อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 895 กระอักกระอ่วน
ตอนที่ 895 กระอักกระอ่วน
ตอนที่ 895 กระอักกระอ่วน
สีหน้าของทหารผู้นั้นฉายความประหลาดใจ ยังไม่ทันได้วิ่งมาถึงข้างกายหัวหน้าสายตรวจฉิน จู่ๆ ก็มีคนเดินผ่านหน้าไปคนหนึ่ง คนผู้นั้นหลังเดินผ่านเขาไปก็นั่งคุกเข่าทำความเคารพเย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋อง พาคนมาแล้วขอรับ”
“อืม” เย่ซิวตู๋เพียงแต่พยักหน้า ให้ผู้พิทักษ์ทมิฬถอยไป
หัวหน้าสายตรวจฉินข่มกลั้นความเจ็บปวด ยังคงตะโกนบอกให้คนฆ่าเยว่ซินเสีย
ทหารที่เดินทางมาอย่างเร่งรีบได้วิ่งมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว กล่าวอย่างร้อนรน “หัวหน้า ท่านผู้ตรวจการมาแล้วขอรับ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” หัวหน้าสายตรวจฉินตะลึงไป ไม่ทันได้สนใจความเจ็บปวดและคิดจะผุดลุกขึ้น แต่เย่ซิวตู๋ยังเหยียบเขาอยู่ เขาพยายามยกขาอีกฝ่าย แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถออกแรงได้ ขยับเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ขณะกล่าวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นล่าง ไม่นานนักก็เห็นทหารคู่หนึ่งเข้ามา แยกกันไปสองด้าน สีหน้าเคร่งขรึมและดูเคารพยำเกรง
ต่อจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนสวมหมวกผ้าแพรบาง สวมชุดราชการสีแดงเข้มเดินเข้าประตูมาอย่างเร่งรีบ
ดวงตาของเขากวาดมองสำรวจทั่วทั้งโรงเตี๊ยมรอบหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็ไปหยุดอยู่ตรงร่างสูงที่ทางเดินชั้นสอง ยังไม่ทันได้หายใจก็รีบเดินขึ้นมา
เมื่อเดินมาใกล้ก็โค้งคำนับให้เย่ซิวตู๋ “ผู้ตรวจการแห่งจ้าวเฉิง หลัวเซิ่งโหย่วได้พบท่านอ๋องซิวแล้ว ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะมาที่นี่ จึงได้มองข้ามไป โปรดท่านอ๋องประทานอภัยด้วยขอรับ”
หลัวเซิ่งโหย่วเคยพบเย่ซิวตู๋แล้ว ถึงจะไม่เคยพูดคุยหรือสนิทสนม แต่ท่านอ๋องคือคนที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุด ในใจพวกเขาก็ล้วนจดจำได้อยู่
เขาไม่คาดคิดว่าเย่ซิวตู๋จะอยู่ที่นี่ และที่ยิ่งไม่คาดคิดเลยก็คือผู้พิทักษ์ทมิฬของเย่ซิวตู๋จะหาตนพบ บอกว่ามีคนมาตะคอกขู่เข็ญท่านอ๋องที่โรงเตี๊ยม
เขาได้ยินเข้าก็ตกใจจนเหงื่อตก ถึงแม้ตำแหน่งของตนที่นี่จะสูงส่ง แต่ไม่ว่าจะสูงเพียงใด ก็คงไม่เท่าองค์ชายของฮ่องเต้และพระนัดดาของฮ่องเต้หรอกไม่ใช่หรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุดอีกด้วย ช่วงนี้องค์รัชทายาทถูกปลด ในใจทุกคนก็ยิ่งเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่แน่อาจจะเป็นองค์รัชทายาทในอนาคต เป็นฮ่องเต้ในอนาคต เขาจะกล้าละเลยไปแม้แต่น้อยได้อย่างไร?
เพียงแค่หลัวเซิ่งโหย่วกล่าวออกมา คนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไป
โดยเฉพาะหัวหน้าสายตรวจฉินที่ยังนอนอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องซิว… ท่าน…อ๋อง…ซิว…หรือ?
จากนั้นเย่ซิวตู๋จึงค่อยๆ ยกเท้าออกจากหลังมือของหัวหน้าสายตรวจฉิน มองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งก่อนจะกล่าว “ใต้เท้าหลัวไม่ต้องมากพิธีรีตองไป ข้าเองก็เพียงผ่านมาเยือนจ้าวเฉิง ไม่ชอบความเอะอะวุ่นวาย จึงได้เดินทางอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึง…ว่าจะมีคนไม่ยอมให้ข้าได้อยู่อย่างสงบ”
หลัวเซิ่งโหย่วมองตามสายตาของเขา ก็เห็นท่าทางของหัวหน้าสายตรวจฉินอยู่ในความงุนงง โมโหขึ้นมาทันที “มา มาจับตัวคนไม่รู้ความที่มารบกวนท่านอ๋องเหล่านี้ไปขังเสีย อีกเดี๋ยวบอกข้าหลวงฉินด้วย ว่าลูกน้องเขาทำเรื่องโง่ๆ อันใดลงไป”
หลัวเซิ่งโหย่วแสดงตนว่าไม่เกี่ยวข้องในทางอ้อม บอกให้ชัดว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนของเขา ให้เย่ซิวตู๋อย่าคิดบัญชีกับเขา
ไม่นานนักก็มีผู้อารักขาเข้ามา ฉุดตัวหัวหน้าสายตรวจฉินขึ้นจากพื้น
หัวหน้าสายตรวจฉินจึงตอบสนอง ร่างกายหนาวเยือก ไม่สามารถหนีไปไหนได้
เขาถูกคนลากไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็หันหน้ากลับมา ผลักตัวสองคนนั้นออกไปแล้วก้มหัวอยู่ตรงหน้าเย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋องๆ ข้าน้อยสมควรตายขอรับ ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ท่านอ๋อง ขอท่านอ๋องไว้ชีวิตข้า ข้าน้อยสมควรตายขอรับ”
เย่ซิวตู๋มองลงไปหาเขา แค่นหัวเราะ “เจ้าจะมีตาหามีแววไม่ได้อย่างไร เจ้าภักดีในหน้าที่ เจ้าทำผิดตรงไหนกัน ที่ผิดคือบุตรชายของข้าต่างหาก เจ้าพูดถูก ต่อให้เจ้าฆ่าบุตรชายของข้า เจ้าก็คงไม่สูญเสียแม้แต่ผมเส้นเดียว เจ้ายังจะได้ความดีความชอบเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังมีสาวใช้ของข้า นั่นก็ช่างไม่รู้ความ ในเมื่อถูกเจ้าจับแล้ว ก็ควรคิดได้แล้วฆ่าตัวตายเสีย เหตุใดจึงต้องให้เจ้าลงมือฆ่าเองด้วยเล่า จะทำให้มือพวกเจ้าเปื้อนเลือดเสียเปล่าๆ”
“อีกอย่าง ในห้องของข้าอาจจะมีคนร้ายที่เจ้าตามหาอยู่ก็เป็นได้ เข้าไปเถิด ตรวจสอบให้ชัดเจนเสียหน่อย จะไปรบกวนการพักผ่อนของภรรยาข้าก็ไม่เป็นไร เจ้าจะได้ไม่ต้องพูดว่าข้านั้นเป็นพวกเดียวกับอาชญากร นี่เป็นอาชญากรรม ข้าคงไม่กล้ารับผิดชอบ”
หลัวเซิ่งโหย่วได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่รูม่านตาจะหดลง เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา เจ้าหัวหน้าสายตรวจฉินนั้นกล่าวคำพูดไม่รู้ความเช่นนี้จริงๆ หรือ ทั้งยังคิดจะจัดการบุตรของท่านอ๋องซิวอีก…
เขามองไปทางเยว่ซิน คำรามใส่ทหารสองคนนั้น “ยังมัวตกใจอันใดอีก ปล่อยนางเสีย”
ทั้งสองคนที่ยังจ่อมีดไว้ที่คอของเยว่ซินนั้นตกตะลึงไป เมื่อได้ยินเสียงของหลัวเซิ่งโหย่วก็ตกใจทันที รีบทิ้งมีดลงกับพื้นแล้วคุกเข่าลงไป
ทันทีที่พวกเขาคุกเข่า ทหารคนอื่นๆ ก็ได้สติขึ้นมา พากันคุกเข่ากันเป็นการใหญ่ “คารวะท่านอ๋อง”
เย่ซิวตู๋หัวเราะหยัน “ข้ามิกล้าหรอก”
เขาพูดจาเหน็บแนม อวี้ชิงลั่วที่อยู่ด้านหลังประตูเมื่อได้ยินก็หัวเราะออกมา ช่างหาได้ยากที่เย่ซิวตู๋จะพูดจามากมายเช่นนั้นในคราวเดียว ทั้งยังลำบากเขาอีก
เจียงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างก็ได้ยินเช่นกัน สีหน้าดูลำบากใจ “ข้าทำให้ท่านอ๋องลำบากแล้วจริงๆ”
อวี้ชิงลั่วชะงักงัน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่หรอก”
เจียงอวิ๋นเซิงถอนหายใจ เจ็บแผลอีกครั้ง หลับตาพักไปครู่หนึ่ง
อวี้ชิงลั่วเพียงแต่นั่งดื่มชาเงียบๆ ฟังการเคลื่อนไหวภายนอก
หลัวเซิ่งโหย่วโมโหกับการกระทำโง่ๆ ของทหารเหล่านี้จริงๆ มองดูท่าทางของหัวหน้าสายตรวจฉินก็รู้แล้วว่าท่านอ๋องซิวไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไป
จึงสั่งให้นำตัวคนไปโบยชุดหนึ่ง จากนั้นก็โยนเข้าไปไว้ในห้องขัง
ทหารคนอื่นๆ ที่คุกเข่าอยู่พากันตัวสั่น ไม่กล้ากล่าวอันใดอีก
หลัวเซิ่งโหย่วลากตัวทุกคนออกไป รอให้จัดการอีกครั้ง
หลังจากสั่งการเสร็จแล้วก็หันกลับมามองสีหน้าของเย่ซิวตู๋ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทางไม่พอใจอันใด ก็ค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบขอโทษขอโพย
บอกว่าต้องการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเย่ซิวตู๋ที่ร้านอาหาร เย่ซิวตู๋ไม่ได้สนใจอันใด แต่หนานหนานกลับมีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา กอดคอเขาแล้วทำท่าทางน่าสงสาร
เย่ซิวตู๋คิดได้ว่าช่วงนี้ต้องใช้ชีวิตลำบาก รีบเร่งเดินทางมาโดยตลอด เด็กน้อยไม่ได้กินดีอยู่ดีเช่นก่อนหน้า ในใจก็อดทนไม่ไหว
แต่ตอนนี้ในห้องยังมีเจียงอวิ๋นเซิงอยู่ เมื่อคิดแล้วก็ปฏิเสธไป
หลัวเซิ่งโหย่วเป็นคนฉลาด เห็นท่าทางตะกละของหนานหนาน ถึงแม้เย่ซิวตู๋จะไม่ไปงานเลี้ยง แต่เขาก็ยังให้พ่อครัวที่ร้านอาหารทำอาหารอร่อยๆ ส่งมาให้
อวี้ชิงลั่วที่อยู่ในห้องนั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันก็พูดไม่ออก
จริงๆ การถูกคนรู้ตัวตนเข้า ก็ถือว่ามีปัญหาอยู่
เจียงอวิ๋นเซิงกลับเม้มปาก ในใจเขา… จริงๆ กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
เขาเงยหน้ามองไปทางอวี้ชิงลั่ว คิดจะอ้าปากสองสามครั้ง สุดท้ายกลับกลืนลงคอไปหมด มีท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วมองเห็นก็ถามเขาอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เพิ่งรู้เหรอว่านั่นท่านอ๋องซิว ความรู้สึกช้ากันจริง
หนานหนานหิวโซมาจากไหนลูก พอได้ยินว่าจะจัดงานเลี้ยงนี่ตาเป็นประกายเชียวนะ
ไหหม่า(海馬)