่งสูงมาก ร้ายกาจมาก คนอื่นเห็นเป็นต้องคำนับ ทั้งยังต้องคุกเข่าเพื่อทำความเคารพด้วย อืม… ข้าขอคิดก่อน ยังมีอะไรอีก จริงสิ ยังมีพระชายา… เอ๊ะ ท่านพ่อ เช่นนั้นแล้วท่านแม่ก็เป็นพระชายาหรือ?”
เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก ตอบ ‘อืม’
เดิมทีหัวหน้าสายตรวจฉินก็ตัวสั่นเพราะรังสีของเขาที่ออกมาตอนปรากฏตัว รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่าทางเหมือนคนชั้นสูงอย่างมาก
แต่ตอนนี้ได้ยินหนานหนานกล่าวเช่นนี้ กลับรู้สึก…ท่านอ๋องผู้นี้เป็นตัวปลอม อะไรคือมีตำแหน่งสูง ยิ่งใหญ่ ร้ายกาจมาก ทั้งยังไม่รู้อีกว่าแม่ของตนเป็นพระชายา นี่เห็นได้ชัดว่าได้ยินเรื่องคนอื่นแล้วเอามาเล่าเป็นเรื่องของตัวเอง
หัวหน้าสายตรวจฉินคิดถึงตรงนี้ จากนั้นก็มองผู้อารักขาสามคนข้างกายเย่ซิวตู๋ นอกจากจะดูไม่สนใจไยดีแล้ว ก็ไม่มีท่าทางใดๆ เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ผู้อารักขาข้างกายของใต้เท้าที่มาตรวจการที่เขาเคยพบนั้นยังดูน่าเคารพและจริงจังกว่าคนพวกนี้มาก
เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าคนเหล่านี้เป็นเพียงพวกใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ บังอาจมาปลอมแปลงตัวตนก็เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ก็ขัดขืนการจับกุมและฝ่าฝืนรับสั่งฮ่องเต้ ตอนนี้ยังปลอมตัวเป็นท่านอ๋อง และทำร้ายเขาจนเป็นเช่นนี้ จนถึงตอนนี้ยังเหยียบมือเขาแล้วพูดอีก หากเขาไม่ฆ่าพวกมัน ก็ไม่ใช่คนแซ่ฉินแล้ว
“ไอ้พวกตัวปัญหา ยังกล้าปลอมตัวเป็นท่านอ๋องอีก น้องเจ็ด พวกเจ้ามัวตะลึงอะไรกัน รีบจับพวกมันเสีย”
น้องเจ็ดและคนอื่นๆ เป็นคนไม่มีความรู้ หัวหน้าสายตรวจฉินเป็นหัวหน้าของพวกเขา เขาบอกว่าแล้วว่าเป็นตัวปลอม พวกเขาก็ย่อมไม่มองว่าเย่ซิวตู๋เป็นท่านอ๋อง รีบพุ่งเข้ามาโจมตีเย่ซิวตู๋โดยไม่กล่าวอันใด
เย่ซิวตู๋แค่นหัวเราะ “เสิ่นอิง จับพวกมันให้หมด อย่าให้ตายเป็นพอ”
“ขอรับ” มีคำสั่งจากเย่ซิวตู๋ พวกเสิ่นอิงเองก็ไม่ออมมืออีกต่อไป ทุกคนยังไม่ทันได้รู้ว่าดาบของพวกเขาถูกชักออกมาตอนไหน เพียงชั่วพริบตา พวกเสิ่นอิงทั้งสามคนก็ฟันทหารไปสิบกว่าคน นำปลายดาบจ่อคอของน้องเจ็ดเสียแล้ว
น้องเจ็ดตะลึงไปทั้งร่าง ด้วยความเร็วขนาดนี้ เขายังไม่ทันแม้แต่จะตอบสนอง
ถึงแม้เขาจะมีแรงเยอะ แต่ก็ไม่ยืดหยุ่นเท่าพวกเสิ่นอิง ปลายดาบที่เย็นและแหลมคมสัมผัสอยู่ที่คอของเขา ทำเอาเหงื่อเย็นไหลลงมาที่หลังในทันที
หัวหน้าสายตรวจฉินตะลึงไป คนอื่นๆ ก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
หนานหนานเอียงคอจ้องมองหัวหน้าสายตรวจฉิน “ทำไมเจ้าต้องบอกว่าพ่อของข้าเป็นตัวปลอมด้วยเล่า เจ้ามองดูรังสีที่แผ่มาจากร่างของท่านพ่อข้าก็รู้แล้วว่าในกายเขามีสายเลือดของราชวงศ์อยู่”
ขณะที่เขากล่าว เท้าของเย่ซิวตู๋ก็ออกแรงขึ้นมาเล็กน้อย
เส้นเลือดบนขมับของหัวหน้าสายตรวจฉินเริ่มกระตุก ร้องออกมาพร้อมกัดริมฝีปากอย่างแรง
น้องเจ็ดที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าสายตาของเสิ่นอิงไม่ได้จับจ้องมาที่ตน รู้สึกได้ว่าเขาไม่มีสมาธิ จึงคิดจะสร้างปัญหา
แต่เพียงเขาขยับ ก็ถูกดาบฟันเข้าที่แขนหนึ่งครั้ง เลือดสีแดงสดย้อมให้พื้นเป็นสีแดงทันที
เขาตกตะลึง เสิ่นอิงกลับหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าจะโง่เหมือนเจ้าหรือ”
น้องเจ็ดคุกเข่าลงกับพื้น ยังไม่ทันได้ตอบโต้ จู่ๆ ก็มีเสียงดังโวยวายมาจากห้องถัดไป
ทุกคนมองตามเสียงไป ก็เห็นทหารสองคนจับคนคนหนึ่งเดินมาทางนี้
โม่เสียนสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ปล่อยนางเสีย”
หัวหน้าสายตรวจฉินหันหน้ามามองเขา ปรากฏความภูมิใจบนใบหน้า ชื่นชมทหารที่หัวไวทั้งสองคน “ทำดีมาก จับตัวมาทางนี้”
ร่างของเยว่ซินสั่นเล็กน้อย ถึงแม้ช่วงสองสามวันนี้จะอยู่ข้างกายโม่เสียน ก็ได้มีประสบการณ์มามากมาย แต่การถูกคนจ่อมีดไว้ที่คอเช่นนี้ ช่างหาได้ยากเหลือเกิน…
โม่เสียนกำชับให้นางอยู่ในห้องอย่าออกมา นางเองก็เชื่อฟัง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนสองคนแอบเข้ามาทางหน้าต่าง จับนางออกมาข้างนอก
นางไม่ได้มีฝีมือเช่นคุณหนู จะเป็นคู่ต่อสู้ของทหารร่างใหญ่สองคนได้อย่างไร ตอนนี้จึงทำได้เพียงหวังว่าจะไม่ทำให้โม่เสียนมีปัญหาไปมากกว่าเดิม
หนานหนานเองก็มองไป มือน้อยๆ กำแน่น “ท่านพ่อ พวกเขาเลวร้ายเกินไปแล้ว”
“ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร” เย่ซิวตู๋แทบไม่สนใจทหารสองคนนั้นเลย เพียงเขามองไปอย่างเย็นชา สองคนนั้นก็เหงื่อตก ไม่กล้าจะสบตาเขาอีกแล้ว
เพียงแต่มองไปยังหัวหน้าสายตรวจฉินด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ แต่หัวหน้าสายตรวจฉินกลับถูกเย่ซิวตู๋เหยียบย่ำอยู่
ทันนั้นเขาก็โกรธขึ้นมาในทันที เงยหน้าจ้องมองเย่ซิวตู๋อย่างดุดัน กล่าว “เจ้ายังไม่เก็บเท้าไปอีกหรือ เจ้าฟังข้าหน่อยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าจะเอาชีวิตหญิงคนนั้นเสีย”
เย่ซิวตู๋หรี่ตา บนโลกนี้ยังมีคนกล้าพูดกับเขาเช่นนั้นอยู่อีก
ทันใดนั้นเขาก็ออกแรงที่เท้าอีก หัวหน้าสายตรวจฉินรู้สึกว่าหูแทบจะได้ยินเสียงดังกรอบแกรบแล้ว
จากนั้นเสียงร้องที่เหมือนกับสุกรถูกเชือดก็ดังขึ้นในทันใด “โอ๊ย พอแล้วๆ… โอ๊ย… เจ็บ… เจ้า กระดูกข้าหักแล้ว… โอ๊ย พวกเจ้าสองคนฆ่าหญิงผู้นั้นเสีย ฆ่านาง ฆ่านางเสีย พวกมันเป็นกบฏ เป็นกบฏ ฆ่าพวกมันเสียแล้วจะได้รางวัล”
ทหารสองคนนั้นมองหน้ากันอย่างตกตะลึง การจับคนก็เรื่องหนึ่ง แต่การฆ่าคนในที่เกิดเหตุก็เป็นอีกเรื่อง
ในตอนที่กำลังลังเลนั้นเอง จู่ๆ ก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาจากด้านนอก “หัวหน้า ข้างนอก ข้างนอก…”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขนาดบอกว่าเป็นท่านอ๋องแล้วยังไม่เชื่อกันอีก ในหัวมีแต่น้ำมันหมูหรืออย่างไร
ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันนะ แต่น่าจะเข้าทางท่านอ๋องล่ะ
ไหหม่า(海馬)